นักศึกษาสาว ม.ราม โวย ร.พ.เอกชนย่านบางมด วินิจฉัยโรคผิด ต้องควักตาทิ้ง
กอง บังคับการปราบปราม นางลีน่า จังจรรจา นำ น.ส.กรศิริ พระศรีรัมย์ อายุ 23 ปี น.ศ.ม.รามคำแหง เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้อำนวยการรพ.เอกชนย่าน บางมด แพทย์ พยาบาล และนักศึกษาแพทย์ ในความผิดฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือ จิตใจ
น.ส.กรศิริ กล่าวว่า ต้นเดือนพฤศจิกายน 2550 ขณะที่ตนยังทำงานอยู่ที่โรงงานถุงพลาสติกย่านบางมด กทม.ได้มีอาการปวดขมับขวาจึงเข้ารับการรักษาที่ รพ.แห่งนี้ โดยใช้สิทธิประกันสังคม โดยแพทย์ที่รักษาวินิจฉัยว่าสาเหตุมาจากอาการฟันผุ และให้นอนพักดูอาการอยู่ 2 วัน ระหว่างนั้นก็รู้สึกปวดตา แต่พยาบาลกับนักศึกษาแพทย์ได้สลับกัน นำน้ำแข็งและน้ำร้อนมาประคบตาให้ ก่อนที่แพทย์ก็อนุญาตให้กลับได้ ซึ่งตนได้ขอให้ออกใบรับรองแพทย์เนื่องจากต้องเบิกประกันสังคม โดยแพทย์ระบุอาการมาจากโรคฟันผุ ติดเชื้อในช่องปากทำให้ตาบวม
แต่ หลังจากนั้นไม่นานก็รู้สึกปวดศีรษะมากยิ่งขึ้น จึงตัดสินรีบกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง คราวนี้แพทย์กลับบอกว่าตาขวาตนติดเชื้อรา แต่ก็ไม่รับรักษาให้ก่อนจะส่งตัวไปที่ รพ.ศิริราช กระทั่งเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2550 แพทย์ได้ตัดสินใจควักดวงตาข้างขวาออก ต่อมาทางผู้อำนวยการ รพ.ดังกล่าวได้โทรศัพท์มาหามารดาตนพร้อมกับแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิด ขึ้น
"หลังจากถูกควักดวงตาข้างขวาออกแล้ว ทางโรงพยาบาลก็มารับตัวกลับแต่ก็ไม่ได้รักษาอาการและใส่ตาเทียมให้จนดวงตา เริ่มอักเสบมีน้ำหนองไหลออกมา จากนั้นทาง รพ.แจ้งว่าจะส่งตัวไปผ่าตัดรักษาที่ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า โดยขอให้ย้ายไปใช้ประกันสังคมที่นั่นแทน แต่หนูกับทางญาติไม่ได้ตอบตกลงและได้เข้าปรึกษากับนางลีน่า ก่อนจะพากันเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับทาง รพ.เอกชนดังกล่าว"
นพ.ธรภณ ตรีคุณประภา ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ รพ.บางมด 1 กล่าวถึงกรรีดังกล่าวว่า ทาง รพ.ยืนยันว่าได้ให้การดูแลรักษา น.ส.กรศิริ อย่างเต็มที่ไม่ได้ละเลยเนื่องจากผู้ป่วยมีอาการของโรคที่ซับซ้อนต้องอาศัย แพทย์ด้านอายุรกรรม แพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่อง หู ตา คอ จมูก และแพทย์อีกหลายกลุ่มมาช่วยทำการรักษา นอกจากนี้ยังปรึกษากับอาจารย์แพทย์ ที่ รพ.ศิริราช ในกรณีของผู้ป่วยรายนี้โดยตลอด มีการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ตรวจดูอาการอย่างใกล้ชิด
การเอ็กซเรย์ตรวจ สอบเป็นเพราะอาการปวดศีรษะของผู้ป่วยมีอาการมากขึ้น เราตรวจในหลายๆ จุด เพื่อหาสาเหตุ มีการเอ็กซเรย์อยู่เป็นระยะๆ กระทั่งก่อนส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ศิริราช นั้น อาการของเชื้อราลุกลามเร็วมากเนื่องจากผู้ป่วยมีมีน้ำตาลในเลือดสูง หากไม่ควักตาข้างขวาออกอาจลามไปที่ตาซ้ายและอาจส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตได้
แพทย์ จึงให้ผู้ป่วยเซ็นชื่อยินยอมให้มีการผ่าเอาดวงตาขวาออกซึ่งการผ่าตัดก็เรียบ ร้อยดี หลังจากนั้นช่วงปี 2551 ผู้ป่วยก็เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องโดยนอนอยู่ที่ รพ.กว่า 100 วัน จนทางประกันสังคมให้แจ้งเป็นกรณีผู้ป่วยทุพพลภาพ กระทั่งเมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา ทาง รพ.ก็ไม่ได้รับการติดต่อจากผู้ป่วยรายนี้อีกเลย
ใน ระหว่างการรักษาผู้ป่วยรายนี้ รพ.ได้ประสานกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อทำตาเทียมซึ่งก็ดำเนินการให้จนเสร็จสิ้น แต่ทางผู้ป่วยอ้างว่าไม่สวยไม่ถูกใจก็มีการแก้ไขทำเบ้าลูกตาเทียมให้ใหม่ สามารถใช้สวมเข้าและถอดออกได้ ตนจึงไม่ทราบว่าผู้ป่วยต้องการเรียกร้องอะไร เนื่องจากการดำเนินการของ รพ.มีหลักฐานยืนยันว่าการรักษาเป็นไปตามขั้นตอน เราทำงานกันเต็มที่แล้ว