เราเคยแปลบทความเกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์สุดแปลกและสยอง มาก่อนแล้ว แต่เรื่องราวแปลกๆ ยังไม่จบแค่นี้ คราวนี้เรายังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่ทั้งแปลกและสยองไม่แพ้กันมาให้ลองดู
สถานที่ : เมือง Avanos ประเทศตรุกี
ที่มาภาพ travelettes
ภาพที่คุณเห็นอยู่นี้ คือสถานที่เก็บรวบรวมเส้นผมของมนุษย์กว่า 16,000 ปอย ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1979 โดย Chez Galip ช่างปั้นหม้อประจำเมือง ผู้ใจกว้างพอที่จะเปิดกรุของสะสมสุดแปลกให้ทุกคนได้เข้ามาชมกัน
Chez Galip
ที่มาภาพ f1online
ที่มาของไอเดียสร้างพิพิธภัณฑ์เส้นผมมนุษย์สุดสยองนี้มีหลากหลายกระแส เรื่องหนึ่งเล่าไว้ว่า เพื่อนของ Galip ต้องย้ายไปอยู่ในที่ห่างไกล เธอจึงทิ้งผมปอยหนึ่งเอาไว้ให้เขาเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึง หลังจากนั้น แขกที่มาเยี่ยมเยียนร้านของเขาก็เริ่มให้ปอยผมแก่เขาเพื่อเป็นที่ระลึก ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเล่าว่า Galip เก็บสะสมผมจากผู้ที่เข้าร่วมเรียนการปั้นหม้อกับเขาแล้วนำมาแขวนไว้ในถ้ำใต้ห้องทำงานเพราะเชื่อว่าจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้มีคนมาเข้าเรียนมากขึ้น
ที่มาภาพ neatorama
น่าแปลกที่งานอดิเรกแบบนี้แทนที่จะทำให้ผู้คนกลัวกัน กลับมีผู้หญิงจำนวนมากจากที่ต่างๆ เดินทางมายังร้านของเขาเพื่อมอบปอยผมของพวกเธอไว้ให้เป็นที่ระลึก ไม่ใช่ให้แค่ผมอย่างเดียวเท่านั้น สาวๆ แต่ละคนยังทิ้งชื่อและที่อยู่แนบไว้กับผมแต่ละปอยด้วย จนกระทั่งทุกวันนี้มีปอยผมหลายสี หลายขนาด หลายความยาว แขวนอยู่ตามผนังถ้ำเต็มไปหมด และทุกๆ ปี จะมีหญิงสาวผู้โชคดี 10 คนที่ทิ้งที่อยู่ติดต่อเอาไว้ให้ได้รับเชิญมาพักผ่อนฟรีๆ ที่บ้านพักสำหรับแขกของ Galip
ที่มาภาพ declubz
สำหรับคนที่มาท่องเที่ยวและอยากจะมีส่วนร่วมด้วยก็สามารถทำได้ Galip จัดเตรียมอุปกรณ์ให้สำหรับคนที่อยากจะทิ้งเส้นผมของตัวเองไว้เป็นที่ระลึกที่นี่ด้วย
สถานที่ : กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
ที่มาภาพ lovekorea89
เกาหลีไม่ได้มีแต่ที่เที่ยวสวยงาม หวานแหววแบบที่เราเห็นๆ กันเท่านั้น ถ้าใครได้มีโอกาสไปเกาหลีลองไปเปลี่ยนบรรยากาศดูของน่ากลัวๆ ที่ พิพิธภัณฑ์คุก Seodaemun กันดู
ตั้งแต่ปี ค.ศ.1908 ถึงปี ค.ศ.1948 ทหารญี่ปุ่นซึ่งออกล่าอาณานิคมในหลายประเทศรวมถึงเกาหลีใต้ด้วย ใช้คุก Seodaemun เป็นที่คุมขังและทรมานผู้ต่อต้าน หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลของเกาหลีใต้ก็ใช้คุกนี้เป็นที่คุมขังนัุกโทษต่อ หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1992 จึงเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์แทน
ที่มาภาพ itthing
แต่ที่ทำให้สถานที่แห่งนี้น่ากลัวจริงๆ นอกจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของมันแล้ว ยังเป็นเพราะหุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าคนจริงที่จำลองการทรมานนักโทษในสมัยอดีึตต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นการทรมานนักโทษด้วยการกรอกน้ำพริกเข้าไปทางจมูก การใช้ไม้ไผ่แทงเข้าไปใต้เล็บ หรือการจับแขวนคอ พร้อมกับเสียงประกอบของคนกำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังไปเป็นระยะๆ
ที่มาภาพ lovekorea89
ไฮไลท์ของการเยี่ยมชมที่นี่ คุณไม่เพียงได้เดินดูเฉยๆ เท่านั้น แต่ยังเข้าไปสัมผัสบรรยากาศแบบนักโทษได้อีกด้วย ทั้งไปลองนั่งๆ นอนๆ อยู่บนอุปกรณ์ประกอบฉากต่างๆ หรือไปยืนอยู่ตรงจุดเดียวกับที่เคยมีคนถูกแขวนคอมาแล้วด้วยก็ได้
ที่มาภาพ lovekorea89
สถานที่ : กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
ที่มาภาพ flickr
ตึกแห่งนี้ถูกทิ้งร้างไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1979 เมื่อเหล่าเขมรแดงถูกขับไล่ออกไปจากประเทศ แต่ก่อนหน้านั้น ที่นี่คือสถานที่ๆ คนกว่า 17,000 ถูกทรมานและฆ่าภายใต้การดูแลของกลุ่มเขมรแดง และความทรงจำที่โหดร้ายในอดีตของสถานที่แห่งนี้ก็ยังคงอยู่ในรูปภาพถ่ายจำนวนหลายพันใบที่ถูกจัดแสดงไว้ในห้องขังต่างๆ
ที่มาภาพ cityknown
ในห้องที่เคยเป็นห้องขัง ก็จะมีภาพถ่ายร่างของนักโทษที่เคยเสียชีวิตอยู่ในห้องนั้นตั้งแสดงไว้ นอกจากนั้นก็ยังมีภาพวาดจากฝีมือของนักโทษที่เป็นจิตรกรในตอนนั้นวาดเอาไว้ แสดงให้เห็นถึงวิธีการทรมานนักโทษแบบต่างๆ นานา
ที่มาภาพ angkortourservices
และของที่น่ากลัวที่สุดในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก็คือหัวกะโหลกจริงๆ ของเหยื่อที่ถูกนำมาจัดแสดงไว้ในตู้โชว์ และนำมาเรียงทำเป็นแผนที่
ที่มาภาพ wikipedia , mappery
สถานที่ : รัฐแมรี่แลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่มาภาพ fairmanstudios
ถ้าแค่ พิพิธภัณฑ์ของอวัยวะเพศชาย ยังไม่แย่พอ เรามีอีกสถานที่หนึ่งที่สยองยิ่งกว่านั้น ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับระบบปัสสาวะ ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานหลักของสมาคมระบบปัสสาวะแห่งประเทศอเมริกา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีขึ้นเพื่ออุทิศให้กับประวัติศาสตร์และเครื่องมือทางการแพทย์จากในช่วง 300 ปีที่ผ่านมา ที่ใช้ในการตรวจภายใน (หมายถึง จิ้ม เข้าไป) ในอวัยวะเพศชายโดยเฉพาะ
ที่มาภาพ urologichistory
คงไม่ต้องบอกว่าของที่ตั้งแสดงอยู่ในที่นี่ทำให้พวกผู้ชายที่ได้มาเยี่มชมขวัญหนีดีฝ่อกันขนาดไหน ตัวอย่างอุปกรณ์สุดสยองก็เช่น ท่อเหล็กยาวที่ใช้ในการสวนท่อปัสสาวะในสมัยก่อน เครื่องบีบที่ใช้ในการทำลายนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือว่าจะเป็นตะขอเหล็กที่ใช้ในการชำแหละต่อมลูกหมาก เป็นต้น นอกจากนั้นก็ยังมีตัวอย่างของนิ่วในไตหลากหลายขนาดจัดแสดงอยู่ แต่ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดก็คืออุปกรณ์จากต้นยุคศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นห่วงเหล็กที่เอาไว้ใส่ตอนนอน (เรียกว่า Spermatorrhea ring) เพื่อป้องกันการ ฝันเปียก
Spermatorrhea ring
ที่มาภาพ ledominic
หลังจากเที่ยวชมจนหนำใจแล้ว ก่อนกลับอย่าลืมแวะร้านขายของที่ระลึก แล้วเลือกซื้อนิ่ว (น่าจะเป็นของจำลอง หรือเปล่า?) กลับไปสักอัน เพื่อจะได้ไม่ลืมประสบการณ์ในครั้งนี้
ที่มาภาพ urologichistory