หนึ่งในตำนานรักสาวแอร์หมวกแดงที่ดังที่สุดในดูไบ ต้องมีเรื่องของพี่จอยเพอร์เซอร์คนสวยติดโผค่ะ
พี่จอยเป็นผู้หญิงไทยหน้าคมที่ตั้งสเป็คก่อนออกจากเมืองไทยไว้ว่าจะไม่คบนักบินเพราะนักบินเจ้าชู้
นางอยู่เป็นแอร์ชั้นเฟริส์คลาสนานหลายปี มีนักบินมาจีบก็หลายคนนางก็ไม่สน จนนางมาบินไฟลท์ Perth ประเทศออสเตรเลีย
นักบินที่สองหรือที่เราเรียกกันว่า First Officer นำเครื่องลงจอดได้กระแทกร่างมาก พี่จอยเลยนัดแนะกับลูกเรือให้ทำเป็นคอเคล็ดแล้วไปแกล้งนักบินกันว่ากระแทกแรงเกิ้น แต่First Officer กลับออกมาขอโทษลูกเรือซะก่อนและยังอาสาจะเลี้ยงเหล้าลูกเรือทุกคนเพื่อไถ่โทษอีก
พี่จอยเลยเริ่มประทับใจเล็กๆนักบินชาวนิวซีแลนด์ชื่อแกรม Graeme คนนี้ และก็ยอมที่จะออกไปทานข้าวด้วยพร้อมลูกเรือคนอื่นๆ นั้นถือเป็นการพบกันครั้งแรกของพี่จอยกับพี่แกรมค่ะ
ผ่านไปอีกหลายปี มาเจอกันอีกทีบนไฟล์ทบินโอซาก้า First officer คนเดิมกลายเป็นกัปตันพี่แกรมไปซะแล้ว
แต่เขาก็ยังจำพี่จอยของเราได้ ก็แหมนางสวยคมแถมขำซะขนาดนั้น จำไม่ได้ก็คงแปลกล่ะค่ะ
พี่แกรมขอตามออกไปซื้อของในเมืองด้วย คราวนี้กัปตันพี่แกรมเริ่มออกตัวแรง แสดงท่าทีที่ชัดขึ้น
แต่พี่จอยก็ยืนยันปณิธานมั่นเหมาะว่าจะไม่เอานักบิน (กรี้สสสสสสส)
จนผ่านไปเป็นปี พี่จอยก็หนีโชคชะตาไม่พ้น มาเจอพี่แกรมอีกค่ะ คราวนี้เป็นไฟล์ทยาว Melbourne 11 วันเลย เหมือนพรหมลิขิตจะบอกว่า หนีดีนักใช่ไหม จัดไปเลย บินด้วยกัน 11 วัน 11 คืน ซึ่งลูกเรือก็จะออกมาทานข้าวด้วยกัน สนิทสนมราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน และทริปนี้ พี่จอยก็สลัดพี่แกรมไม่หลุดโดนตามติดเป็นเงา จนพี่จอยเริ่มใจอ่อนยอมที่จะติดต่อลองศึกษาพี่แกรมดู และหลังจากทริปนั้น พี่จอยกับพี่แกรมก็เริ่มติดต่อกันทางอีเมล
แต่เส้นทางความรักของทั้งคู่ก็ไม่ได้สานต่อง่ายๆ ค่ะ พี่แกรมก็มีภาระเป็นลูกสาวถึงสองคน ส่วนทางบ้านพี่จอยก็ไม่อยากให้พี่จอยต้องคบหากับคนพ่อม่ายลูกติด คุณแม่พี่จอยถึงกับไม่รับไหว้พี่แกรมและไม่ยอมมองหน้าเลย แต่พี่แกรมก็อดทนพิสูจน์รักแท้ให้คุณแม่เห็น พยายามหิ้วของติดไม้ติดมือมาฝากคุณแม่ ไม่ได้คุย พี่แกรมก็พยายามยิ้มให้ เอาอกเอาใจพี่จอยสารพัด ดูใจกันอยู่นานหลายปี จนพี่จอยได้เลื่อนขั้นเป็นเพอร์เซอร สุดท้ายคุณแม่ก็ใจอ่อนยอมให้พี่แกรมได้เลื่อนขั้นมาเป็นแฟนพี่จอยเสียที
จนวันที่ 3มิถุนายน 2011 บนไฟลท์ ดูไบ-กรุงเทพ พี่จอยนั่งเป็นผู้โดยสารอยู่ในชั้นธุรกิจเพื่อมาร่วมงานแต่งงานของแอร์รุ่นน้องที่กรุงเทพ และให้บังเอิญว่าไฟลท์นั้น พี่แกรมก็เป็นนักบินพอดี กลางๆไฟลท์เหนือน่านน้ำภารตะ
กัปตันพี่แกรมก็ทำประกาศบนเครื่อง “ Ladies and gentlemen, this is your captain speaking….
(sub thai) ขณะนี้เราบินอยู่บนไฟล์ทนี้มีลูกเรือไทยนั่งกันเยอะเพื่อจะไปงานแต่งงาน และหนึ่งในนั้นก็มี แฟนกระผมอยู่ เธอชื่อว่า จอย... “
พี่จอยเริ่มงงว่าพี่แกรมทำประกาศอะไรเวิ่นจัง นางนั่งฟังต่อแล้วก็ได้ยินพี่แกรมเรียกชื่อนาง ด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย
“ Joy , after all the time that we have been together……… Would you do me the honour to be my wife?”
(จอย , จากเวลาที่เรามีร่วมกันทั้งหมด ...... คุณจะให้เกียรติเป็นภริยาผมได้ไหมครับ ?')
อ๊ายยยยยยย คือเสียงกรี้ดของสตรีไทยจีนฝรั่งแทบทุกนางบนเครื่องวันนั้น
“ if the answer is yes, please come to the front to collect your ring”.
(ถ้าคำตอบคือ ใช่ , ได้โปรดมาหาด้านหน้าเพื่อรับแหวนของคุณ)
พี่จอยตั้งสติปุ้บรีบวิ่ง 4 คูณ 100 จากที่นั่งชั้นธุรกิจมาที่ข้างหน้าของเครื่องบินค่ะ ภาพเบื้องหน้าที่พี่จอยเห็นคือ ภาพผู้ชายที่เธอรักที่สุดในชีวิตอยู่ในชุดกัปตันนั่งคุกเข่าหนึ่งข้างและยื่นแหวนเพชรเม็ดโตพร้อมรอยยิ้มอันคุ้นเคย พี่จอยเดินเข้าไปหา แล้วบอกพี่แกรมว่า “ Yesss”
วินาทีนั้น ลูกเรือข้างหน้า ร้องไห้กันระนาว ไม่เว้นแม้แต่พี่แกรมเองที่ก็โผกอดพี่จอยพร้อมด้วยน้ำตา
ลูกเรือข้างหลังโทรศัพท์มาถามข้างหน้าว่า สถานการณ์เป็นอย่างไร เพราะผู้โดยสารข้างหลังอยากรู้กันว่า พี่จอยตอบตกลงไหม พี่แกรมเลยต้องทำประกาศบนเครื่องอีกครั้งว่า “ She said Yes” แค่นั้นล่ะค่ะ เฮกันทั้งลำเลยทั้งลูกเรือทั้งผู้โดยสาร มีคนลุ้นแทนมากจนพี่จอยต้องเดินไปโชว์ตัวและก็โชว์แหวนให้ผู้โดยสารข้างหลังดูกันเลย
ไฟล์ทนี้กลายเป็นการขอแต่งงานกลางอากาศที่มีคนร่วมแสดงความยินดีด้วยกว่า 500 คนเลยทีเดียวค่ะ โรแมนติคดีไหมคะ
ไฟลท์ขอแต่งงานที่ลือลั่นของพี่จอยกับพี่แกรมของเราค่ะ