ปัจจุบันคอนโดมิเนียมถือ เป็นที่อยู่อาศัยลำดับต้นๆ ที่คนเลือกซื้อโดยคำนึงถึงทำเลที่ตั้งว่าใกล้ที่ทำงานหรือห้างสรรพสินค้า เพื่อความสะดวกในการเดินทางเป็นลำดับแรก ส่วนที่รองลงมาคืองบประมาณและขนาดพื้นที่ใช้สอยของห้อง
การตรวจสอบรายละเอียดก่อนตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดมิเนียมจึง ควรพิจารณาจากตัวอาคารและเอกสารต่างๆ ประกอบด้วย ซึ่งเป็นที่ผู้ซื้อไม่ควรละเลยเพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อเอง สิ่งที่ควรตรวจสอบก่อนตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดมิเนียมมีดังนี้
1. ตรวจสอบขนาดพื้นที่ห้องชุด หากให้ความสำคัญกับขนาดพื้นที่ห้อง ก็ควรจะวัดขนาดของห้องด้วยตนเองว่าตรงตามที่ผู้ขายประกาศไว้หรือไม่ และยังสามารถนำเอาขนาดพื้นที่มาคำนวณเปรียบเทียบราคาต่อตารางเมตรได้อีกด้วย
2. ตรวจสอบที่จอดรถ ควรตรวจสอบดูว่ามีพื้นที่จอดรถเพียงพอกับจำนวนยูนิตทั้งหมดหรือไม่
3. ตรวจสอบการก่อสร้าง ว่าวัสดุที่ใช้ก่อสร้างมีมาตรฐานและความแข็งแรงคงทนเพียงไร วัสดุกั้นห้องมีความหนามากน้อยเพียงไร การใช้อุปกรณ์ต่างๆ ตรงตามที่โฆษณาไว้หรือไม่
4. ตรวจสอบระบบสาธารณูปโภคและระบบรักษาความปลอดภัย เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่จะเข้าอยู่อาศัย ระบบน้ำ ไฟฟ้าเป็นอย่างไร มีระบบไฟฉุกเฉินกรณีไฟดับ ระบบรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ระบบการจัดเก็บขยะ การจัดและรับส่งไปรษณีย์ ตรวจสอบว่ามีการติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัย เช่น เครื่องตรวจควันไฟ หัวฉีดน้ำ ในตัวอาคารและห้องชุด บันไดหนีไฟมีขนาดได้มาตรฐานหรือไม่ นอกจากนี้ ตรวจสอบลิฟต์โดยสารมีเพียงพอกับจำนวนคนที่พักอยู่หรือไม่
5. ศึกษาและตรวจสอบรายละเอียดของเนื้อหาสัญญาจะซื้อจะขายกรรมสิทธิ์ห้องชุดว่าเป็นธรรมและไม่เอารัดเอาเปรียบ คนทั่วไปมักจะละเลยต่อรายละเอียดในสัญญาเนื่องจากเห็นว่ามีเนื้อหาที่ค่อน ข้างมากและเป็นเรื่องตัวบทกฎหมายเป็นส่วนใหญ่ แต่จะให้ดีควรปรึกษานักกฎหมายหรือสคบ. สำหรับคำแนะนำในข้อสัญญาเพื่อให้ทราบถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับหรือกรณี ได้รับความเสียหาย และตรวจสอบรายละเอียดประกอบสัญญา ได้แก่ รายการวัสดุอุปกรณ์ก่อนสร้างอาคารชุดตรงตามสัญญาหรือไม่ ระยะเวลาการรับประกันความเสียหายมีระบุไว้หรือไม่ เป็นต้น
6. ตรวจสอบรายละเอียดของนิติบุคคลอาคารชุด ซึ่งผู้ซื้อจะต้องทราบถึงระเบียบต่างๆ ของนิติบุคคลอาคารชุด เช่น อัตราค่าส่วนกลางที่จะต้องชำระ หรือกองทุนของนิติบุคคลอาคารชุดเหมาะสมสอดคล้องกับงบประมาณรายจ่ายการบริหาร จัดการทรัพย์ส่วนกลางหรือไม่ เป็นต้น
7. ศึกษาข้อมูลของผู้ประกอบการว่าเป็นอย่างไร เช่น พิจารณาจากประสบการณ์ความชำนาญ และชื่อเสียงของผู้ประกอบการโครงการ เป็นต้น
อย่าลืมเก็บหลักฐานทุกชิ้นไว้ให้ครบ ตั้งแต่ใบเสร็จ ค่ามัดจำ แผ่นพับโฆษณา และเอกสารทั้งหมด เผื่อเวลามีปัญหาจะได้ใช้เป็นหลักฐานในการร้องเรียน