“ทำไมเกย์...ต้องสีม่วง?”
จึงเป็นคำถามยอดฮิตลำดับต้นๆว่าเพราะเหตุใดสีม่วงถึงเป็นตัวแทนเต็งหนึ่งสะท้อนความเป็นเกย์
จริงๆ การฝังความเชื่อเรื่องสีเป็นสัญลักลักษณ์ทางเพศ มีมาตั้งก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยสีที่แทนเพศที่สาม ในตอนแรกไม่ใช่สีม่วง แต่เป็น "สีชมพู"
เมื่อค่ายกักกันนาซีของฮิตเลอร์ ที่เยอรมันตะวันออกแบ่งจำแนกนักโทษหรือเชลยทางการเมืองโดยการใช้ “สี” กำหนดกลุ่มเพื่อให้ง่ายต่อการบดบี้จี้ตัวมาลงโทษ และเป็นเครื่องมือสนองอารมณ์ และที่สำคัญเพื่อสร้างความอับอายให้ “เหล่านักโทษ” สูญเสียอิสระภาพความเป็น “คน” เพราะทั้ง 7 กลุ่มที่แบ่งจัดเป็นพวกที่อุดมการณ์ขัดแย้งแนวคิด “นาซี” ทั้งสิ้นเช่น กลุ่มนักโทษบูชาระบอบประชาธิปไตย ,กลุ่มอารยัน ยิวกลุ่ม คาทอลิกนอกรีต และ กลุ่มเกย์ (HOMOSEXUAL) !!!!
ลักษณะของแถบป้ายมีรูปทรง 3 เหลี่ยม
ฐานอยู่ด้านบน-หัวแหลมอยู่ด้านล่างโดย “ชาวเกย์” จัดให้อยู่ในหมวดสี “ ชมพู” ดูเหมือนจะลัลล้าแต่แสลงใจยิ่งนักว่ากันว่านักโทษชาวเกย์มีมากถึง 25,000 ตนเลยทีเดียว...BIG COMMUNITY!
ซึ่งก่อนหน้านี้.....
“นาซี” รังเกียจเดียดพวก"จีจี้" ประหนึ่ง “นรกชิงมาเกิด”ขนาดทหารต้องเดินขบวนต่อต้าน และโน้มน้าวกล่าวหาให้จมธรณี
จากนั้นเป็นต้นมา...
“ สีชมพู” ก้อกลายเป็นหนึ่งในสีตัวแทนที่มาจากการจองจำ “จิตวิญญาณ และตัวตน”ชาวเราในช่วงยุค 30
ส่วนสี “ม่วง” จะเรียกว่า VIOLET หรือ PURPLE ก็เถอะเป็นที่โจษจันสนั่นเมืองและกลายเป็นสีประจำตัวชาวเรา
เริ่มจากตรงนี้ เมื่อยุค 60 สังคมชาวเพศทางเลือกทั้ง “เกย์ ทอม ดี้” ถูกต่อต้านอย่างออกรสทั้งรสหวานก้อต้านนิ่มๆ , รสเปรี้ยวก้อแกล้งชาวเราสารพัดหรือแต่รสเผ็ดก้อต้องออกฏกหมายไม่ให้ “พวกเรา” ผุดเกิดเหมือนเช่นที่ซานฟานซิสโก ที่สหรัฐอเมริกา...เมืองเสรีภาพที่ปากกะใจบิดเบี้ยว
และที่ “สโตนวอลล์ STONEWALL ” ที่แห่งนี่เกิดปรากฏการณ์น้ำผึ้งหยดเดียวระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจ ผู้ที่เกลียดเกย์เข้าใส้ ปะทะชาวเราเพศทางเลือกเมื่อตำรวจบุกตรวจบาร์เกย์..ปะทะ และทำร้ายเกินกว่าเหตุ จนเพื่อน“ ทอม” ของเราถึงกับหมดลมหายใจจากนั้นชาวเราจึงรวมพลัง “เพศที่ 3 ” ต่อสู้เรียกร้องความไม่เป็นธรรมเรื่อยมา
จนกระทั่ง …“the San Francisco Examiner ” หนังสือพิมพิ์ค่ายยักษ์ออกข่าวจิกกัดด่าประณาม “ พวกเรา” เป็นซี่รี่ส์ชุดใหญ่อย่างมีอคติประมาณหายใจก้อยังหาว่าผิด (มนุษย์) ...พวกเราอดทนจนถึงขีดสุด
และในวันที่ “31 ตุลาคม 1969”
วันปรากฏการณ์สีม่วงบันลือโลกจึงเริ่มขึ้นชาวเรากว่า 60 ชีวิตเดินขบวนต่อต้านการนำเสนอข่าวสารไร้มนุษยธรรมหน้าอาคาร “the San Francisco Examiner” อย่างสงบนิ่งแต่พนักงานหนังสือพิมพิ์ผู้หิวกระหายความเกลียดชังสาดหมึกโครมใหญ่ใส่ผู้ประท้วงจากชั้น 2 และน้ำหมึกนั่นเองที่มีสี “ ม่วง ”จากนั่นพวกเรานำมือน้อยๆแปะ “หมึกม่วง” ที่เจิงนองระเรี่ยระราดทั่วท้องถนนไปพิมพิ์-แปะประทับประจานความอัปยศของผู้กดขี่ศักดิ์ศรีเพศเราโดยรอบบริเวณอาคาร “the San Francisco Examiner”
กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังของชาวเรากลายเป็นที่มาของวัน “Bloody Friday of the Purple Hand. ”
และในที่สุดสี “ ม่วง” ก้อกลายมาเป็นสัญญลักษณ์ SYMBOL
การเรียกร้องจิตวิญญาณของ “ เพศที่ 3 ” นับแต่นั้น
จากที่เราพอรู้ว่า “ สีม่วง ” เป็นสีมี 2 วรรณะระหว่างร้อนและเย็นเป็นสีที่ก้ำกึ่งครึ่งกลาง...อาจเป็นอีกที่มาของสัญลักษณ์ “เพศสายกลาง”นอกจากนี้ยังมีความหมายแฝงซุกซ่อนตามวัฒนธรรมต่างๆอีกมากมาย
1. ม่วงอ่อน ๆ บ่งบอกถึงความโรแมนติกที่ชวนคิดถึง
2. ม่วงเข้มๆ DARK หม่นอารมณ์...
สื่อความมืดมน หดหู่ ..หมดหวัง
3.หรือแม้แต่ภูเขาก้อยังซึมเศร้า เช่น “ PURPLE MOUTAIN” หุบเขาสีม่วง ที่เมืองจีน
4. แต่ถ้าผู้หญิงช้ำรักจนชิน...ก้อต้องเป็น “ ม่วงแม่หม้าย ”
5. ในอียิปต์โบราณ “ม่วงแดง” เป็นสีแห่งราชวงค์
6. ขณะที่พระสังฆราช..ก้อยังต้องมีสี “ ม่วงชุ่มแดง”
7.แม้แต่โหราศาสตร์ “อาเมทีสต์” พลอยสีม่วงตัวแทนอิสระแห่งชาวกุมภ์
8. เรื่องลึกลับอำนาจดำมืดมี “ สีม่วง” เป็นสีคู่ตำนาน
9.ในญี่ปุ่น... “ สีม่วง” คือสีแห่งความตาย!!
10. แล้วใครจะเชื่อว่า “ สีม่วง” จะเป็นสัญลักษณ์ของบาปอัคคาร้ายลึก
11.แต่ในสหรัฐมีการมอบเข็ม “หัวใจสีม่วง” สดุดีทหารกล้า
12.ส่วน “ลีโอนาโด นาวินซี” จิตรกรเอกเชื่อสี “ม่วง”ทำให้ IDEA บรรเจิด
13. มีดอกไม้สีม่วงชื่อว่า GAY FEATHER ด้วยนะเค่อะ
จะสีอะไร ก็ขอให้พบเจอรักที่ดีนะครับ