เหล่า "สัตว์" ที่เหมือนมาจากการ "รวมร่าง" ของสัตว์ชนิดอื่นๆ

บางครั้งธรรมชาติก็เหมือนจะขี้เกียจคิดหาทาง เลยสร้างสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับแค่เอาสัตว์ตัวหนึ่งมาผสมกับตัวหนึ่ง ได้ออกมาเป็นสัตว์ชนิดใหม่ที่ได้ลักษณะเด่นของสัตว์สองชนิดมารวมกัน ทำให้ดูทีไรก็ยังรู้สึกประหลาดใจและเอ็นดูกับสัตว์หน้าตาแปลกๆ เหล่านี้ที่เหมือนเกิดจากการ “รวมร่าง” กันของสัตว์ชนิดอื่นๆ



หมู + ปลาหมึก = หมึกลูกหมู

ที่มาภาพ Carly Googles

ถ้าดูจากรูปวาดการ์ตูนแล้วมันดูเหมือนหมูไม่มีขา แต่ถ้าดูภาพของจริง (ตัวใสๆ) ก็จะดูเหมือนกับปลาหมึกที่มีจมูกหมูงอกออกมา สัตว์หน้าตาน่าเอ็นดูนี้คือ หมึกลูกหมู (Helicocranchia pfefferi หรือ Piglet Squid) ที่ดูเหมือนตัวโปเกมอนไม่มีผิด

หมึกลูกหมู เป็นปลาหมึกชนิดหนึ่งซึ่งไม่ค่อยมีใครถ่ายภาพได้นัก เพราะมันแอบซ่อนอยู่ในน้ำลึกทำให้ไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของมันเท่าไหร่ นอกจากเป็นปลาหมึกที่แปลกสุดๆ แล้ว มันยังดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยตัวอ้วนๆ กลมๆ น่ากอด ส่วนหนวดก็อยู่ในตำแหน่งที่ดูเหมือนเป็นเส้นผมพอดี แถมยังมีตาโตเป็นประกายเพราะในลูกตาของมันมีอวัยวะที่ชื่อ Photophores ที่ทำให้เกิดแสงวิบวับ เรียกว่าธรรมชาติบังเอิญสร้างมาให้น่ารักพอดิบพอดีจริงๆ


กวาง + หนู = กระจง

ที่มาภาพ Tumblr , BioLib

ภาพนี้ดูเหมือนกับโดนตัดต่อเอาตัวหนูมาใส่ขากวาง แต่จริงๆ แล้วนี่คือสัตว์ที่มีชื่อว่า กระจง (Chevrotain) เป็นสัตว์มีกีบที่เล็กที่สุดในโลก ขนาดของมันเล็กกว่ากวางทั่วๆ ไป คือขนาดเท่ากับประมาณกระต่ายตัวโตๆ เท่านั้นเอง

หลายคนอาจจะสงสัยว่าสัตว์โลกตัวเล็กๆ แบบนี้ ถ้าเกิดมีเรื่องทะเลาะกันจะเอาอะไรไปสู้คนอื่นเขาได้ ความจริงคือ กระจงตัวผู้มีเขี้ยวยาวแหลมคมเหมือนกับดาบที่ดูน่ากลัวไม่เข้ากับหน้าตาน่ารักสักนิดติดมาด้วย ซึ่งมันก็จะใช้เขี้ยวนี้ในการต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงตัวเมีย


กระรอกดิน + ตัวนิ่ม = นิ่มนางฟ้าสีชมพู

ที่มาภาพ Unpaseoporla Zoologia , Tumblr

นิ่มนางฟ้าสีชมพู (Pichiciego) เป็นสัตว์ที่ตัวมีขนปุกปุยเหมือนกับกระรอกดิน (Prairie dog) แต่เอากระดองกับเล็บของตัวนิ่มมาใส่ และความจริงแล้วมันคือสัตว์สายพันธุ์เดียวกับตัวนิ่มนั่นเอง

สัตว์ชนิดนี้พบได้ที่ประเทศอาร์เจนติน่า มันเป็นสัตว์กลางคืนและเป็นสายพันธุ์เล็กที่สุดในหมู่ตัวนิ่มด้วยกัน ซึ่งขณะนี้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เป็นอย่างมากเพราะถูกมนุษย์รุกรานถิ่นที่อยู่อาศัยและมักโดนสุนัขบ้านกัด มันเป็นสัตว์ที่เคลื่อนไหวได้เชื่องช้าเมื่ออยู่บนดิน แต่ถ้าลงไปใต้ดินมันรวดเร็วไม่แพ้ตัวตุ่นเลยทีเดียว

กรงเล็บขนาดใหญ่ของตัวนิ่มนี้บวกกับกระดองหลังแข็งๆ ทำให้มันสามารถขุดดินได้เร็วมาก ถ้าถูกคุกคามมันจะขุดดินหนีได้ในเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น และเนื่องจากอาหารหลักของมันคือ มด มันจึงยังใช้กรงเล็บนี้ขุดดินเข้าไปใกล้รังมดเพื่อจับกินเป็นอาหารอีกด้วย


แพะ + ช้าง = กุย

ที่มาภาพ Tumblr , Global Animal

สัตว์ชื่อแปลกๆ ว่า กุย (Saiga) นี้ เป็นส่วนผสมระหว่างตัวกับเขาของแพะ และจมูกเหมือนกับงวงช้าง ทำให้ออกมาหน้าตาดูแปลกๆ น่าขันอย่างที่เห็น

กุยมีถิ่นอาศัยอยู่ในที่ราบของประเทศมองโกเลียและรัสเซีย เขาของมันถูกคนจีนนำมาทำเป็นยามาหลายทศวรรษแล้ว งวงที่คล้ายกับงวงช้างแบบสั้นๆ นี้ใช้ในการจับเอาใบไม้ ใบหญ้าเข้าปาก อีกอย่างที่ทำให้กุยเป็นสัตว์พิเศษคือ มันสามารถกินต้นไม้มีพิษที่เป็นอันตรายได้อย่างสบายๆ

เมื่อไม่กี่ร้อยปีที่แล้วกุยเป็นสัตว์ที่มีอยู่ทั่วๆ ไปในแถบยุโรปและอเมริกาเหนือ แต่ด้วยความที่มันมีช่วงอายุสั้นคือ แค่เพียง 6-10 ปี เท่านั้น ทำให้ประชากรลดลงอย่างรวดเร็ว มีช่วงหนึ่งที่สหภาพโซเวียตประกาศให้กุยเป็นสัตว์คุ้มครองห้ามล่า ทำให้ประชากรของมันเริ่มมีมากเพิ่มขึ้น แต่เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายมันก็เลยเริ่มถูกล่าโดยมนุษย์อีกครั้ง จนทุกวันนี้มันเลยกลับมาเป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อีกครั้ง


กระต่าย + จิงโจ้ = บิลบี

ที่มาภาพ Tumblr

บิลบี (Bilby) เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลีย ลักษณะร่างกายและการกระโดดของมันเหมือนกับจิงโจ้ แต่มีหูยาวๆ เหมือนกับกระต่าย และหน้าแหลมเหมือนกับหนู

ตัวบิลบีอยู่ในสายพันธุ์เดียวกับตัวแบนดิคูต หูยาวๆ ของมันเอาไว้ใช้รับเสียงได้อย่างดีเยี่ยมและยังใช้เป็นตัวปรับอุณหภูมิร่างกายอีกด้วย นอกจากนั้นมันก็เหมือนกับจิงโจ้คือ เคลื่อนที่ด้วยการกระโดดบนขาหลังและมีกระเป๋าหน้าท้องไว้ใส่ลูกอ่อนเหมือนกัน

ในช่วง 200 ปี มานี้จำนวนของบิลลีลดลงอย่างน่าตกใจเพราะถูกล่าโดยศัตรูตัวฉกาจของมันคือ กระต่ายและแมว (โดนกระต่ายล่านี่ไม่เท่เลย) นักอนุรักษ์ธรรมชาติพยายามกระตุ้นให้คนเห็นความสำคัญของบิลบีด้วยการ พยายามเรียกร้องให้ออสเตรเลียเปลี่ยนสัญลักษณ์ของเทศกาลอีสเตอร์จากกระต่ายมาเป็นบิลบีแทน นอกจากนั้น นักอนุรักษ์ธรรมชาติเหล่านี้ยังพยายามฝึกบิลบีตัวน้อยให้หลบหลีกจากแมว โดยการ เอาซากแมวที่ตายแล้วมาเป็นตัวช่วยฝึกบิลลี แบบนี้จะช่วยให้ดีขึ้นหรือช่วยให้มันกลัวมากขึ้นกันแน่ล่ะเนี่ย


หนูแฮมเตอร์ + หมู = ค้างคาวขาวฮอนดูรัน

ที่มาภาพ The Featured Creature

ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ขนปุย น่ารักขนาดนี้จะเป็นสัตว์จริงๆ ไม่ใช่ตุ๊กตา แค่ดูจากภาพที่พวกมันกอดซุกกันอยู่ใต้บ้านใบไม้ก็บรรยายไม่ถูกแล้วว่าน่าเอ็นดูขนาดไหน แต่ถึงจะน่ารักยังไง เป็นไปได้ก็อย่าเข้าไปจับเลยจะดีกว่า เพราะ ค้างคาวขาวฮอนดูรัน (Honduran white bat) เองก็เหมือนกับค้างคาวทั่วๆ ไปคือ มันเต็มไปด้วยเชื้อโรคนั่นเอง

ค้างคาวขาวฮอนดูรัน เป็นค้างคาวกินผลไม้สายพันธุ์พิเศษ มันมีความสามารถในการตัดและม้วนพับใบไม้ให้มาคลุมตัวมันเหมือนกับเป็นเต็นท์ได้ ทำให้มันกลายเป็นค้างคาวที่ไม่จำเป็นต้องไปหาถ้ำนอน แต่มันสามารถสร้างที่นอนขึ้นมาเองได้

ค้างคาวขาวฮอนดูรันตัวผู้จะอยู่เป็นฮาเรมกับตัวเมียหลายๆ ตัว ห้อยหัวเกาะอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มในตอนกลางวัน พอตกค่ำก็จะพากันบินออกไปหาผลไม้กิน แต่อย่างที่ว่า ไม่ว่าจะน่ารักแค่ไหนค้างคาวขาวฮอนดูรันก็เป็นพาหะนำโรคหลายชนิด เช่น โรคพิษสุนัขบ้า และเมื่อไม่นานมานี้นักวิทยาศาสตร์ก็เพิ่งค้นพบค้างคาวสายพันธุ์ที่กินผลไม้เหมือนกับมันเป็นพาหะนำเชื้อโรคที่ใกล้เคียงกับเชื้ออีโบล่าอีกด้วย เพราะฉะนั้นอย่าไปโดนมันกัดเข้าเป็นอันขาด


มด + ผึ้ง = มดขนปก

ที่มาภาพ utk , lancaster

แค่มดกับผึ้งธรรมดายังแย่ไม่พอ ธรรมชาติยังสร้างสัตว์ที่ผสมกันระหว่างผึ้งกับมดที่ต่อยเจ็บสุดๆ ขึ้นมาอีก ถึงจะดูเหมือนมดลายผึ้ง แต่ความจริงแล้ว มดขนปก (Velvet Ant) ไม่ใช่ทั้งผึ้ง และไม่ใช่ทั้งมด แต่เป็นสายพันธุ์เดียวกับตัวต่อ

มดขนปกตัวเมียจะไม่มีปีก ทำให้มันต้องเดินอยู่กับตามพื้น (เลยเป็นเหตุให้เข้าใจผิดว่ามันคือมด) ส่วนตัวผู้จะมีปีก ดูเหมือนตัวต่อขึ้นมาอีกหน่อย

มดขนปกมีเหล็กไนยาวถึงหนึ่งนิ้วแอบซ่อนเอาไว้ทำให้มันสามารถต่อยได้เจ็บสุดๆ ขนาดที่ได้ชื่อเล่นว่า “The cow killer” เจ็บขนาดไหนคิดดู และมดชนิดนี้มีอยู่ถึง 150 สายพันธุ์ กระจัดกระจายอยู่ในประเทศเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา และตอนใต้ของแคนาดา เพราะฉะนั้นถ้าใครไปตามแถบที่ว่านี้ เวลาจะนั่งบนพื้นทรายก็อย่าลืมลองดูดีๆ ก่อนว่าไม่มีมดหน้าตาแปลกๆ เดินอยู่แถวนั้น

Credit: Dominic
28 มิ.ย. 56 เวลา 08:36 5,915 3 60
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...