เท่ง เถิดเทิง ร่ำไห้ ย้ำเทิดทูนสถาบัน-ไม่ยุ่งการเมือง

 

 

 

เท่ง เถิดเทิง ร่ำไห้ ย้ำเทิดทูนสถาบัน-ไม่ยุ่งการเมือง

 

  กินไม่ได้นอนไม่หลับ ตลกดัง “เท่ง เถิดเทิง” ร่ำไห้ลงบันทึกประจำวัน ลั่นเคารพรักเทิดทูนสถาบันมาโดยตลอด ก่อนบอกตอนนี้ตนเป็นเหมือนอาหารของนักการเมือง ยันเป็นกลางไม่มีข้าง ส่วนที่พูดอยากเห็นทักษิณกลับบ้านในงานวันเกิด “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” นั้น แค่พูดเอาใจเจ้าภาพ ขอความปราณีให้ที่ยืนในการทำมาหากิน

     หลังต้องตกเป็นข่าวกรณีไปร้องเพลงในงานวันเกิดโดยมีภาพกอดกับ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” พร้อมกับบอกว่า “อยากเห็นทักษิณกลับบ้าน” รวมถึงภาพที่เจ้าตัวแสดงละครในรายการ “ชิงร้อยชิงล้าน ซันไชน์เดย์” ที่หลายคนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ และได้มีการแชร์ภาพดังกล่าวผ่านโลกออนไลน์อยู่ในตอนนี้

     ล่าสุดในช่วงเย็นที่ผ่านมา ทางด้านของตลกชื่อดัง “เท่ง เถิดเทิง” พร้อมทนายความก็ได้เดินทางไปเข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อาคาร B ชั้น 4 โดยมี พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผบก.ปอท.รับเรื่องดังกล่าวไว้

     โดยตลกดังเปิดเผยว่าที่มาครั้งนี้ ก็เพื่อลงบันทึกประจำวัน และไม่ได้ต้องการเอาผิดกับใคร พร้อมกับบอกว่ารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการที่ได้มีผู้เอาภาพ ที่ตนแสดงในรายการชิงร้อยชิงล้าน เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาไปเผยแพร่โดยโยงไปยังเรื่องของสถาบัน ก่อนยืนยันว่าตนรักและเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนกับคนไทยทุกๆ คน

     “ผมมาในฐานะเป็นคนไทย มาปกป้องสิทธิ์ความเป็นคนไทย เกิดมาปู่ย่าตายายสอนให้เคารพรักสถาบัน จนมามีลูก ผมก็สอนแบบนั้น ผมเคยบวชให้สมเด็จย่า บำเพ็ญกุศล ขอให้ผมโชคดี สึกออกมาผมก็ได้มาอยู่กับพี่หม่ำจนผมมีวันนี้”

     “แต่วันนี้ผมถูกนำภาพจากคนกลุ่มใดไม่ทราบเอารูปไปโพสต์ ทุกวันนี้ผมและครอบครัวกินไม่ได้นอนไม่หลับ อยากบอกคนที่ทำว่าหยุดเถิดครับ เราคนไทย เรารักกัน ผมขอร้องเลยช่วยปรานีผมเถอะ ผมเป็นตลกตัวเล็กๆ เป็นคนไทยหากินโดยสุจริต สงสารผมให้ผมได้มีพื้นที่หากินต่อไป เพราะตอนนี้ผมไม่สบายใจมากๆ”

     ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังตลกดังว่ารู้สึกอย่างไร ที่เจ้าตัวถูกโยงไปยังเรื่องการเมือง โดยเฉพาะกรณีที่ทาง “โอ๊ค พานทองแท้” ได้โพสต์เฟซบุ๊ก โดยระบุว่าตนขอเลือกใส่ “หน้ากากเท่ง” เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนคนที่อยากเห็นพ่อกลับบ้านนั้น เรื่องนี้ตลกดังเผยว่า…

     “ตอนนี้ผมรู้ตัวดีว่าผมเป็นอาหารของนักการเมือง ผมไม่มีข้าง ผมขออยู่ตรงกลาง ผมขอร้องอย่าเอาผมไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย ผมไม่เป็นเรื่องการเมือง ใครจะเป็นนายกฯ ก็ช่าง ผมต้องหากินของผม ส่วนเรื่องที่ผ่านมาผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ อาชีพนักแสดงผมไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ผมขอเถอะครับอย่าเอาผมไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง มันไกลเกินฝันผม”

     “เราแตกต่างทางความคิดกันได้ แต่เราอย่าแตกแยกกันเลย ผมก็เหมือนคนกลางทั่วไป บ้านเมืองเราไม่มีสงคราม แต่เราดันมาทะเลาะกันเอง พวกท่านมีความรู้มากกว่าผม อย่าเอาชีวิตเด็กบ้านนอกคนนึงมาหากินเลยครับ…” ตลกดังกล่าวพร้อมกับร้องไห้ออกมา

อธิบายถึงภาพที่ถูกโพสต์ว่าเป็นเพียงการแสดงในรายการชิงร้อยชิงล้าน

     “ภาพนั้นผมแสดงในรายการชิงร้อยชิงล้าน ผมแสดงเป็นนักเรียนญี่ปุ่นในตอนข้างหลังภาพ ผมก็เป็นนักเรียนญี่ปุ่นก็นุ่งหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายวิวทิวทัศน์ แล้วก็ตลกขบขันไปเรื่อยเปื่อย ณ วันหนึ่งภาพนี้ก็ออกมาตัวผมเองยังงงว่ามันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมไม่รู้เรื่องเลยเพราะผมแทบจะไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ ผมเองจะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ถ้าผมจะพูดผมจะขอพูดเรื่องของการเมืองว่าตอนนี้ผมโดนหลายอย่างมากจนผมตั้ง สติไม่อยู่ ผมได้รับผลกระทบทั้งทางด้านจิตใจ ทั้งครอบครัวผม ผมเองสงสารลูกๆ ผม สงสารแม่ผม และคนที่รักผม เขาเห็นใจผม ผมบอกเลยว่าผมไม่สามารถจะไปยืนข้างไหนชัดเจนได้ เพราะจุดยืนของผมคือผมอยู่ตรงกลาง ผมขอร้องเลยอย่าดึงผมไปในเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง เรื่องพวกนี้มันไกลจากผม”

เหมือนเราตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง

     “ใช่ครับ มันอยากจะพูดอะไรหลายอย่างนะ ความรู้สึกเราเหมือนเราถูกรังแกจากคนที่อยู่ในมุมมืด ส่วนเราเองอยู่ในมุมสว่าง คุณมีอะไรคุณพูดกับผมได้นะ ภาษาผมไม่สูง ผมพูดภาษาชาวบ้าน หากินจากรากหญ้ามาจนประสบความสำเร็จในชีวิต ผมก็อยากจะหากินของผมอย่างนี้ต่อไป เพราะผมทำงานอาชีพสุจริต ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ผมคิดตลอดว่าผมนี่ช่างมีบุญที่เกิดมาแล้วสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนอื่นได้ แต่วันนี้ผมรู้สึกแย่ รู้สึกว่าตัวเองถูกกระทำในเรื่องที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้น อยากจะให้ผ่านวันนี้ไปเร็วๆ ให้เรื่องมันจางหายไป เรารู้สึกว่าชีวิตเราทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ต้องไปทำบุญล้างบาปล้างซวย สงสารลูก สงสารเมียมาก”

ส่วนเรื่องที่ไปพูดในงานวันเกิด “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” แกนนำเสื้อแดงว่า “อยากให้ทักษิณกลับบ้าน” นั้น เป็นการพูดเพื่อเอาใจเจ้าภาพเท่านั้น

     “ผมไม่โทษตัวเองนะเรื่องนี้ ผมก็ทำงานของผมปกติ เราเป็นศิลปิน ใครจ้างเราก็ไป แม่ก็มาพูดกับผมว่าเราเกิดเป็นคนไทยยังไงเราก็ต้องเทิดทูลสถาบัน(เสียงสั่น เคลือ น้ำตาคลอ) ผู้หลักผู้ใหญ่เขาก็เข้าใจดี ยังรับงานปกติ ใครจ้างผมไปข้างไหนผมก็ไป เราเป็นศิลปิน เราไปงานเขา เจ้าภาพขายปังเราจะไปบอกขนมปังของเจ้าภาพไม่อร่อยสู้เจ้าอื่นเขาไม่ได้อย่าง นั้นหรอ ผมก็ต้องอร่อยพอเขาว่าเออ…ขนมปังอร่อยนะ”

     “แต่ถามว่าผมผิดไหม… ผมก็ขอโทษไปแล้วในสิ่งที่ผมทำไป แต่สิ่งนั้นที่ผ่านมาคุณยังไม่ให้อภัยผม คุณมาเล่นกับผมอย่างนี้ ซึ่งมันเป็นอะไรที่รุนแรงมาก ผมก็ต้องอาศัยความยุติธรรมเข้าช่วย ผมน้อยใจตัวเองที่ผมไม่สามารถโต้ตอบอะไรเขาได้เลย คนไทยด้วยกันมีอะไรคุยกันเถอะครับ ผมทำอะไรไม่ดี ผมก็ขอโทษแล้ว ผมน้อมรับทุกอย่าง มาบอกกันไม่ใช่มาทำกับผมอย่างนี้ แล้วผมจะมีพื้นที่หากินในเมืองไทยยังไง ผมเองก็มีชีวิตเป็นศิลปินตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ได้มีพื้นที่หากินขนาดนี้ผมก็ชื่นใจแล้ว ผมได้อาศัยอยู่ในร่มพระบารมีผมมีความสุขมาก ถ้าท่านจะแบ่งข้างกันผมก็มองว่ามันเป็นสีสันทางการเมือง แต่จะให้แตกแยกเลยนี่ผมคงไม่ ผมขอเป็นคนกลาง เป็นพลังเงียบของผมอย่างนี้ดีกว่า”

ต่อไปจะรับแต่งานวัดไม่รับโชว์ตลกด้านการเมือง

     “มันก็ตัดเส้นทางการทำมาหากินของผมไปเส้นทางหนึ่ง ต่อไปผมก็คงต้องรับแต่งานวัดแหละครับ ไปอยู่กับหลวงพ่อดีกว่า แต่ความจริงก็ต้องมองนะครับว่าชีวิตหนึ่งผมได้มีโอกาสได้ไปร้องเพลง ได้ไปทำการแสดงให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ระดับรัฐมนตรีมันมีความรู้สึึกปลาบปลื้ม ใจ เราไม่มีสีเสื้อ เราไม่มีอะไรเลย แต่เราไปแล้วสิ่งที่ได้รับมาคือเป็นเกมส์การเมือง ต่อไปก็จะบอกตัวเองว่าอย่าไปดีกว่า เงินแค่นี้เราไปหาที่อื่นได้”

     “พูดภาษาชาวบ้านอย่างผมก็คงเราเกิดมาชาติเดียวตายครั้งเดียว จะได้ครั้งหนึ่งก็ให้มันมีเหตุผลหน่อย ไม่อยากให้ครอบครัวลูกเมียต้องมารับรู้ถึงความลำบากของเราด้วยแค่นั้นพอแล้ว ถามว่าผมกลัวไหมผมไม่กลัวครับ เราไม่ได้ทำผิดอะไร ใครจะมาทำร้ายเราไม่ได้ ผมขอถามกลับดีกว่าว่าผมไปทำอะไรให้คุณผิดใจหรือเปล่า แล้วเรามาคุยกัน ถ้าผมผิดจริงผมจะยกมือไหว้ แต่ถ้าผมไม่ผิดผมก็จะบอกเหตุผลให้คุณฟัง”

     “ขอบคุณท่านที่ทำร้ายผม หยุดเถอะครับ ให้ความปราณีผมเถอะครับ ให้ผมได้หากินต่อไป ผมคนเดียวไม่เป็นอะไรหรอกครับ ชีวิตผมลำบากมาตั้งแต่เกิดแล้ว แต่ผมไม่อยากให้ลูกเมียผมต้องมารับรู้สิ่งพวกนี้ คนเราเกิดมาทุกคนก็รักลูกรักเมีย ไม่อยากให้พวกเขาลำบาก เขาก็เข้ามากอดเข้ามาให้กำลังใจผมตลอด ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเจอข่าวที่ย่ำแย่ขนาดนี้มาก่อน ทุกวันมีความสุขกับชีวิต มีความสุขกับงาน แต่พอได้มาพูดมาอธิบายก็สบายใจไปมากอยู่ครับ”

Credit: http://fanthai.com/
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...