ในการทำสงครามโลกครั้งที่ 3 ไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงการใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้เลย ท่านผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าเฉพาะนิวเคลียร์ในปัจจุบัน เท่าที่ประกาศอย่างเป็นทางการในการลงนามสนธิสัญญาห้ามแพร่กระจายอาวุธ นิวเคลียร์ 8 ประเทศ ได้แถลงถึงอาวุธนิวเคลียร์ที่มีอยู่ในครอบครอง มีดังนี้
1.รัสเซีย มีหัวรบนิวเคลียร์ 11,500 หัวรบ และอยู่ในคลังนิวเคลียร์สำรอง 17,000 หัวรบ
2. อเมริกา มีหัวรบนิวเคลียร์ 9,200 หัวรบ และอยู่ในคลังนิวเคลียร์สำรอง 5,700 หัวรบ
3. ยูเครน มีหัวรบนิวเคลียร์ที่พร้อมปฏิบัติการได้ จำนวน 1,104 หัวรบ
4. คาซัคสถาน มีหัวรบนิวเคลียร์ที่พร้อมปฏิบัติการได้ จำนวน 600 หัวรบ
5. ฝรั่งเศส มีหัวรบนิวเคลียร์ที่พร้อมปฏิบัติการได้ จำนวน 530 หัวรบ
6. จีน มีหัวรบนิวเคลียร์ที่พร้อมปฏิบัติการได้ จำนวน 735 หัวรบ
4. อังกฤษ มีหัวรบนิวเคลียร์ที่พร้อมปฏิบัติการได้ จำนวน 200 หัวรบ
5. เบรารัส มีหัวรบนิวเคลียร์ที่พร้อมปฏิบัติการได้ จำนวน 34 หัวรบ
และอีก 3 ประเทศ ที่มิได้ลงนามในสนธิสัญญาห้ามแพร่กระจายอาวุธ นิวเคลียร์ แต่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองอย่างเป็นทางการ ดังนี้
1. อิสราเอล มีหัวรบนิวเคลียร์ที่พร้อมปฏิบัติการได้ จำนวน 1,104 หัวรบ
2. อินเดีย มีหัวรบนิวเคลียร์ที่พร้อมปฏิบัติการได้ จำนวน 50 หัวรบ
3. ปากีสถาน มีหัวรบนิวเคลียร์ที่พร้อมปฏิบัติการได้ จำนวน 35 หัวรบ
(ความจริงยังมีอีกหลายสิบประเทศ ที่สะสมอาวุธนิวเคลียร์ แต่มิได้ประกาศเปิดเผยอย่างเป็นทางการเท่านั้น – ผู้เขียน)
ข้อมูล ข้างต้นนี้ มาจากหนังสือ SCIENCE PEACE, A GERMAN SCIENTIFIC PEACE QUARTERLY สำหรับปริมาณอาวุธนิวเคลียร์ในปัจจุบัน จากการค้นคว้าของ รศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ พบว่ามีปริมาณสูงถึง 9,700 ล้านตัน ถ้าเอามาหารเฉลี่ยกับประชากรโลก ประมาณ 6,500 ล้านคน แต่ละคนมีส่วนแบ่งกันคนละ 1.5 ตัน (จากคอลัมภ์เทคโนโลยีล้างโลก ในหน้าจุดประกาย ของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ) ปริมาณของอาวุธนิวเคลียร์ที่คิดออกมาเป็นน้ำหนักแล้ว ไม่ต้องระเบิด เพียงแต่เอามาทับใคร คนนั้นก็ตายแล้ว ปริมาณอาวุธนิวเคลียร์ที่มีในปัจจุบัน ก็เพียงพอที่จะล้างเผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติได้อย่างเหลือเฟือ การสั่งสมและการทดลองอาวุธมหาประลัยดังกล่าว ล้วนแต่เป็นการกระทำที่ มุ่งไปสู่ความหายนะอันยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงของโลกใบนี้ได้เลย
อนึ่ง ปรากฏการณ์ที่สำคัญ หลังจากการล่มสลายของโซเวียตรัสเซีย ก็ปรากฏว่ารัสเซีย เป็นแหล่งขายวัตถุดิบในการนำไปทำนิวเคลียร์ เช่น แร่ยูเรเนียม และพลูตาเนียม เป็นต้น จากปัญหาในทางเศรษฐกิจทีเกิดขึ้น รัฐเซียและบางรัฐเดิมของโซเวียตรัสเซีย ที่ผลิตนิวเคลียร์ได้ ถึงกับลักลอบขายหัวรบนิวเคลียร์ ซึ่งปัจจุบันอิหร่านได้ซื้อหัวรบนิวเคลียร์มาไว้ในครอบครองถึง 200 หัวรบ อีกทั้ง นักวิทยาศาสตร์ทางนิวเคลียร์ฟิสิกส์ของรัสเซีย ยูเครน และคาซัคสถาน ก็ตกงาน หลังจากประเทศเหล่านี้หยุดทำการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ และเปิดประเทศให้เดินทางไปทำมาหากิน เหล่านี้หยุดทำการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ และเปิดประเทศให้เดินไปทำมาหากินนอกประเทศได้ ก็ปรากฏว่า อิหร่านได้ว่าจ้างนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ฟิสิกส์จากรัสเซีย คาซัคสถาน และยูเครนไปแล้ว ประมาณ 100 คน (ชาวต่างประเทศ จากซี.เอ็น.เอ็น) ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นเรื่องที่ควรติดตามสภาวการณ์ของโลกอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นลางบอกเหตุ ถึงการก่อตัวของหายนะครั้งยิ่งใหญ่ ที่โลกไม่อาจหลีกพ้นได้
เพียงแต่ ขอบอกว่า อีกไม่ช้าและมินาน ความหายนะครั้งยิ่งใหญ่ของโลกจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน เพียงแต่วันเวลาเท่านั้นที่อาจคลาดเคลื่อน เพราะแม้แต่เอ็ดการ์ เคย์ซี นักพยากรณ์ระดับโลกที่พิสูจน์คำพยากรณ์ที่แม่นตรงมาแล้ว ก็ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแกนขั้วโลก (POLE SHIFT) และพระแม่ฟาติมา ก็เขียนคำทำนายไว้ในทำนองเดียวกัน คือ ความหายนะจะมาสู่โลกครั้งรุนแรงที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า ในปลายปี 2551 (ปี 2008) มิฉะนั้น ก็จะเลื่อนไปเป็นปี 2560 (ค.ศ.2017) จะเริ่มปีแรกของ
การ ประกาศสงครามครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติเป็น ครั้งที่ 3 แต่ก็จะไม่ถึงกับทำลายล้างรุนแรงในทันที แต่โดยรวมแล้วความวุ่นวายสับสนโกลาหล อันอลหม่าน ความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ทั้งชีวิตของคน สัตว์ และพืช จะต้องถูกทำลายลงไปมากมายเหลือ คณานับอย่างแน่นอน เพียงแต่วันและเวลาอาจผิดพลาดคลาดเคลื่อนไป การมีชีวิตให้ “รอดและปลอดภัย” ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ควรทำอย่างไร แต่ “ห้ามท้อแท้ หมดอาลัยตายอยาก” ผู้ใดที่คิดท้อแท้ ผู้นั้นจะไม่รอดและไม่ปลอดภัย ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ดังนั้น ทุกท่านจึงต้องตั้งสติในการทำความดีให้มากไว้ก่อน ย่อมเป็นการดี เพราะจะเป็นเสบียงนำส่งไปสู่สุคคติภูมิได้นั่นเอง