ความลึกลับลุ่มแม่น้ำมูล

" เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน " 
เรื่องราวมิติอันเร้นลับ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ต่อจากนี้ไปเป็นเรื่องราวจากการเล่าขานจากรุ่น สู่รุ่น จากประสบการณ์ที่เป็นจริง และจากผู้คน ที่สื่อถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ องค์เทพเทวา ตลอดเหล่าดวงวิญญาณที่สถิตย์อยู่ในป่าลึกแห่งนี้นับร้อยปีพันปี 



ดอนมดแดง 
กล่าวถึง ดอนมดแดง ศูนย์รวมไพร่พลนักรบผู้กล้า เจ้าพระตา เจ้าพระวอ 
เจ้าคำผง เจ้าทิดพรหม เจ้าฝ่ายหน้าซึ่งต่อมาได้เป็นเจ้าเมือง ด้วยมูลเหตุที่ถูกรุกรานจากกรุงเวียงจันทน์ที่ผสานนักรบพม่าเข้าโจมตี จนต้านทานกองทัพใหญ่ไม่ไหวจึงได้อพยพจาก เมืองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ถิ่นฐานแห่งนี้เป็นอาณาเขตแห่งเมืองนครจำปาศักดิ์ พระเจ้าองค์หลวงไชยกุมาร กษัตริย์ผู้ครองเมืองทรงรับไว้ด้วยไมตรีจิตและโปรดให้มาอยู่บริเวณป่าบ้านดู่บ้านแกและให้มีส่วนร่วมสร้างบ้านแปลงเมืองนครจำปาศักดิ์ในเวลาต่อมา ในระหว่างนี้เจ้าคำผง ได้รู้จักสนิทสนมรักไคร่กับเจ้านางตุ่ย ผู้เป็นบุตรีของอุปราชธรรมเทโว พระอนุชาพระเจ้านครจำปาศักดิ์และ ได้ครองรักในเวลาต่อมา ครั้นเวลาล่วงหลายปีเจ้าพระวอได้เกิดบาดหมางกับพระเจ้าองค์หลวงไชยกุมาร จึงได้อพยพครอบครัวมาอยู่ค่ายดอนมดแดงลุ่มลำน้ำมูล ข่าวนี้ได้ทราบถึงพระเจ้าสิริบุญสาร แห่งเวียงจันทน์ ทรงตั้งแม่ทัพใหญ่พระยาสุโพยกกองทัพมาตีค่ายดอนมดแดง เมื่อเจ้าพระวอทราบข่าวเห็นว่ากำลังพลไม่สามารถต่อสู้กองทัพใหญ่ได้แน่จึงได้ย้ายไพร่พลกลับไปที่บ้านดู่บ้านแกอีกครั้ง และมีหนังสือไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าเมืองนครจำปาศักดิ์อีกครั้ง คราวนี้พระองค์ไม่ได้ส่งทหารมาช่วยรบแต่อย่างใด เมื่อพระยาสุโพ ยกกองทัพมาถึงได้ต่อสู้กับไพร่พลของเจ้าพระวอ เจ้าพระวอต่อสู้ด้วยความสามารถ แต่ด้วยกำลังรบที่น้อยกว่า จึงถูกข้าศึกฆ่าเสียในสนามรบ ส่วนเจ้าคำผงมีความเฉลียวฉลาดได้วางแผนนำศพเจ้าพระวอตีฝ่าวงล้อมกองทัพพระยาสุโพออกมาได้และได้กลับ

ต้นโพธิ์โบราณ ขนาดใหญ่ ที่ ค่ายดอนมดแดง ณ เกาะดอนมดแดง ริมแม่น้ำมูล ณ ปัจจุบัน
มาที่ค่ายดอนมดแดง ในระหว่างนี้ได้มีหนังสือมอบหมายให้ผู้ที่ไว้ใจได้ เดินทางไปยังเมืองนครราชสีมา เพื่อนำความลงไปกราบบังคมทูลขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารต่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรี ขณะที่รอโปรดเกล้าฯอยู่นั้น เจ้าคำผง ในฐานะหัวหน้าค่ายดอนมดแดง เกรงว่ากองทัพของพระยาสุโพจะติดตามมาจึงได้ปรึกษากันที่จะซ่อนสิ่งของอันล้ำค่าที่อยู่ในกองทัพไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป แก้วแหวนเงินทอง หาที่ซ่อนมากกว่าหนึ่งสถานที่และเก็บเป็นความลับ และได้ป่าวประกาศให้ไพร่พลทราบว่าจะขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร จุดประสงค์หนึ่งเพื่อให้กองทัพเวียงจันทน์ทราบเพื่อจะไม่ได้ติดตามมาและเป็นจริงดังนั้น กองทัพเวียงจันทน์เมื่อทราบข่าวเช่นนั้นก็ไม่ได้ติดตามมาเพราะเกรงกองทัพอันเกรียงไกรของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงรับทราบและทรงแต่งตั้งสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกและพระยาสุรสีห์ ยกทัพใหญ่มาตีเมืองนครจำปาศักดิ์และเมืองเวียงจันทน์เมื่อชนะทั้งสองเมืองแล้วได้อัญเชิญพระแก้วมรกตและพระบางลงมายังกรุงธนบุรี ครั้นต่อมาเจ้าคำผงได้ย้ายไพร่พลมาสร้างบ้านเมืองใหม่ที่บ้านแจระแม เนื่องจากที่ตั้งค่ายเดิมปีนั้นมีน้ำท่วมใหญ่ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัติริย์ศึกได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมาหาราช ทรงแต่งตั้งเจ้าคำผงเป็นเจ้าเมืองอุบลราชธานี ที่พระประทุมวรราชสุริยวงษ์ยกบ้านแจระแมเป็นเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัย ประเทศราชขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร ถึงแม้ว่าจะย้ายเมืองใหม่แต่พี้นที่เดิมก็ยังมีชาวบ้านอาศัยอยู่บ้างตามหมู่บ้านติดริมแม่น้ำมูล ป่ารกทึบ ติดริมแม่น้ำมูลเป็นพื้นที่สูงน้ำท่วมไม่ถึงต้นไม้ยางนาแทรกขึ้นหนาแน่น นอกจากยางนาแล้วยังมีไม้นานาพันธุขึ้นรายล้อมป่า มีหมอกควันพวยพุ่งไปมา ตามกระแสลมเป็นสัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์ของป่าแห่งนี้ เสียงสัตว์น้อยใหญ่ดังมาเป็นระยะบ่งบอกให้รู้ว่าที่นี่คือดินแดนป่าเขาอย่างแท้จริง การเลือกพื้นที่แหล่งทำมาหากินต้องมีพี้นที่เลี้ยงสัตว์และทำไร่ทำนาและทีสำคัญต้องใกล้แหล่งน้ำเพื่อสะดวกแก่การสัญจรและทำการประมงได้ ที่นี่จึงเป็นพื้นที่ชาวบ้านสมัยก่อนเลือกเข้ามาจับจอง ตาเนตรจึงเป็นครอบครัวแรกๆที่ย้ายครอบครัวมาตั้งบ้านเรือนไกล้ๆแนวป่าแห่งนี้ ทำบ้านยกพื้นสูงมุงด้วยหญ้าคาตามแต่จะหาได้ เมื่อเวลาผ่านไปจากหนึ่งครอบครัวกลายมาเป็นชุมชนหมู่บ้าน ป่าแห่งนี้จึงถูกเรียกขานต่อมาว่า ป่าตาเนตร หรือ ดงตาเนตร
ดงตาเนตร มักถูกกล่าวขานเรื่องตำนานเร้นลับแดนอาถรรพ์และภูตผีปีศาจว่าดุและเฮี้ยนยิ่งกว่าป่าช้าใดๆ เกิดสิ่งที่ทุกคนชวนสงสัยอยู่เป็นนิจบางทีปรากฏกายเป็นเหล่าทหารนักรบโบราณ ที่มีศรัตราวุธพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็น หอก ดาบ ปรากฏเด่นชัดเป็นเรือนหมื่น บางขณะเป็นคนนุ่งห่มขาวเดินไปมาแต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ ร่างเหล่านั้นจะค่อยๆจางหายไปในป่าลึกคนแล้วคนเล่า ภาพบรรยากาศน่าสะพรึงกลัว เสียงหวีดร้องของสัตว์น้อยใหญ่กังวานอยู่ตลอดแต่เช้าจรดเย็นยิ่งตอกย้ำความพิศวงของป่าแห่งนี้ ข่าวคราวเรื่องเช่นว่านี้ได้แพร่ไปยังหมู่บ้านต่างๆในระแวกนี้อย่างรวดเร็ว จนไม่มีใครที่จะย่างกรายเข้าไปในดงตาเนตร เมื่อไม่มีมนุษย์พลุกพล่าน สัตว์ป่าก็อยู่อย่างเสรีในพงไพรการขยายพันธุ์ได้มีเพิ่มมากขึ้นตามลำดับสัตว์ที่อยู่บริเวณนี้ปราศจากการถูกไล่ล่าจากน้ำมือของมนุษย์ แต่ที่สุดแล้วกิเลสของคน ความท้าทายด้วยคาถาอาคมและ ด้วยความเป็นสัตว์ที่มนุษย์ต้องการนำมาประกอบเป็นอาหารอันเลิศรสแกล้มสุรายังอยู่ในใจของผู้คนบางกลุ่ม
ครั้งหนึ่ง ปรากฏกายชาวบ้านประมาณ สิบคนจากหมู่บ้านเล็กๆทางทิศตะวันตกที่เรียกว่า บัวท่าบัวเทิง ทุกคนอยู่ในชุดนักล่าระดับชาวบ้านที่มีความต้องการสัตว์ที่ชอบกระโดดโลดเต้นบนยอดปลายไม้เป็นอาจิณคือเจ้าลิงหน้าทะเล้น พวกเขาเหล่านั้นมีความเชื่อว่าการที่ได้บริโภคลิงสักครั้งจะเป็นยาชูกำลังที่วิเศษที่สุดและพอดีที่ป่าตรงนี้มีสัตว์ประเภทนี้อยู่เป็นจำนวนมากแต่ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ ในบรรดานักล่าเนื้อสัตว์ยังมีคนที่ได้เรียนวิชาอาคมในด้านไสยศาสตร์ที่มีประสบการณ์อันยาวนานพอที่จะให้เพื่อนๆที่มาด้วยกันมีกำลังใจเป็นทุน ทุกคนก้าวลงจากเรือหาปลาที่ท่าน้ำปากบุ่งสระพัง เดินลัดเลาะมุ่งหน้าเข้าดงตาเนตร ด้วยความเชี่ยวชาญในป่าดงพงไพรมานับครั้งไม่ถ้วนสักพักก็เข้ามาอยู่ใจกลางป่าแห่งนี้ในบัดดล ระหว่างเดินทางเข้ามาจะได้ยินเสียงนก เสียงลิง เสียงชะนี และยังได้ยินเสียงเสือบ้างเป็นบางครั้งสียงของสัตว์หล่านั้น ดังกังวานอย่างต่อเนื่องยิ่งทำให้พรานอย่างพวกเขา กระหยิ่มความสะใจก่อนล่วงหน้าเพราะต่อไปนี้สัตว์ทุกอย่างที่ขวางหน้าต้องเป็นอาหารของพวกเขาในมื้อเย็นและยังนึกไปก่อนอีกว่าเมื่อกลับไปถึงบ้านจะมีญาติพี่น้องวิ่งออกมาต้อนรับด้วยความยินดีเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมาเพราะได้สิ่งที่ต้องการเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นนกหนูปูปีกหลายชนิดหลายสายพันธุ์ ได้มีการแบ่งปันให้เพื่อนบ้านจนเป็นที่พอใจและได้ยินคำขอบคุณ พร้อมด้วยวาจาชื่นชมความสามารถของพวกเขาทุกครั้งทุกคราไป ทุกตารางของพื้นที่ที่พวกเขาเดินผ่านพวกนกจะแตกตื่นบินหนีเป็นการแสดงให้สัตว์ประเภทอื่นๆทราบตามสัญชาตญาณว่าพวกเขาถูกมนุษย์บุกรุกแล้ว หัวหน้าพรานเมื่อถึงจุดหมายเหมาะที่จะทำพิธีสวดคาถาร่ายมนต์สะกดภูมิเจ้าที่ที่รักษาป่าโดยไม่ได้ใช้วิธีขอร้องแต่ประการใด แต่เป็นการห่มเหงด้วยการบีบรัดทางไสยเวทย์เหมือนที่เคยปฏิบัติกันมา แต่หากสถานที่แห่งใดที่ไม่สามารถต้านทานวิชาอาคมอันแก่กล้าของพวกเขาแล้วย่อมยอมจำนนทุกวิถีทาง แต่ถ้าภูมิเจ้าที่แห่งใดมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ก็จะแสดงให้เห็น ท้องฟ้ามืดครึ้ม ลมพัดกระโชกอย่างแรง เกิดความโกลาหลขึ้นในทันทีทันใดหรือเกิดเหตุร้ายกับผู้มาเยือน เมื่อหัวหน้ากำหนดสวดคาถาไปชั่วขณะหนึ่งแล้ว สภาพทั่วไปเป็นปกติบรรยาศยังเยือกเย็นฉกเช่นเดิม แต่ได้ปรากฏภาพ นักรบโบราณขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ซึ่งหัวหน้าพรานผู้ร่ำเรียนคาถาอาคมรับรู้แต่เพียงผู้เดียว และนึกในใจว่าคงไม่มีอะไรถ้ามีคงเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันให้เห็นแล้ว และเชื่อมั่นในวิชาอาคมที่ตัวเองเรียนมากับอาจารย์ที่มีชื่อเสียงและเก่งกล้าสามารถ ภาพที่เห็นคงเป็นภาพภูตผีปีศาจบางตนที่อยากแสดงความสามารถบางขณะเพื่อเป็นการหยั่งเชิงเท่านั้นถ้าคนใดตกใจกลัวก็ไม่ไช่นักล่าที่แท้จริง เมื่อเสร็จสิ้นขบวนการแล้วได้สั่งให้สมัครพรรคพวกเปิดศึกกับสัตว์ทุกตัวที่กล้าออกมาท้าทายความตาย เมื่อทุกคนได้กระจายกันออกไปเพื่อหาลู่ทางปิดชีพเจ้าสัตว์ป่าผู้น่าสงสารตามความถนัดแต่ละคน การเดินหาสัตว์ตามเสียงที่ดังก้องมาเหมือนอยู่ใกล้แต่พอเดินเข้าไปกลับไม่พบเห็นสิ่งใดนอกจากความว่างเปล่าคนแล้วคนเล่า จากเช้าถึงบ่ายและใกล้พบค่ำ ลิงสักตัวก็ไม่เห็นได้ยินแต่เสียง ทุกคนอยู่ในสภาพที่อิดโรย เหนื่อย หิว ปราศจากความหวัง เมื่อเป็นเช่นนี้แทบจะทุกรายด่าทอเกรี้ยวกราดป่าเขาตามอำเภอใจ ซากอิฐปรักหักพัง พระพุทธรูป แท่นศิลา เทวรูปต่างๆ สิ่งล้ำค่าวัตถุโบราณถูกทุบทำลายด้วยน้ำมือพรานใจบาป หลังจากนั้นก็ได้ชักชวนกันกลับด้วยความผิดหวังปรากฏการณ์เช่นว่านี้ไม่เคยปรากฏกับพวกเขามาก่อนเลย หลังจากนั้นมาไม่กี่วันกลับได้ยินข่าวว่าพวกชาวบ้านที่มาล่าสัตว์ในดงตาเนตร ได้เสียชีวิตลงคนแล้วคนเล่า

Credit: Dominic
11 มิ.ย. 56 เวลา 13:07 1,213 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...