เมื่อเช้าระหว่างขับรถมาทำงาน
อบู่บน ถ.กำแพงเพชร๗ กำลังจะเลี้ยวเข้าอโศก
ผมสังเกตเห็นคุณลุงแก่ๆ คนหนึ่ง
เดินถือถาดใส่ขนมเร่ขายให้รถที่ติดไฟแดงอยู่
ครั้งแรกที่ลุงเดินผ่านรถผมไป
ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนะ
รถเคลื่อนไปได้หนึ่งครั้ง ผมยังเลี้ยวไม่ได้ แต่คราวนี้ใกล้แยกกว่าเดิม
ทำให้ผมเห็นสีหน้าและท่าทางของลุงเขาได้ชัดขึ้น
ออกตัวไว้ก่อนว่า ผมอาจจะคิดมากไปเอง
แต่สีหน้าของลุง ท่าทางของลุงที่ผมเห็นเมื่อเช้า
ทำให้ผมนึกถึงชีวิตช่วงหนึ่งของตัวเอง
ช่วงที่ท้อแท้กับชีวิตมากๆ รู้สึกชีวิตหมดหวังทุกอย่าง เหนื่อยกาย ล้าหัวใจ
แต่ชีวิตก็ต้องดิ้นรนต่อไป
ชีวิตช่วงนั้น อย่าว่าแต่มาม่าเลยครับ เงินยี่สิบบาทคือค่าอาหารทั้งสัปดาห์
บางครั้ง ข้าวบูดก็ยังต้องกิน สิ่งที่ช่วยเราผ่านพ้นช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้ คือ
ความรู้สึกว่า ยังมีเรื่องดีๆ ในชีวิตอยู่นะ
ผมเปิดกระจกเรียกลุง สีหน้าลุงดีใจมาก
ปกติผมไม่ค่อยพกเงินสดติดตัว ทั้งตัวผมมีร้อยยี่สิบ ผมยื่นแบงค์ร้อยให้ลุง ผมบอกว่าไม่ต้องทอน
คุณลุงขอบคุณน้ำตาคลอ
ผมอยากให้คุณได้เห็นสีหน้าของลุงคนนี้เมื่อเช้าเป็นที่สุด
ผมไม่รู้ว่า ลุงเขาเจอเรื่องอะไรอยู่ แต่ผมเชื่อว่าเงินหนึ่งร้อยที่ผมจ่ายไปเมื่อเช้านั้น คุ้มค่ามากๆ
ผมมานั่งนึกถึงครั้งหนึ่ง มีเพื่อนมาขอยืมเงินหนึ่งร้อยบาท บอกว่าจะเอาไปซื้อนมให้ลูกกิน
ถ้าเย็นนี้จะไปดูหนัง ร้อยนึงคงเอาไม่อยู่
กินชาบูก็เกินหนึ่งร้อย
ขณะที่เราจ่ายมากกว่าหนึ่งร้อยไปกับเรื่องที่เราคิดว่าสำคัญ
อาจมีบางคนที่ไม่มีแม้แต่สิบบาทเพื่อจ่ายให้กับเรื่องที่จำเป็นจริงๆ
.
.
.
ผมไม่ได้ร่ำรวยอะไรนะครับ เป็นพนักงานทำงานบริษัทธรรมดา มีหนี้อยู่หลายแสน ขับฮอนด้าอเมซ อยู่ห้องเช่าเล็กๆ
แค่อยากมาเล่า อยากให้เราได้ลองใส่ใจชีวิตคนจริงๆ รอบๆ ตัวเรา ไม่ใช่แค่ชีวิตคนใน Social Network
ชีวิตผู้คนที่เดินผ่านเราไปมา ฅนที่เราเข้าไปเกี่ยวข้องกับเขาได้
การหยิบยื่นน้ำใจของเราด้วยการทำเรื่องเล็กๆ ให้ฅนอื่น อาจกลายเป็นการรดน้ำให้หัวใจที่แห้งผากของเขาก็ได้
และเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่เราทำได้นี่แหล่ะครับ ที่ผมเชื่อว่ามันทำให้โลกนี้น่าอยู่มากขึ้น
มันทำให้หัวใจของเราพองโต
มันทำให้เราใช้ชีวิตอย่างคนที่มีชีวิตจริงๆ
ไม่มีใครจนเกินกว่าจะให้คนอื่นได้... พ่อผมเคยสอนไว้
แล้ววันนี้ เงิน ๑๐๐ บาทของคุณมีค่าแค่ไหนครับ
สำหรับผม มันมากกว่า ขนมถุงนี้แน่ๆ