โรคที่มนุษย์เป็นนั้นมีอยู่หลายพันล้านโรคที่มนุษย์สรรหามาเป็นกันได้ แต่มีบางชนิดที่เราแทบไม่เคยเห็นหรือรู้จักมาก่อนเลย นี้คือ 10 อันดับ เกี่ยวกับโรคลึกลับที่คนนิยมป่วยกันน้อยมากและเป็นโรคแปลกประหลาดที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดอีกด้วย
มาเริ่มต้นที่อันดับ 10 ของทีมงาน toptenthailand โรค Gulf War Syndrome หรือ GWS เป็นโรคที่พบในรายงานทหารผ่านศึกในสงครามอ่าวเปอร์เซีย ปี 1991 โดยรวมแล้วผู้ป่วยที่มีอาการเหล่านี้จะเป็นหลายอย่าง เช่น ปวดกล้ามเนื้อ มีผื่นแดง ปวดหัว ปวดข้อ หายใจติดขัด สูญเสียความทรงจำ มีอาการทางระบบทางเดินอาหาร บางรายเป็นมากจนกลายเป็นโรคไฟโบรมัลอัลเจีย ซึ่งเป็นอาการอ่อนแอ และควบคุมตนเองไม่ได้ของระบบอวัยวะต่างๆของร่างกายคน กึ่งๆอัมพาต ใน ค.ศ. 2008 ระบุว่ามีทหารและพลเรือน 1 ใน 4 ของ 697,000 คน ป่วยและตายจากโรคนี้ ส่วนสาเหตุที่มาของโรคไม่แน่ชัด บ้างก็ว่า มาจากความเครียด หรือแบคทีเรียที่ไม่รู้จัก บ้างก็ว่าเกิดจากการได้สัมผัสกับสารเคมีประเทศก๊าซพิษที่ทำลายระบบประสาทส่วนกลางที่ชื่อ Sarin และ DTT นอกจากนี้ยังมีข่าวลื่อว่ากองทัพสหรัฐ และพันธมิตรได้แอบใช้อาวุธนิวเคลียร์ทำสงครามอ่าว และเพื่อปกปิดความจริงนี้จากพวกเรา อาวุธนิวเคลียร์เหล่านี้จึงถูกเรียกขานในชื่ออื่นๆ แทน อาทิ เช่น อาวุธกากยูเรเนียม อาวุธกัมมันตภาพรังสีระดับต่ำ อาวุธโลหะความหนาแน่ สูง จรวดเจาะเกราะ ระเบิดทำลายบังเกอร์ ฯลฯ เป็นต้น กัมมันตภาพรังสีไม่เพียงแต่ทำลายเซลของสิ่งมีชีวิตเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความผิดปกติในระดับพันธุกรรมอีกด้วย ดังนั้น กัมมันตภาพรังสีจึงไม่เพียงก่อให้เกิดโรคมะเร็งต่างๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บและอาการผิดปกติอื่นๆ อีกมากมายได้ด้วย
อย่างกับชื่อค่ายภาพยนตร์ชื่อดัง Twentieth-Century Fox เลยแน่ะ!! อันดับ 9 ของทีมงาน toptenthailand โรค 20 เซนจูรี่ เป็นโรคหายากพบมากในกลุ่มทหารผ่านศึกสูงอายุ โรคนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า Multiple Chemical Sensitivity (MCS) โรคหลายเคมีไว จะมีอาการเรื้อรังหลายระบบ โดยผู้ป่วยจะมีอาการรุนแรงขึ้นเมื่อสัมผัสหรือได้กลิ่นสารเคมีระดับต่ำที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมทั่วไปของมนุษย์สมัยใหม่ หรือในรอบตัวเรา อะไรก็ได้ขอให้เป็นสารเคมี ไม่ว่าจะเป็น ควัน สารกำจัดแมลงศัตรูพืช, พลาสติก, ในสังเคราะห์, น้ำหอม, ผลิตภัณฑ์ปิโตเลียม และสี โดยอาการส่วนมากจะเป็นแบบเรื้อรังและจะรุนแรงหากสัมผัสสารเคมี โดยเป็นอาการของหลายระบบอวัยวะ ไม่ว่าจะเป็นระบบหายใจ ระบบส่วนกลาง ทางเดินอาหาร ผิวหนัง กล้ามเนื้อกระดูด ปวดท้อง และเรื้อรังเมื่อเวลาผ่านไปส่วนสาเหตุของโรคนั้นปัจจุบันไม่สามารถให้คำตอบได้ จึงมีข้อสันนิษฐานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติไป หรือสารพิษบางชนิดเข้าสู่ร่างกาย หรืออาจมีเรื่องจิตวิทยาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในบางรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น ฟลอริด้า มีการให้ลงทะเบียนผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็น MCS เพื่อจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อจะมีการพ่นยาฆ่าแมลง และอาจรวมถึงการพ่นสี ซ่อมหรือก่อสร้างอาคารด้วย
โรคคนแข็ง!!! ในอันดับ 8 ของทีมงาน toptenthailand เป็นโรคประหลาดและหายาก ที่ทำให้ผู้ป่วยจะมีอาการกล้ามเนื้อกระตุกโดยการสุ่ม และกล้ามเนื้อจะแข็ง หากเกิดในช่วงคนที่ทำกิจการต่างๆ อยู่ เช่นเดิน หรือทำงาน จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ โรคนี้มักเกิดขึ้นในกล้ามเนื้อลำคอและแขนขา ซึ่งมักจะแข็ง และไวต่อสิ่งกระตุ้นต่อสิ่งเร้า เช่น เสียงรบกวน, สัมผัส และความทุกข์ที่มีอารมณ์หวั่นไหวง่าย อาการเริ่มแรกหากคนเป็นโรคนี้คือมีอาการกล้ามเนื้อกระตุก, ทำท่าทางผิดปกติ, โก่ง, ตัวแข็งทื่อ, สับสน เป็นสาเหตุทำให้คนที่ป่วยเป็นโรคนี้ไม่อยากจะเดิน หรือไม่ออกจากบ้าน เพราะกลัวเสียงรบกวน (แตร), เสียงสัตว์ จากการวิจัยพบว่าพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และไม่ทราบสาเหตุที่มาของโรคได้
มีชื่อไทยอย่างน่ารักว่า โรคฝังใจว่ามีเส้นใยไฟเบอร์ผุดออกมาจากผิวหนัง เป็นอันดับ 7 ของทีมงาน toptenthailand นับเป็นโรคผิวหนังลึกลับที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 แต่พึ่งรู้จักในปี 2002 ไม่นานมานี้เอง ส่วนมากพบในอเมริกา ผู้ป่วยโรคนี้จะมีความเชื่อฝังใจว่ามีเส้นใยไฟเบอร์ หรือวัสดุอื่นๆ ฝัง (ประมาณว่าคล้ายกับมีปรสิตอยู่ร่างกายแหละ) หรือผุดออกมาจากผิวหนัง ผู้ป่วยจะแกะ และขุดผิวหนัง อาจใช้อุปกรณ์อื่นๆ เช่น ที่ตัดเล็บ หรือแหนบถอนขน เพื่อหาสิ่งที่ตนเองคิดว่าฝังอยู่ มีการพบว่าผู้ป่วยเป็นโรคนี้ชอบสะสมเศษเส้นใยเสื้อผ้า, ผ้าพันแผล, เส้นผมและเศษผิวหนังในกล่องเล็กๆ ที่เรียกว่า matchbox sign ผู้ป่วยโรคนี้จะแกะเกาผิวหนังจนเกิดแผลรูปร่างแปลกๆ เป็นหนองเป็นตุ่ม ช้ำเลือดช้ำหนอง จนดูเหมือนเป็นโรคผิวหนังไป (ในเว็บจะบอกว่าโรคนี้เป็นโรคผิวหนังเลยก็มี) และรู้สึกเหมือนมีพยาธิวิ่งอยู่ใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีอาการแทรกแซงตรงๆ เช่น มีอาการปวดข้อ กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง, มีอาการเหนื่อยอ่อน และมีความผิดปกติเกี่ยวกับการรับรู้ ได้แก่มีความจำ และสมาธิสั้นส่วนสาเหตุของโรคปัจจุบันยังมีการถกเถียงอยู่ว่านี้เป็นโรคหรือไม่ มีข้อสันนิษฐานมากมาย ว่า เป็นอาการทางจิตที่เกิดจากการใช้สารเคมี, แบคทีเรียเชื้อ Agrobacterium ซึ่งเชื้อตัวนี้เป็นเชื้อ ที่พบในทฤษฎีสมคบคิด (conspiracy theory) เช่นมีการปนเปื้อนของสารเคมี, การใช้อาวุธชีวภาพ, เป็นการกระทำของมนุษย์ต่างดาว อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดเกี่ยวกับทฤษฎีต่างๆ เหล่านี้ ส่วนการรักษาไม่มีทางหายขาดได้ ทำได้แต่บำบัดทางจิตให้ผู้ป่วยเชื้อว่าไม่มีไฟเบอร์ที่ผิวหนัง และใส่ยาที่แผลกันอักเสบ ปัจจุบันแพร่ระบาดอยู่ในทวีปอเมริกา และแพทย์กำลังค้นหาวิธีเพื่อหยุดยั้งการระบาดอยู่ในสหรัฐ พบผู้ป่วยใน 50 มลรัฐ เฉพาะในฟลอริดา เทกซัส และแคลิฟอร์เนีย พบผู้ป่วยแล้วหลายพันคน นอกจากนี้ยังพบในยุโรป แอฟริกาใต้ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และออสเตรเลียด้วย
โรคประหลาดลึกลับในอันดับ 6 ของทีมงาน toptenthailand หรือโรคอาเจียนเป็นวงจร เป็นเป็นกลุ่มอาการอาเจียน มีอาการอาเจียน เป็นๆ หายๆ อาเจียนอย่างรุนแรง, เรอ สิบครั้งในสองชั่วโมง (เฉลี่ย) และปวดท้องเป็นบางครั้ง หรือปวดหัวเป็นไมเกรน มีอาการแทรกซ้อนตามมาเช่น กรดกระเพาะอาหาร อาเจียนเป็นเลือดรุนแรง โรคอาเจียนเป็นวงจรนี้เกิดขึ้นในวัยเด็กและสิ้นสุดลงในตอนวัยรุ่นและอาจกลับมาเป็นตอนเป็นผู้ใหญ่อีกครั้ง ส่วนสาเหตุของโรคนี้ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด อาจเป็นผลจากการนอนไม่พอ หรือรับประทานอาหารมากไป แต่แพทย์บอกว่าเป็นโรคไม่อันตรายมากนัก
โรคไวต่อการรับสัมผัสสนามแม่เหล็กไฟฟ้าหรือ Electromagnetic Hypersensitivity (EHS) อันดับ 5 ของทีมงาน toptenthailand เป็นกลุ่มอาการที่ผู้ป่วยซึ่งรู้สึกว่าได้รับสัมผัสสนามแม่เหล็กไฟฟ้า จะมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น เช่นปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ความรู้สึกที่ผิวหนังเช่น ชา คัน ปวดแสบปวดร้อน กลุ่มอาการนี้ถูกรายงานครั้งแรกที่ประเทศสวีเดน ในปี ค.ศ. 1999) ซึ่งพบผู้มีความรู้สึกผิดปกติที่ผิวหนังเมื่อทำงานกับ VDT(visual display terminal จอคอมพิวเตอร์) จากการสำรวจทางระบาดวิทยาในประเทศสวีเดนคาดว่า ผู้ที่มีกลุ่มอาการนี้น่าจะมีอยู่ราวๆ ร้อยละ 1.5 ของประชากร และมักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย Ryan Warne ชาวอังกฤษเป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบนี้ จาก Electromagnetic Hypersensitivity (EHS) ปัจจุบัน เขาต้องดูจอคอมพิวเตอร์โดยใช้กล้องส่องทางไกล เขาไม่สามารถใช้มือถือได้ และต้องสวมหมวกตาข่ายป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเวลาออกไปข้างนอก ยังมีอีกคนอีกจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบนี้เช่นกัน (มีรายงานว่าจะรู้สึกไวเป็นพิเศษกับโทรศัพท์มือถือ) อย่างไรก็ดีเนื่องจากกลุ่มอาการนี้แม้จะมีอาการที่รุนแรงในผู้ป่วยบางราย แต่กลับไม่พบอาการผิดปกติทางร่างกายที่แพทย์ตรวจได้เลย จากการทดลองคาดว่าโรคนี้ไม่ใช้เกิดจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คนไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่าเกิดการสัมผัสคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า น่าจะมาจากสิ่งแวดล้อมมากกว่า เช่น แสง ปัญหาทางสายตา การจัดโต๊ะทำงาน การระบายอากาศ และความเครียด ความกังวลเรื่องอันตรายต่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้กลุ่มอาการนี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มโรคfunctional somatic syndrome (หมายถึง กลุ่มอาการผิดปกติที่เป็นๆ หายๆ โดยตรวจร่างกายไม่พบสิ่งบอกเหตุ ไม่มีแนวทางการรักษาตายตัว แพทย์จิตเวชตะวันตก จะเหมารวมเรียก Functional Somatic Syndrome)
โรคแปลกๆที่ยังหาสาเหตุไม่ได้ในอันดับ 4 ของทีมงาน toptenthailand มีชื่อว่าโรคพยักหน้า มักเกิดในเด็กที่เจริญเติบโตผิดปกติ แคระแกร็น และการเจริญเติบโตของสมอง นำไปสู่อาการปัญญาอ่อน โรคพยักหน้าจะทำให้ผู้ป่วยเริ่มกินอาหาร และเริ่มพนักหน้าไม่หยุดเมื่อรู้สึกหนาวหรือเงื่อนไขอื่นๆ เช่นทรมาน และจะหยุดรู้สึกเมื่อร่างกายได้ความอบอุ่นอีกครั้ง ส่วนสาเหตุก็คาดว่าอาจเกิดมาจากการไม่คุ้นเคยอาหารประเภทนั้นๆ เช่น ลูกกวาด ขนม ทำให้เด็กเกิดอาการรุนแรง
อาการเจ็บป่วยจากอุกกาบาตของชาวเปรู มันเรื่องแปลกๆ ที่อธิบายสาเหตุไม่ได้เลยจริงๆ ในอันดับ 3 ของทีมงาน toptenthailand เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ 15 กันยายน 2007 เกิดเหตุอุกกาบาตตกในเมืองคารานคัส (Carancus) ในรัฐอองเดร (Andre) ประเทศเปรู บริเวณชายแดนใกล้กับประเทศโบลิเวียประเทศเปรู ส่งผลให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ราว 15 เมตร (เกิดโคลนตมและมีกลิ่นเหม็นของก๊าซดว้ย) และหลังอุบัติเหตุนั้น จู่ๆ ก็พบว่ามีผู้อาศัยบริเวณใกล้เคียงจุดลูกอุกกาบาตตกมีอาการประหลาดคือ ปวดศีรษะ อาเจียน กระหายน้ำ ผิวหนังมีอาการระคายเคือง บางคนก็มีเกิดการคันลูกนัยน์ตา... ซึ่งพบว่ามีผู้ประสบ ปัญหาดังกล่าวประมาณ 100 คนเกิดโรคประหลาดนี้ ส่วนสาเหตุบ้างก็บอกว่า เกิดจากการกระเจิงของผงฝุ่นละออง ในขณะที่อุกกาบาตมีการชนกับจุดตก หรืออาการของคนตื่นเต้นประหลาดใจ หรือผู้ป่วยได้รับไอสารพิษจากปฏิกิริยาทางเคมีที่เกิดจากการกระทบพื้นดินของอุกกาบาตอาจปลดปล่อยสารพิษอย่าง "ซัลเฟอร์" และ "อาร์เซนิก" (สารหนู) อย่างไรก็ดีทีมแพทย์ที่รุดตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวเผยว่าไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าอุกกาบาตได้ทำให้ผู้คนล้มเจ็บ
โรคเหงื่อออกเป็นโรคลึกลับและรุนแรงในอันดับ 2 ของทีมงาน toptenthailand ซึ่งเคยเกิดขึ้นในประเทศอังกฤษและยุโรป ที่เริ่มต้นเมื่อปี 1485 (เฮนรี ทิวดอร์ขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 7) และจู่ๆ มันก็หายไปในปี 1551 เป็นโรคที่เกิดอาการและตายอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง ทำให้กลายเป็นโรคลึกลับและซับซ้อนที่สุด โรคนี้ระบาดครั้งแรกหลังจากสิ้นสงครามกุหลาบ ในสมัยแฮรี่ที่ VII เกิดในหมู่คนจนในเมืองหลวง มันฆ่าคนไปถึงพันคน และมันก็ฆ่าผู้มีฐานะดีด้วย จากการตายเจ้าชายอาร์เธอร์แห่งเวลส์ญาติของแฮรี่ที่ VII เขาตายในบ้านของเขาเองที่ปราสาท Ludloe ส่วนอาการนั้นเกิดขึ้นกะทันหันมาก โดยผู้ที่เป็นจะเริ่มรูสึกสัมผัสถึงความหวาดกลัว ตามด้วยการสั่นเย็นๆ (บางทีรุนแรงมาก) วิงเวียน, ปวดศีรษะ และปวดอย่างรุนแรงที่คอและไหล่ เหนื่อยมาก และครึ่งชั่วโมงผ่านไปเหงื่อออก ร้อน ปวดหัว เพ้อ ชีพจรเต้นเร็ว สั่น กระหายน้ำ และปวดหัว สุดท้ายก็ตาย ไม่ทราบสาเหตุที่มาของโลกแน่ชัดมีผู้ออกความเห็นว่าโลกนี้อาจเกิดจากสัมผัสสิ่งสกปรกที่เกิดจากแหล่งติดเชื้อจากสงครามดอกกุหลาบ หรืออาจเป็นแมลง ปรสิตเล็กๆ ที่เกิดในฤดูร้อน โรคผิวหนัง
โรคหัวปะทุ เป็นโรคสุดลึกลับในอันดับ 1 ของทีมงาน toptenthailand ที่ผู้ป่วยได้ยินเสียงดังมากภายในหัว โดยเป็นสียงระเบิด เสียงคลื่นชนหิน, เสียงกรีดร้อง, เสียงวงจรไฟฟ้า (หึ่ง) ซึ่งเสียงนี้มักเกิดเสียงนี้จะดังตลอดเวลาทั้งๆ ที่รู้สึกตัว และจะเริ่มดังขึ้นตามช่วงเวลา และยาวนานหลายวันหลายสัปดาห์ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกลัวและกังกล หัวใจเต้นเร็ว และเริ่มหายใจลำบาก กลัวการนอนหรือพักผ่อน นำไปสู่การพัฒนาการนอนหลับที่ผิดปกติ เช่นนอนไม่หลับหลายวัน ส่วนสาเหตุแพทย์บางคนบอกว่าเกิดจากความเครียดและเหนื่อยมากเกินไป และสามารถพัฒนา ได้ตลอดเวลาในช่วงชีวิต และผู้หญิงจะทรมานกว่าผู้ชาย หายไปแล้วมันอาจเกิดขึ้นอีก หรืออาจเกิดจากเซลล์ประสาทในการได้ยิน