เรื่องนี้เป็นอุทธาหรณ์ที่ดีว่า อย่าสุ่มเสี่ยงเล่นสนุกกันจนเลยเถิดเกินไป อาจถึงแก่ชีวิตได้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เช่นเดียวกับเด็กหนุ่มวัยรุ่นอเมริกันชาวเวอร์จิเนีย วัย 19 ปีที่ซด "ซอสถั่วเหลือง" ขนาด 1 ควอต (เกือบๆ ลิตร หรือ 0.95 ลิตร) เพราะถูกเพื่อนท้า ผลก็คือถึงกับโคม่า เกือบเอาชีวิตไปทิ้ง
เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ นายแพทย์ เดวิด เจ. คาร์ลเบิร์ก แพทย์เจ้าของไข้ผู้รักษาวัยรุ่นจอมเฮี้ยวรายนี้เพราะรับหน้าที่เป็นแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเมดสตาร์ จอร์จทาวน์ ของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นำมารายงานไว้อย่างละเอียดในวารสารการแพทย์ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยระบุเอาไว้ด้วยว่า วัยรุ่นอเมริกันไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ถือเป็นรายแรกที่รอดตายจากการได้รับ "เกลือ" เข้าไปเกินขนาด โดยไม่มีร่องรอยว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบประสาทหลงเหลืออยู่
การมีเกลือเข้าไปอยู่ในกระแสเลือดมากเกินไป จะก่อให้เกิดสภาวะที่เรียกว่า "ไฮเปอร์แนทริเมีย" ที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ดร.คาร์ลเบิร์กระบุว่า ไฮเปอร์แนทริเมียนั้นเกิดขึ้นเมื่อกระแสเลือดมีเกลือเข้าไปมากเกินไป ทำให้น้ำใน "เนื้อเยื่อ" ต่างๆ ของร่างกายรวมทั้งในเนื้อเยื่อสมองจะถูกดูดเข้ามายังกระแสเลือดตามกระบวนการออสโมซิส เพราะร่างกายพยายามทำให้ระดับความเข้มข้นของเกลือในกระแสเลือดและในเนื้อเยื่อเท่าๆ กัน
ในขณะที่น้ำถูกดูดออกมาจากสมองนั้น สมองจะหดแฟบลงและเกิดอาการตกเลือดในสมอง ซึ่งจะสะท้อนออกมาในสภาพของอาการชัก เกร็ง วัยรุ่นรายนี้ชักตาตั้งอยู่ในสภาพ "โคม่า" ตอนที่เพื่อนๆ หามมาถึงแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล
ดร.คาร์ลเบิร์กแก้ไขด้วยการใช้น้ำละลายน้ำตาลเด็กซ์โทรสฟีดลงสู่กระเพาะของวัยรุ่นรายนี้ โดยปั้มน้ำตาลเข้าไป 6 ลิตร ภายใน 30 นาที
ระดับเกลือในร่างกายของผู้ป่วยพิเรนท์รายนี้ลดลงสู่ระดับปกติในเวลาราว 5 ชั่วโมง แต่ต้องอยู่ในสภาพโคม่าอยู่ถึง 3 วัน ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาได้เอง สมองในส่วนฮิปโปแคมปัสยังมีร่องรอยของอาการชักเกร็งหลงเหลืออยู่ในช่วงหลายวันให้หลัง แต่ในอีกราว 1 เดือน ก็สามารถกลับไปเรียนและทำสอบได้ตามปกติ พร้อมกับบทเรียนล้ำค่าในชีวิต