ฮือฮา ! อังกฤษเผยแฟ้มลับบันทึกการพบเห็นยูเอฟโอ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

           อังกฤษ เผยแฟ้มลับ รายงานการพบยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาว ที่ประชาชนแจ้งเข้ามาผ่านสายด่วนยูเอฟโอพบใน พ.ศ. 2552 มีบันทึกผู้แจ้งเหตุถึง 643 ครั้ง

           เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2556 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ มีรายงานว่า หอจดหมายเหตุแห่งชาติของอังกฤษ ได้เผยแฟ้มข้อมูลลับของรายงานการพบเห็นยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาวที่มีผู้แจ้งผ่านเข้ามาทางสายด่วนยูเอฟโอของกระทรวงกลาโหมต่อสาธารณชน ซึ่งเป็นที่น่าตกใจอย่างยิ่งว่า มีประชาชนในอังกฤษโทรศัพท์เข้ามาแจ้งเหตุถึง 643 ครั้ง ภายในปี พ.ศ. 2552 เพียงแค่ปีเดียว มากกว่ายอดรวมของบันทึกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543- 2550 ถึง 100-200 ครั้ง 

           อย่างไรก็ดี สำหรับจำนวนการแจ้งเหตุที่มากขึ้นในปีสุดท้ายก่อนที่รายงานนี้จะถูกปิดไปนั้น ดร.เดวิด คลาร์ก ผู้เขียนหนังสือ เดอะ ยูเอฟโอ เผยว่า เหตุผลของรายงานเพิ่มขึ้นมากในปี พ.ศ. 2552 นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลายครั้งที่ชาวบ้านมักจะเห็นดวงไฟสีส้มบนท้องฟ้า ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นแสงจากโคมไฟจีนที่ถูกปล่อยขึ้นบนท้องฟ้าในพิธีแต่งงาน แต่ในเวลานั้นคนอื่น ๆ ยังไม่รู้จักโคมไฟนี้ 

           สำหรับรายงานเหตุเหนือธรรมชาติจากสิ่งนอกโลกที่ถูกบันทึกไว้นั้น มีตั้งแต่เรื่องของชายที่อ้างว่าใช้ชีวิตอยู่กับมนุษย์ต่างดาว บางคนอ้างว่าพบเห็นยูเอฟโออยู่ใกล้ ๆ อาคารรัฐสภาและสโตนเฮจน์ ขณะที่บางคนอ้างว่าสุนัขและเต้นท์ของเขาถูกมนุษย์ต่างดาวขโมยไป 

           ทั้งนี้ คำอธิบายแรกของยูเอฟโอมาจากการพบเห็นในสหรัฐฯ เมื่อปี พ.ศ.2490 เมื่อมีรายงานระบุว่า 1 ใน 4 ศตวรรษก่อนหน้านั้นเคยมีข้อมูลเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้มาแล้ว อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2495 นายกรัฐมนตรีวินสตัน เชอร์ชิล ของอังกฤษ ได้สั่งให้ทางการปกปิดรายงานเกี่ยวกับสิ่งนอกโลกไว้เป็นความลับจากประชาชน เพื่อป้องกันความตื่นตระหนักของสาธารณะชน และจากนั้นก็เป็นเวลาร่วม 50 ปี ที่ยังไม่มีการค้นพบหลักฐานใด ๆ ที่จะสามารถยืนยันถึงการมีอยู่ของสิ่งนอกโลกได้อย่างแท้จริง รวมทั้งไม่มีรายงานถึงกองกำลังใด ๆ ที่จะเข้ามาคุกคามอังกฤษด้วย

           และในตอนนี้ หลังจากที่แฟ้มลับนี้ถูกนำมาเผยแพร่โดยหอจดหมายเหตุแห่งชาติของอังกฤษ ก็มีหลายคนที่ได้เขียนจดหมายถึงพระราชินี และนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้มีการพิสูจน์และสืบสวนข้อเท็จจริงของเรื่องราวในรายงานนั้น

 

Credit: http://hilight.kapook.com/view/87564
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...