ใบเตย อาร์สยาม โดนจวกยับ ! ทำเพลงลูกทุ่งเสื่อม

ใบเตย อาร์สยาม โดนจวกยับ ! ทำภาพลักษณ์ของวงการลูกทุ่งเสื่อม เน้นขายเรือนร่างมากกว่าเสียงเพลง ชี้ผู้ประกอบการไม่ควรมองแต่เรื่องเงิน ควรรับผิดชอบต่อสังคมบ้าง เพราะเด็ก-เยาวชน เลียนแบบ จนเกิดเรื่องเสื่อมเสีย

นายดำรงค์ ทองสม รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ได้กล่าวถึงนักร้องลูกทุ่งนุ่งสั้น “ใบเตย อาร์สยาม” เกี่ยวกับกระแสท่าเต้นแน่นอกที่กำลังถูกกล่าวถึงอย่างมากในขณะนี้ว่า ใบเตย อาร์สยาม นำเพลงลูกทุ่งมาสร้างจุดขายให้กับตัวเอง โดยคิดเพียงจะทำอย่างไรก็ได้ให้ตัวเองมีชื่อเสียง ซึ่งตนมองว่าเป็นการหากินในเชิงธุรกิจมากไป และไม่ได้สนใจศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของเพลงลูกทุ่งเลย อีกทั้งยังมีการสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดีต่อหน้าสื่อ แต่การแสดงออกกลับตรงกันข้าม เพราะใช้ท่าเต้น ร่างกาย ดึงดูดความสนใจมากกว่าการขายเนื้อหาเพลง

นายดำรงค์ กล่าวต่อไปว่า ตนอยากจะฝากไปยังผู้ประกอบธุรกิจวงการการแสดงและวงการเพลงว่า ไม่ควรมองแต่ผลประโยชน์ในทางธุรกิจมากเกินไป แต่ควรคำนึงถึงการรักษาศิลปวัฒนธรรมของชาติที่บรรพบุรุษสั่งสมมาแต่โบราณด้วย และควรมีความรับผิดชอบต่อสังคม ถึงแม้ผู้ประกอบการจะออกมาระบุว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่ในความเป็นจริงมีบรรดาเด็ก ๆ หลายคนที่เลียนแบบพฤติกรรมของ ใบเตย โดยนำมาเป็นต้นแบบต่าง ๆ เช่นในเรื่องการแต่งตัว ก็นุ่งกางเกงขาสั้นมาก ๆ เสมอหู และก็เต้นท่าแน่นอกโชว์เรือนร่างอัดคลิปอัพลงยูทูบ จนเกิดเป็นการเสื่อมเสีย อย่างไรก็ดี ต่อจากนี้ไปเมื่อมีการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เราจะต้องให้คำแนะนำและเชิญผู้ผลิตเนื้อหามาทำความเข้าใจร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดการเบี่ยงเบนวัฒนธรรมในทางที่ไม่ดี

3.2.1 กามิกาเซ่ feat. ใบเตย อาร์สยาม MV รักต้องเปิด (แน่นอก)

ขณะที่ นางฉวีวรรณ พันธุ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ปี 2536 กล่าวว่า ใบเตย อาร์สยาม นำเสนอในสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นนักร้อง เช่น ลีลาท่าเต้น การใช้สรีระร่างกายมาแลกเพื่อให้สังคมยอมรับและให้ตัวเองดัง แทนที่จะรักนวลสงวนตัว ทำตัวเองให้คนเขาคิดถึง ให้คนเขาเสียดาย และควรให้หางเครื่องเป็นผู้ออกมาเต้นมากกว่า สังคมจะได้ไม่ดูถูกศิลปิน ที่ตนต้องออกมาพูดนี้ เพราะอยากให้นักร้องรุ่นใหม่รักนวลสงวนตัว ควรให้คนคิดถึงเนื้อเพลง เสียงเพลง มากกว่าลีลาท่าเต้น

นางฉวีวรรณ กล่าวต่อไปว่า ตนเคยถามศิลปินรุ่นใหม่หลายคนว่า เพราะอะไรถึงใช้เรือนร่างเป็นจุดขาย ซึ่งได้คำตอบมาว่าเพราะเจ้าของบริษัทสั่งให้ทำ ถ้าใครทำก็ได้เพิ่มค่าตัว แต่กลับไม่ได้มองย้อนหลังไปว่า ที่เรามาเป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งเพราะอะไร อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะขอร้องกลุ่มนักธุรกิจทั้งหลายว่า อย่าทำเกินกว่าเหตุ ควรสงสารศิลปินด้วย และควรเปิดทางให้พวกเขาอยู่ได้นาน ๆ อย่าให้สังคมต้องมาตราหน้าพวกเขา กล่าวถึงพวกเขาในทางเสียหาย