โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 8 มีนาคม 2553 17:00 น
"พงศพัศ" ควงแขนครูน้อย พาไปปิดบัญชี “ปลดทุกข์ครูน้อย” กับแบงก์กสิกรไทย ราษฎร์บูรณะ แบ่งเงินบริจาค 3 ล้านใช้คืน 24 เจ้าหนี้ ส่วนที่เหลือ 2.8 แสนบาท มอบให้ครูน้อยใช้ช่วยเหลือเด็
กต่อไป ด้านครูน้อยน้ำตานอง ขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือ ย้ำ เหมือนเป็นการซื้อชีวิตให้ ยันไม่เคยนำเงินไปใช้ส่วนตัวจนเป็นหนี้แน่ นอน
วันนี้ (8 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร.ในฐานะโฆษก ตร. พานางนวลน้อย ทิมกุล หรือครูน้อย อายุ 67 ปี เดินทางมาที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักราษฎร์บูรณะ เพื่อปิดบัญชี “ปลดทุกข์ครูน้อย” พร้อมกับถอนเงินสดจำนวน 3,285,000 บาท เพื่อนำไปใช้คืนให้กับเจ้าหนี้ จำนวน 24 ราย โดยมีนายณัฐรฐนนท์ บัณฑิตศดานันท์ ผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย สำนักราษฎร์บูรณะ คอยอำนวยความสะดวก
จากนั้น พล.ต.ท.พงศพัศ กับครูน้อย พร้อมเจ้าหน้าที่ธนาคารกิสกรไทย ได้ทำการแบ่งเงินจำนวน 3 ล้านบาท เพื่อจ่ายคืนให้กับเจ้าหนี้ของครู น้อยทั้ง 24 ราย โดยมีการเซ็นชื่อรับเงินไว้เป็นหลักฐานต่อหน้าสื่อมวลชน ส่วนที่เหลืออีก 285,000 บาท พล.ต.ท.พงศพัศ ได้มอบให้กับครูน้อยนำไปใช้สงเคราะห์เด็กตามเจตนารมย์ที่ได้เปิด บ้านครูน้อย ขึ้นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว
พล.ต.ท.พงศพัศ เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.52 ที่ผ่านมา ครูน้อยได้เขียนจดหมายด้วยลายมือตัวเอง เพื่อบอกกล่าวถึงความทุกข์ที่ตกเป็นหนี้นอกระบบกว่า 7 ปี จนไม่มีทางออก หลังจากวันที่ 7 ก.พ. 2552 จึงได้เดินทางไปพบกับครูน้อยที่บ้าน เพื่อรับทราบปัญหาเกี่ยวกับภาระหนี้สินที่เกิดขึ้น รวมทั้งข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับเจ้าหนี้ โดยมี พ.ต.อ.ดุสิต สมศักดิ์ ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ และ พ.ต.ท.ณัฐจักร จันลา สว.สส.สน.ราษฎร์บูรณะ เข้าร่วมรับฟังด้วย
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อไปว่า หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันเจราจากับเจ้าหนี้ เพื่อหาทางประนอมหนี้ตามนโยบายของรัฐบาล จนเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า มีเจ้าหนี้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 24 ราย มีจำนวนเงินที่ครูน้อยเป็นหนี้อยู่สูงถึง 10,643,000 บาท แต่ผลจากการเจรจาสามารถทำให้มูลหนี้ลดลงไปประมาณครึ่งหนึ่ง เหลือ 5,686,000 บาท แต่ยังเป็นหนี้ก้อนโตที่ครูน้อยไม่มีหนทางใดที่จะชดใช้ให้ได้ จึงได้ตัดสินใจเปิดบัญชี “ปลดทุกข์ครูน้อย” กับธนาคารกสิกรไทย สำนักราษฎร์บูรณะ เลขที่บัญชี 745-2-59999-0 ขึ้นเมื่อวันที่ 15 ก.พ. เพื่อใช้เป็นช่องทางในการขอรับบริจาคจาประชาชนผู้มีจิตศรัทธาโดย ทั่วไป
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวด้วยว่า ในระหว่างที่เปิดบัญชีขอรับบริจาคอยู่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้องเดินหน้าเจรจา กับบรรดาเจ้า หนี้ต่อไปอีก จนในที่สุดก็สามารถลดยอดหนี้ลงจนเหลือ 3,000,000 ล้านบาท ในขณะที่ยอดบริจาคหลังจากที่ได้มีการเปิดบัญชี “ปลดทุกข์ครูน้อย” มีผู้บริจาคเข้ามาทั้งสิ้น 2 ,119 ราย ได้จำนวนเงินยอดรวม 3,285,000 บาท โดยรายที่บริจาคสูงสุดเป็นเงิน 2 แสนบาท ส่วนที่บริจาคต่ำสุดเป็นเงิน 8 บาท
"ในวันนี้ถือได้ว่าเป็นวันปลดทุกข์และปลดหนี้ให้กับครูน้อย โดยได้พาครูน้อยมาที่ธนาคารเพื่อปิดบัญชีรับบริจาค เนื่องจากได้เงินบริจาคครบตามจำนวนที่ครูน้อยเป็นหนี้แล้ว พร้อมทั้งเบิกเงินทั้งหมดจำนวน 3,285,000 บาทออกมา ก่อนจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจำนวน 3 ล้านบาทได้มอบให้ครูน้อยคืนให้กับเจ้าหนี้ทั้ง 24 ราย ส่วนที่เหลืออีก 285,000 บาท ได้มอบให้กับครูน้อยไปใช้สงเคราะห์เด็กตามเจตนารมย์ที่ได้เปิด บ้านครูน้อย ขึ้นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว" โฆษก ตร.กล่าว
โฆษก ตร. กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่น่ายินดีด้วย ที่นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ ครูหยุย อดีต สว.กทม.และเลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ในฐานะเป็นประธานคณะทำงานด้านเด็ก ได้รับเป็นประธานคณะกรรมการ ในการเข้ามาดูแลช่วยเหลือ และบริหารจัดการให้ทุกอย่างเป็นระบบ และมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการเงิน ซึ่งครูน้อยเองก็ยินดี และไม่ขัดข้อง โดยหวังว่าเหตุการณ์ร้าย ๆ คงจะไม่เกิดขึ้นกับครูน้อยอีก
ด้านครูน้อย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้รู้สึกสบายใจเรื่องหนี้สินขึ้นบ้างแล้ว แต่ในใจยังไม่มีความสุขที่ต้องทำให้หลายคนในสังคมต้องวุ่นวาย และเดือดร้อนมาช่วยเหลือตน ซึ่งขอยืนยันว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หมด ไป เพราะทำงานช่วยเหลือเด็ก ๆ จนต้องเป็นหนี้นอกระบบ ไม่ใช่หมดไปเพราะทำธุรกิจส่วนตัวหรือครอบครัว และตนมีหลักฐานสามารถตรวจสอบได้ทุกอย่าง และตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ตนไม่เคยรับเงินจากเด็กเลย มีเพียงแค่ปี 2528 ปีเดียว ที่เก็บเงินจากเด็กคนละ 3 บาท เพื่อมาซื้อสมุดกับดินสอ แต่หลังจากนั้นไม่เคยทำงานในลักษณะที่เป็นธุรกิจเลย
ต่อข้อถามที่ว่า กังวลหรือไม่ที่เจ้าหนี้บางรายอาจจะมาคุกคาม ภายหลัง ครูน้อยตอบว่า มีกังวลอยู่บ้าง เพราะมีข่าวหลายกระแสออกมาว่ารับเงินเสร็จจะเก็บครูแน่ๆ ก็แล้วแต่เจ้าหนี้ เพราะทุกคนเกิดแล้วก็ต้องตาย แต่ตนจะทำงานเพื่อเด็กๆ ต่อไป เพราะเด็กๆเป็นสิ่งที่ตนรักและห่วงใย
"ขอกราบขอบคุณสื่อมวลชน และผู้มีจิตเมตตาทุกท่าน รวมทั้ง พล.ต.ท.พงศพัศ ที่ได้ช่วยเหลือปลดหนี้ให้กับครู เหมือนเป็นการซื้อชีวิตให้ครู" ครูน้อย กล่าวทิ้งท้าย
จากนั้นตัวแทนนักเรียนอยู่ในการดูแลของบ้านครูน้อยมา นานกว่า 13 ปี ได้อ่านกลอนและร้องเพลงขอบคุณ พล.ต.ท.พงศพัศ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ช่วยเหลือเจรจากับเจ้าหนี้และเปิดบัญชีรับ บริจาคเงิน เพื่อช่วยเหลือปลดหนี้ให้กับครูน้อย
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000032685