ภาพถ่ายในอดีต ... เมื่อทหารไทยไปรักษาการปราสาทพระวิหาร Read more: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tu

 

 

 

 

 









ผู้ค้นพบปราสาทพระวิหารในสมัยปัจจุบันคือ

พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์

พระราชโอรสองค์ที่ 11 ใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ในปี พ.ศ. 2442

ขณะทรงได้รับแต่งตั้งให้เป็น ข้าหลวงต่างพระองค์

ที่มณฑลลาวกาว (อิสาน) ในสมัยรัชกาลที่ 5



ประเทศฝรั่งเศสเข้าครอบครองอินโดจีน

ได้ทำสนธิสัญญา พ.ศ. 2447 ในการปักปันเขตแดนกับราชอาณาจักรสยาม

โดยมีความตามมาตรา 1 ของสนธิสัญญา

ระบุให้ใช้สันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งพรมแดน

ซึ่งมีผลให้ปราสาทพระวิหารอยู่ในดินแดนไทย



พ.ศ. 2451 ฝรั่งเศสได้จัดทำแผนที่ฝ่ายเดียว

ส่งมอบให้สยาม 50 ชุด แต่ละชุดมี 11 แผ่น

ใน "แผ่นดงรัก" ครอบคลุมพื้นที่ปราสาทพระวิหาร

และไม่ได้ใช้แนวสันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งพรมแดน

ทำให้ปราสาทพระวิหารในแผนที่อยู่ในดินแดนของกัมพูชา

โดยที่รัฐบาลสยามในขณะนั้นไม่ได้รับรองหรือทักท้วง

ความถูกต้องของแผนที่ดังกล่าว



ต่อมาในปี พ.ศ. 2483 ประเทศฝรั่งเศสแพ้สงครามต่อประเทศเยอรมนี

ทำให้แสนยานุภาพทางทหารลดลง

จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น

ได้ยื่นข้อเสนอเรียกร้องดินแดนที่เสียไปในสมัยรัชกาลที่ 5

อันได้แก่ ลาว และกัมพูชา

ซึ่งเคยเป็นประเทศราชของไทยมาก่อนคืนจากฝรั่งเศส

ทำให้เกิดกรณีพิพาทอินโดจีน หรือ สงครามอินโดจีน

เป็นการรบกันระหว่างประเทศไทยกับรัฐบาลวิชีฝรั่งเศส

ในช่วง 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2483 - 28 มกราคม พ.ศ. 2484



ทางญี่ปุ่นแสดงเจตจำนงเข้ามาไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง

เหตุการณ์ได้จบลงโดยที่ฝรั่งเศสได้มอบดินแดนบางส่วนคืนให้แก่ไทย

4 จังหวัด คือ

จังหวัดพิบูลสงคราม ... คือ เสียมราฐ ...

จังหวัดพระตะบอง จังหวัดนครจัมปาศักดิ์

และจังหวัดลานช้าง ... คือดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงตรงข้ามหลวงพระบาง

อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ก็คือ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ




พ.ศ. 2497 ฝรั่งเศสแพ้สงครามที่เดียนเบียนฟู

ต้องถอนทหารออกจากอินโดจีน

ประเทศกัมพูชาได้รับเอกราชตามสนธิสัญญาเจนีวา

ไทยจึงได้ส่งทหารเข้าไปรักษาการบริเวณปราสาทพระวิหารอีกครั้ง














เข้าใจว่าเป็นงูแม่ตะงาว













































































































































































Read more:http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tuk-tukatkorat&month=09-06-2013&group=44&gblog=117#ixzz2Wube2pkP

Credit: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tuk-tukatkorat&month=09-06-2013&group=44&gblog=117
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...