หน่วยงานดูแลงบประมาณของรัฐใช้เงิน 822,000 เหรียญดอลล่าร์ ไปกับการเที่ยวที่ Las Vegas
ที่มาภาพ smarthr
GSA หรือ General Services Administration คือหน่วยงานอิสระของรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดเรื่องทั่วไปรวมถึงจัดวางแผนค่าใช้จ่ายเรื่องต่างๆ ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ขนาดหน่วยงานราชการแบบนี้ก็ยังทำเรื่องสุด fail ได้อีกซะนี่
ในปี ค.ศ.2010 มีการนำเงินที่ได้จากการลดค่าใช้จ่ายให้ส่วนอื่นๆ ไปใช้ในการจัดงานสัมมนาที่ Las Vegas ซึ่งมีคนในหน่วยงานไปร่วมสัมมนากัน 300 คน แต่งานนี้แทนจะเป็นการจัดงานแบบเน้นประหยัดค่าใช้จ่ายตามสไตล์ของหน่วยงาน เงินจำนวนนี้กลับถูกเอาไปใช้แบบสุรุยสุร่ายเกินความจำเป็น
ที่มาภาพ leontravelclub
เริ่มจากค่าในการทำกิจกรรม Team building เป็นเงิน 75,000 เหรียญดอลล่าร์ (ประมาณ 2.2 ล้านบาท) ซึ่งใช้ในการให้ผู้เข้าร่วมทำกิจกรรมประดิษฐ์จักรยานและเป็นค่าเสื้อยืดคนละตัว หลังจากนั้นก็มีค่าปาร์ตี้ในห้องพัก เป็นเงิน 5,600 เหรียญดอลล่าร์ (ประมาณ 167,000 บาท) รวมถึงค่า Networking receptions ซึ่งเป็นค่าอะไรไม่รู้อีก 31,000 เหรียญดอลล่าร์ (ประมาณ 925,000 บาท) และอย่าลืม ค่าซูชิอีก 7,000 เหรียญดอลล่าร์ (ประมาณ 200,000 บาท)
ที่มาภาพ dailydump
ความ fail ยังไม่จบเพียงแค่นี้ เมื่อลองดูเข้าไปในรายละเอียดของค่าใช้จ่ายทั้งหมดความจริงก็ถูกเปิดเผย มีการซื้อน้ำเป็นเงิน 2,782 เหรียญดอลล่าร์ (ประมาณ 83,000 บาท) ซื้อเหรียญที่ระลึกเป็นเงิน 6,352 เหรียญดอลล่าร์ (ประมาณ 189,000 บาท) และค่าหนังสือประจำปีอีก 8,130 เหรียญดอลล่าร์ (ประมาณ 242,000 บาท)
งานนี้เต็มไปด้วยค่าใช้จ่ายไร้สาระเพิ่มขึ้นทุกวันๆ จนกระทั่งจบงาน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็เป็นเงิน 822,000 เหรียญดอลล่าร์ (24.5 ล้านบาท) ซึ่งหมายความว่าค่าใช้จ่ายของ 1 คนจะตกอยู่ที่ประมาณ 2,740 เหรียญดอลล่าร์ (ประมาณ 81,000 บาท) ในเวลาเพียง 5 วันเท่านั้น
ที่มาภาพ seindahcintashaies
จึงไม่น่าแปลกเลยที่งานนี้ต้องมีการสืบสวนกันครั้งใหญ่ ที่นำไปสู่การค้นพบอันแปลกประหลาดอีกมากมาย เช่น ในการเลือกสถานที่และวางแผนงานสัมมนาครั้งนี้ พนักงานของ GSA ได้ทำการ “เดินทางเพื่อสำรวจสถานที่” 2 ครั้ง “ประชุมนอกสถานที่เพื่อวางแผน” อีก 5 ครั้ง และ “ซ้อมปฏิบัติจริง” อีก 1 ครั้ง โดยการเตรียมการเหล่านี้จัดขึ้นที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง
แน่นอนว่างานนี้ทำเอาชื่อเสียงขององค์กรป่นปี้กันหมด เหลือเพียงหน่วยงานเพื่อการตรวจสอบความโปร่งใส หน่วยงานย่อยที่ยังดูพอมีหวังในการกู้ชื่อเสียงขององค์กรคืนมา แต่ทุกอย่างก็พังลงอีกเมื่อผู้อำนวยการบริหารที่รับผิดชอบงานนี้ชิงลาออกไปก่อน
กลุ่มต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ขโมยเพลงมาใส่ไว้ในโฆษณาตัวเอง
ที่มาภาพ lostinthemultiplex
เราเดาเอาว่าทุกคนคงเคยเห็นโฆษณาต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ชุดนี้กันมาแล้ว
การรณรงค์ “Piracy — It’s a Crime” คิดขึ้นโดยกลุ่มต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ชาวดัตช์ที่ชื่อว่า “BREIN” เพื่อใช้ใส่เข้าไปในพวก DVD ภาพยนตร์ต่างๆ ก็เริ่มฉาย เป็นที่รำคาญของคนที่อยากดูหนังเร็วๆ กันมาเป็นเวลาหลายปี แต่ก็เห็นได้ว่ากลุ่ม BREIN นี้หวังดีอยากรักษาสิทธิ์ให้กับกลุ่มศิลปินต่างๆ อย่างแท้จริง แต่ก็กลับทำเรื่องสุด fail แบบนี้ออกมาซะได้
ในปี ค.ศ.2006 กลุ่ม BREIN ขอให้ชายที่ชื่อ Melchior Rietveldt แต่งเพลงให้กับโฆษณาต่อต้านการละเมิดสิขสิทธิ์ที่จะใช้ฉายในงานภาพยนตร์ในท้องถิ่น ซึ่ง Rietveldt ก็แต่งเพลงมาและได้รับเงินค่าจ้างไปตามปกติ
ไม่กี่ปีต่อมา Rietveldt ก็ต้องช็อคเมื่อพบว่า เพลงที่เขาแต่งสำหรับโฆษณาที่คิดว่าจะใช้งานนั้นงานเดียว ถูกนำไปใช้กับโฆษณาที่ถูกใส่เข้าไปใส DVD ภาพยนตร์เรื่องต่างๆ มากมาย
ที่มาภาพ cinematicparadox
กลับกลายเป็นว่ากลุ่ม BREIN ตัดสินในขโมยเพลงของ Rietveldt มาใช้หลายต่อหลายครั้งโดยไม่ได้จ่ายเงินตามจริง ซึ่งถ้านับจากจำนวนครั้งที่โฆษณานี้ถูกใส่ไว้ DVD ผู้แต่งคนนี้ควรจะได้เงินมากกว่า 1.2 ล้านเหรียญดอลล่าร์ แน่นอนว่า Rietveldt โกรธมากและส่งคนไปท้วงหนี้ที่เขาควรจะได้รับ หลังจากนั้นเขาก็ได้รับการติดต่อจาก Jochem Gerrits ผู้อำนวยการบริหารบริษัทบันทึกเสียงซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริหารของกลุ่ม BREIN ด้วย Gerrits ตกลงจะช่วย Rietveldt ให้ได้เงินที่ค้างไว้ทั้งหมด ในเงื่อนไขว่า ตัวเขาเองต้องได้รับส่วนแบ่ง 33%
งานนี้ Rietveldt ที่คาดว่าน่าจะเซ็งหนักกว่าเดิมตัดสินใจคำเรื่องไปขึ้นศาลฟ้องร้อง Jochem Gerrits ลาออกจากการเป็นผู้บริหารของ BREIN และถึงแม้ทางกลุ่มจะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ศาลก็สั่งให้ Rietveldt ก็ได้รับเงินชดเชยในที่สุด
ผู้คิดค้นกีฬาบาสเกตบอลเป็นโค้ชที่ยอดแย่
James Naismith
ที่มาภาพ nba
James Naismith คือผู้คิดค้นกีฬาบาสเกตบอลขึ้นมาในปี ค.ศ.1891ถึง ค.ศ.1898 ซึ่งกีฬานี้ต่อมาก็ได้รับความนิยมกันไปทั่ว Naismith เองขณะนั้นก็เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Kansas ดังนั้น เขาจึงได้เป็นโค้ชทีมบาสเกตบอลของมหาวิทยาลัยที่ชื่อ“Jayhawks” ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรเพราะคงไม่มีใครรู้เรื่องบาสเกตบอลได้ดีเท่ากับเขาอีกแล้ว แต่ปรากฏว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นแบบที่ทุกคนคิด
James Naismith เป็นโค้ชที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการบาสเกตบอลของมหาวิทยาลัย เหตุก็เพราะว่าเขาทำผลงานได้ยอดแย่มาก ด้วยผลการแข่งแพ้ 55 ครั้งจากการแข่ง 60 ครั้ง ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มีโค้ชทีมของมหาลัย Kansas คนไหนทำผลงานได้ย่ำแย่เท่านี้อีกเลย
เรือดำน้ำที่ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับเรือดำน้ำชนกันเอง
ที่มาภาพ meme-pictures
จุดประสงค์หลักของการใช้งานเรือดำน้ำก็เพื่อสำหรับการโจมตีแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัว ดังนั้น ในหลายสิบปีที่ผ่านมานี้เทคโนโลยีการตรวจจับเรือดำน้ำก็พัฒนาขึ้นมาก เช่นเดียวกับตัวเรือดำน้ำเองก็มีการติดตั้งอุปกรณ์ทันสมัยเพื่อตรวจจับเรือดำน้ำของอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน
แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.2009 เรือดำน้ำของประเทศอังกฤษ HMS Vanguard และเรือดำน้ำของประเทศฝรั่งเศส Le Triomphantสองเรือดำน้ำสองลำที่ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับเรือดำน้ำที่ทันสมัยที่สุด เกิดดำอยู่ใต้น้ำในกลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหมือนกัน ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะมหาสมุทรก็ออกจะกว้างใหญ่ แล้วแต่ละคนก็มีเครื่องคอยจับสัญญาณเรือดำน้ำลำอื่นเหมือนกัน แต่เพราะเหตุใดไม่รู้ได้ เรือดำน้ำทั้งสองกลับพุ่งเข้าชนกันเองซะนี่
ที่มาภาพ bbc
โชคยังดีที่ทุกคนรอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งดูแล้วก็น่าตลกที่เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นได้ แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คิด เพราะเรือดำน้ำทั้งสองลำนี้บรรทุกเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และเหตุการณ์นี้เกือบจะได้กลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ไปแล้ว
อนุสาวรีย์แด่ช่างฝีมือชาวอเมริกาสร้างขึ้นในประเทศจีน
ที่มาภาพ urbite
เมือง Toledo ในรัฐโอไฮโอ ขึ้นชื่อในเรื่องการเป็นผู้ผลิตกระจกมาอย่างยาวนาน ช่างทำกระจกของเมืองนี้เป็นช่างฝีมือดีที่สุด ถึงแม้ในช่วงปีหลังๆ นี้อุตสาหกรรมทำกระจกจะไม่รุ่งเรืองเท่าแต่ก่อนอีกแล้ว เมือง Toledo ก็ยังคงเป็นที่รู้จักกันในชื่อ เมืองแห่งกระจก อยู่ดี ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกที่มีการสร้างอนุสาวรีย์เพื่อสื่อถึงประวัติศาสตร์การทำกระจกกันมายาวนานของเมือง
ในปี ค.ศ.2006 พิพิธภัณฑ์ Toledo Museum of Art ได้รับหน้าที่ให้สร้างตึกกระจกที่ดูน่าทึ่งขึ้นมา ตึกนี้เป็นสิ่งก่อสร้างราคากว่า 30 ล้านเหรียญดอลล่าร์เพื่ออุทิศให้กับความพยายามและฝีมือของเหล่าช่างทำกระจกแห่งเมือง Toledo น่าเสียดายที่เกิดเรื่องสุด fail ขึ้นมาจนได้ เมื่อกระจกทุกชิ้นที่ใช้ในตึกนี้ทำมาจากเมืองจีน “Made in China”
“Made in China”
ที่มาภาพ archdaily
น่าแปลกที่ตึกนี้ที่ตั้งใจจะสร้างให้กับช่างทำกระจกชาวอเมริกา งานสร้างกระจกกลับถูกมอบหมายให้กับประเทศจีนซึ่งเป็นคู่แข่งทางการค้าของตัวเอง โดยใช้เทคนิคในการสร้างที่คิดค้นขึ้นโดยช่างจากเมือง Toledo แต่ถ้ามองในมุมของทางธุรกิจก็อาจจะมีเหตุผลที่พอฟังขึ้น เพราะตึกนี้โครงสร้างกระจกที่ซับซ้อนเกินกว่าที่ช่างประจำเมืองจะทำได้ จึงต้องมอบหมายหน้าที่ให้กับประเทศจีนซึ่งมีกำลังการผลิตมากกว่า อย่างไรก็ตาม ความจริงก็คือตึกเพื่อเป็นอนุสาวรีย์ให้กับช่าวชาวอเมริกานี่ถูกออกแบบมาอย่างเจ๋งสุดๆ ขนาดที่ช่างชาวอเมริกายังสร้างเองไม่ได้เลย