สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 20 รายงานว่า ไวรัสสายพันธุ์"MERS" หรือ" (Middle East respiratory syndrome) หรือ"อาการป่วยด้านระบบทางเดินหายใจในภูมิภาคตะวันออกกลาง"ถือว่าร้ายแรงกว่าโรคซารส์ที่เคยระบาดเมื่อปี 2003 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 800 ราย โดยล่าสุด ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อจากไวรัสสายพันธุ์นี้ไปแล้ว 60 ราย จำนวนนี้เสียชีวิต 38 ราย ส่วนใหญ่ระบาดในซาอุดิอาระเบีย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ไวรัสสายพันธุ์นี้ไม่เพียงแต่จะแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วจากคนสู่คนเท่านั้น แต่รวมทั้งบุคคลที่อยู่ในรพ.ที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสนี้ด้วย ทั้งที่ไม่ได้อยู่ใกล้ผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด
รายงานระบุว่า จากการตรวจสอบพว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ MERS ในซาอุดิอาระเบียน่าจะสูงกว่าตัวเลขที่มีรายงาน และยังพบว่า ในกรณีหนึ่ง ผู้ติดเชื้อรายหนึ่งได้แพร่เชื้อให้แก่เหยื่อถึง 7 ราย รวมทั้งเพื่อนผู้ป่วยอีกหลายรายในรพ.เดียวกัน ซึ่งกรณีนี้มีลักษณะคล้ายซาร์ส ทว่าไวรัสนี้ถือว่าร้ายกว่า เมื่อเทียบกับโอกาสเสี่ยงเสียชีวิตซึ่งอยู่ที่ระดับ 65 เปอรเซนต์ ขณะที่ซาร์สอยู่ที่ระดับเพียง 8 เปอร์เซนต์
อย่างไรก็ตาม ถึงขณะนี้ วงการแพทย์ยังไม่รู้แน่ชัดว่า ไวรัสสายพันธุ์นี้แพร่ระบาดจากแหล่งใด ผิดจากซาร์สที่วงการแพทย์ค้นพบว่ามาจากชะมด ขณะที่บางรายสันนิษฐานว่า อาจมาจากอูฐหรือแพะ รวมทั้งค้างคาว ซึ่งอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารพิษต่อธัญญพืชที่ปลูกในซาอุดิอาระเบีย ขณะที่แพทย์ทั่วโลกได้พยายามที่จะต่อสู้และรักษาเหล่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสรุนแรงนี้ โดยแพทย์ชี้ว่า พวกเขายังต้องการข้อมูลจากแพทย์ทั่วโลกเพื่อค้นหาแนวทางรักษาที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางรายชี้ว่า ขณะนี้มีสัญญาณวิตกว่า ไวรัสสามารถแพร่ระบาดลามผู้คนได้เป็นจำนวนสูง แม้ถึงขณะนี้จะมีจำนวนไม่มากนัก โดยไวรัสนี้อาจกลายเป็นสายพันธุ์อันตรายยิ่งได้ทุกเมื่อ ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลก ยังกล่าวก่อนหน้านี้ว่า ขณะนี้ ไวรัส"MERS"ถือเป็นภัยเสี่ยงสูงสุดทางสาธารณสุขต่อโลก โดยองค์การอนามัยโลกแทบไม่รู้แนวทางที่จะป้องกันไวรัสสายพันธุ์นี้เลย