หลวงปู่ชา สุภัทโท
หลวงพ่อชา ยกแก้ว แล้วถามอาจารย์พรหมว่า “เธอเห็นรอยแตกในแก้วใบนี้ไม๊ พรหมวังโส?”
อาจารย์พรหมคิดว่า “แก้วก็ดูปรกติ ไม่มีร้อยราว”
... หลวงพ่อชาพูดต่อว่า “ดูให้ดีๆซิ มันมีรอยแตกเล็กๆบนแก้วใบนี้
สักวันแก้วใบนี้มันต้องแตก ” ในตัวเราทุกคน ล้วนแต่มีรอยแตกเล็กๆ
นับตั้งแต่เราเกิด มันบอกให้เรารู้ว่า สักวัน ชีวิตของเราทุกคนต้องจบสิ้น มันจะจบแน่นอน
เรารู้ดี แต่เพราะเราโดน อวิชชาครอบงำเอาไว้ทำให้เราไม่ได้คิดถึงมัน
สักวันเราต้องจากกัน ความจริงข้อนี้ที่พระบอกให้เราตระหนัก มิได้ให้เรากลัว
หรือ คิดว่าฉันจะไม่รักใครอีกแล้ว!!ฉันจะได้ไม่ต้องเสียใจ
ตอนฉันต้องสูญเสีย เขาหรือจากเขาไป แต่ท่านบอกเพื่อที่ว่า
เราจะได้รู้เท่าทันความเป็นจริงของโลกและชีวิตว่า ทุกสิ่งที่อยู่ตอนนี้มันไม่เที่ยง
มันจะเปลี่ยนแปลง
เพราะฉะนั้น ถ้าเรารู้ว่าสิ่งที่เรามีเราอยู่
มันจะไม่อยู่กับเราชั่วนิรันดร์ เวลาของเรามีจำกัด
เราจะได้ มีท่าทีที่ถูกต้องกับสิ่งที่เรามีอยู่ ณ เวลานี้ เราจะมีเมตตา
ต่อคนที่อยู่ด้วยในทุกวันนี้มากขึ้น เพราะเรารู้ว่าเราอยู่ด้วยกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ
เราจะหยุดความใจร้าย หยุดทำร้าย หยุดความเอาชนะ หยุดการกดดัน
หรือบังคับให้ทุกอย่างเป็นดั่งใจของเรา เราจะผ่อนปรน เราจะใจเย็น
และรับฟังมากขึ้น เราจะเห็นอกเห็นใจ เข้าใจ และ ให้อภัยมากขึ้น
เพราะเรารู้ว่าเวลาที่เราจะอยู่ด้วยกัน มันหมดลงไปทุกวัน
เวลาติดปีกบิน และพรุ่งนี้อาจจะไม่มีอีกแล้วสำหรับเรา
เมื่อถึงวันที่เราต้องจากกัน เราจะไม่ต้องเสียใจว่า ทำไมเราถึงไม่ทำดีกับเขา
เราจะเก็บความทรงจำที่ดีต่อกันเหลือไว้ให้คิดถึง ยามเมื่อเขา หรือ เรา ไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้แล้ว
ในวันสุดท้าย เราจะเช็ดน้ำตา และพูดกับตัวเองว่า
“ฉันรู้อยู่แล้ว ว่าวันนี้ต้องมาถึง
เพราะฉันเห็นรอยแตกเล็กๆ ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว.....”
อาจารย์พรหมวังโส เกิดที่กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2494 หันมานับถือพุทธศาสนาเมื่อ อายุ 16 ปี หลังจากที่ได้อ่านหนังสือธรรมะขณะที่ยังเป็นนักเรียนมัธยม ความสนใจในพระพุทธศานา และการทำสมาธิภาวนาเพิ่มพูนยิ่งขึ้น ขณะที่กำลังศึกษาวิชาฟิสิกส์ทฤษฎี มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
หลังจากเรียนจบท่านได้ทำงานเป็นครู อยู่ 1 ปี ก่อนตัดสินใจเดินทางมาบวชที่ประเทศไทย โดยบวชเมื่ออายุ 23 ปี ณ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร โดยมีพระพรหมคุณาภรณ์ (ปัจจุบันคือ สมเด็จพระพุทธจารย์) เป็นอุปัชฌาย์ จากนั้นได้ไปสู่สำนักของหลวงปู่ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ อุบลราชธานี มอบตัวเป็นศิษย์ศึกษาธรรมะ ทั้งธุดงควัตร และอบรมจิตใจในด้าน วิปัสสานาธุระ เป็นเวลา 9 ปี
ในปี 2526 ท่านได้รับอาราธนาให้ไปช่วยก่อตั้ง วัดป่าใกล้เมืองเพิร์ธ ทางตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย ปัจจุบัน เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าโพธิญาณ และประธานทางจิตวิญญาณของพุทธสมาคมแห่งออสเตรเลียตะวันตก และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น "พระราชาคณะ" มีนามว่า "พระอาจารย์พรหมวังโส" เมื่อ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2549
"ชวนม่วนชื่น" หรือ ชื่ออังกฤษว่า "The Opening the Door of Your Heart" หนังสือธรรมะบันเทิงเล่มหนึ่ง เป็นเรื่องเล่าที่พระอาจารย์พรหมวังโสได้ใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ที่ได้บวชเป็นพระในสายวัดป่านิกายเถรวาท เขียนเรื่องราวต่างๆ รวมทั้งนิทานสอนใจในพระพุทธศาสนา และการปฏิบัติภาวนาในต่างประเทศมาถ่ายทอดเป็นเรื่องเล่าผ่านหน้ากระดาษ
พระอาจารย์พรหมวังโส เกิดมาในครอบครัวยากจนมาก แต่ด้วยเป็นเด็กหัวดีเลยได้ทุนไปเรียนที่เคมบริดจ์ เป็นเส้นทางเริ่มต้นนับถือศาสนาพุทธจนกระทั่งบวชเป็นพระตลอดชีวิต โดยท่านกล่าวว่า เกิดจาก "ความผิดพลาด" ซึ่งเกิดจากเรื่องร้ายในชีวิตหลายๆ ครั้งการทำผิดพลาด กลับทำให้เกิดสิ่งดีๆ กับชีวิตแทน
"วันนั้นจะเดินไปซื้อหนังสือคณิตศาสตร์แต่เดินไปผิดชั้น ดันไปชั้นหนังสือของศาสนาเลยเอาทุกศาสนามาอ่าน และพบว่าพุทธศาสนาน่าสนใจมาก และตรงกับใจตั้งแต่บัดนั้นก็สนใจอย่างจริงจัง เข้าอบรมทำสมาธิตลอด"
อย่างไรก็ตาม ท่านเคยกล่าวถึงการเปลี่ยนตัวเองจากนักศึกษามาเป็นพระภิกษุสงฆ์ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ต้องสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตภายในและหน้าที่อื่นๆ ภาระงานของพระจึงมีจำนวนมาก มิใช่เพียงการนั่งนอน อ่านหนังสือธรรมะไปวันๆ เหมือนที่หลายคนเข้าใจ โดยพระอาจารย์พรหมวังโสเชื่อว่า ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ พระพุทธศาสนาจะเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้ ด้วยการทำให้เกิดความไว้วางใจและการแบ่งปัน นอกจากนี้ ศาสนาพุทธในต่างประเทศยังเป็นที่ต้องการจะเรียนอย่างสูงในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และยุโรป แต่ไม่มีพระเพียงพอ