เสียงเซ็ง แซ่และความขวักไขว่วุ่นวาย เป็นสิ่งที่อยู่คู่ตลาดทุกแห่งทั่วโลก แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ตลาดแต่ละแห่งนั้นล้วนมีที่มา และเอกลักษณ์ของตัวเองที่ต่างกันไป หลายคนคงเถียงอยู่ในใจ ตลาดที่ไหนๆ ก็เหมือนๆ กันหมด ของสด ของแห้ง อาหารหวานคาว หรือถ้าเป็นสมัยนี้จะเพิ่มเสื้อผ้าของใช้เข้าไปด้วยก็ได้
แต่ตลาดแห่งหนึ่งที่ถือว่าเป็น “ต้นแบบ” ของตลาดสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่นิยมของดีราคาย่อมเยา และมีของแปลกใหม่ให้เลือกซื้อเลือกชมตลอดสองข้างทาง แถมยังเป็นแหล่งรวมความอิ่มอร่อยมาช้านาน ถ้าให้เลือกขึ้นมาชื่อหนึ่งแล้ว เชื่อว่า “ตลาดวังหลัง” ต้องติดผังตลาดยอดนิยมที่ครองใจคนกทม.อย่างไม่ต้องสงสัย
ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาระหว่างท่าน้ำศิริราช และถ.อรุณอัมรินทร์ ยังมีตรอกเล็กๆ ที่คึกคักไปด้วยผู้คนมาจับจ่าย บ้างก็เล่นเดินทอดน่องหาของกินรองท้อง บ้างก็จับจองเป็นพื้นที่ค้าขาย อวดฝีมือของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร รวมๆ กันไปเป็นลมหายใจของตลาดคนเดินแห่งนี้
สำหรับที่มาของชื่อเรียกติดปากว่า “วังหลัง” นั้น ดั้งเดิมแล้วบริเวณที่ตั้งส่วนหนึ่งของตลาดในปัจจุบัน คือ พระราชวังของสมเด็จ เจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์กรมพระราชวังบวรสถานภิมุข ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ถัดจากวังหลังลงไปทางวัดระฆังฯ เป็นตำบลสวนมังคุด ซึ่งมีวังที่ประทับเดิมของสมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี และยังมีร่องรอยแนวกำแพงอิฐเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีให้เห็นอยู่
ในปัจจุบัน วังหลัง เป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลศิริราช แต่ก่อนเคยเป็นโรงเรียนสตรีแห่งแรกของประเทศ ชื่อว่า “โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง” ต่อมาย้ายไปอยู่ที่ซอยวัฒนา ถนนสุขุมวิท คือ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยในปัจจุบัน ต่อมาสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์ ทรงจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลศิริราชขึ้นแทน
ตลาดวังหลัง เป็นย่านเก่าลักษณะเป็นซอยยาวมีตรอกแยกออกไป ปัจจุบันตลาดนี้เป็นที่รู้จักดีของคนวัยทำงาน นักศึกษา นักเรียน เพราะมีทั้งของอร่อย และสินค้าทันสมัย กับสินค้ามือสองให้เลือกซื้อมากมาย
เสน่ห์ของ ตลาดวังหลัง อยู่ที่สินค้าราคาน่าคบ หากเป็นวัยรุ่นจะคุ้นเคยกับการเดินเลือกซื้อเสื้อผ้ามือสองราคาถูกที่หลายๆ ร้านก็มักจะรับมาจากตลาดโรงเกลือ เพื่อนำมาขายในราคาที่แทบจะแจกฟรี สาวๆ วัยเรียนตลอดจนวัยทำงานที่นิยมแต่งตัวแนวๆ มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร จึงสนุกสนานกับการจับกลุ่มขยุ้มกองเสื้อผ้าหาของดีไปแมทช์กับการแต่งตัว หรือใครอยากจะอัพเดทแฟชั่น คอลเลคชั่นใหม่ๆ เก๋ๆ เขาก็มีให้เลือกให้ลองแบบไม่ต้องเกรงใจ
แต่เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของ ตลาดวังหลัง ที่ดูจะเข้าถึงทุกระดับทุกเพศทุกวัย ก็คือ สารพันอาหารหวานคาวชวนให้อิ่มอร่อย ใครที่หวังจะฝากท้องไว้ที่ตลาดแห่งนี้ทุกคนจะรู้ดีว่าอาจได้เจอร้านโดนๆ ที่พร้อมจะฝากท้องกันต่อไปในอนาคตได้อีกอย่างน้อยๆ ก็คนละร้าน ร้านอร่อยต้นตำรับวังหลังหากจะให้นึกว่ามีอะไรบ้าง ร้านขนมอบเก่าแก่อย่าง “วังหลังเบเกอรี่” น่าจะเป็นลำดับแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง เพราะเจ้านี้คือต้นตำรับของขนมปังอบสดใหม่ๆ และขนมปังปอนด์หลากหลาย โดยเฉพาะขนมปังไส้หมูหยองน้ำพริกเผา กับรสชาติกลมกล่อมหอมนุ่มขนมปังที่ยังไม่แปรเปลี่ยน
ส่วนเมนู อิ่มอร่อยขึ้นชื่อ ขาประจำของตลาดแห่งนี้ต้องคุ้นเคยกันดีกับ “ร้านข้าวแกงป้าสินธุ์” ร้านอาหารสำเร็จรูปปรุงสดใหม่ ทว่าในบางเมนูที่เรียบง่ายก็ยังแฝงด้วยรสชาติแบบแกงไทยๆ แถมด้วยเมนูพิเศษประจำวันที่จะเป็นอาหารไทยที่หาทานได้ยาก อย่างเช่น ปลาทูต้มเค็ม ซึ่งเป็นเมนูพิเศษประจำวันอังคาร เหล่านี้คือเมนูอาหารที่หลายบ้านหอบหิ้วใส่ถุงอิ่มอร่อยไม่ต้องปรุงมา นานกลายสิบปี หรือจะขยับไปที่ร้านอร่อยดั้งเดิมที่เปิดมานานกว่า 40 ปี ก็ต้องเป็นร้านนี้ “หอยทอดตี๋ใหญ่” สูตรแป้งกรอบร่วนและน้ำซอสทำเองจึงมีรสชาติอร่อยเฉพาะตัวและยังคงเป็นขวัญใจ ของเดินตลาดมาจนถึงทุกวันนี้
เราสาธยายมาจนจะหมดพื้นที่ แต่ก็ยังบอกได้แค่เสี้ยวเดียวของสีสันแห่ง ตลาดวังหลัง ซึ่งยังคงมีคสามตื่นตาตื่นใจรอให้ไปเดินสำรวจกันทั้งอาหารปาก อาหารตา และอาหารใจ ใครมีเวลาว่างยามสายๆ หรือบ่ายคล้อยๆ ลองนั่งเรือด่วนไปเดินเล่นที่ตลาดวังหลัง ตรงจากท่าศิริราชหรือท่าวังหลังเพียงไม่กี่อึดใจก็จะพบกับความละลานตาไม่มี สิ้นสุดของตลาดแห่งนี้กันแล้ว
ตลาดวังหลัง เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด ตั้งแต่ 10.00 – 17.00 น. หากมาจากใจกลางเมือง สามารถใช้บริการรถไฟฟ้า BTS โดยลงที่สถานีสะพานตากสิน ออกทางออกที่ 2 ต่อเรือด่วนเจ้าพระยาที่ท่าสาทรเพื่อไปขึ้นที่ท่าวังหลัง (ท่าศิริราช) ลองเปลี่ยนบรรยากาศจากห้างหรูแอร์เย็นฉ่ำ หรือคอนเซปท์มอลล์ที่ล่อใจให้นั่งเล่นด้วยร้านเก๋ๆ แต่แบรนด์ฝรั่ง มาเดินดูวิถีไทยแท้แต่มีสีสันแบบไทยๆ เราบ้าง ก็จะสร้างความอิ่มเอมใจได้ไม่ต่างกัน และที่สำคัญ อิ่ม-คุ้ม-ถูก แบบนี้ คงไม่มีให้เลือกในห้างติดแอร์อย่างแน่นอน
บทความน่าอ่านจาก http://www.emaginfo.com ร่วมกับ travel.mthai.com
View Larger Map