มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือ

 
มนุษย์ต่างดาว (Alien) เป็นสิ่งที่เชื่อว่าอาจมีอยู่จริง
มนุษย์ต่างดาว
 
     มนุษย์ต่างดาว (Alien) เป็นสิ่งที่เชื่อว่าอาจมีอยู่จริงแต่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ ลักษณะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกโลก ซึ่งในความคิดของคนส่วนใหญ่ มักจะวาดภาพ มนุษย์ต่างดาว ลักษณะคล้ายคนแต่ ตัวเขียว หัวโต ตาโต เคยมาเยือนโลกโดยมากับ จานบิน หรือ UFO
 
      คำว่า ยูเอฟโอ นี้มาจาก UFO = Unidentified flying Object หรือในภาษาไทยว่า "วัตถุบินที่ไม่สามารถจำแนกได้" หรือรวบรัดเอาง่ายๆ ว่า จานผี ซึ่งมันก็เป็นอะไรสักอย่างที่สับสนอยู่เหมือนกัน ถ้าท่านพูดกับบุคคลที่ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้มา แล้วพวกเขาก็จะคิดขึ้นมาทันทีว่า มันเป็นจานบินที่ขับขี่โดยมนุษย์ตัวเล็กๆ สีเขียวซึ่งไม่ถูกต้องเลย
 
 
ในความคิดและจินตนาการของมนุษย์มักคิกว่ามนุษย์ต่างดาวมักมากับจานบินเสมอ
 
     ยูเอฟโอนี้มันหมายถึง "วัตถุหรือปรากฏการณ์ใดๆในอากาศซึ่งผู้พบเห็นไม่สามารถที่จะอธิบายได้" ซึ่งมันอาจจะเป็นลูกไฟประหลาดหรือประเภทของดาวตก เมฆที่ก่อตัวเป็นรูปร่างแปลกประหลาด กลุ่มหมู่บินหรือการบุกของกองเรือรบ
 
     ยูเอฟโอส่วนมากที่สุดคือเหตุการณ์โดยธรรมชาติที่ห่างไกลจากคำอธิบายของนวนิยายในทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ถ้าท่านเกิดความรู้สึกที่อยากจะหาเรื่องหาราวขึ้นมาในวันนี้แล้วละก็คำว่า "บิน" นี้มันก็อาจจะรวมได้ทั้ง บางสิ่งบางอย่างที่มันตกลงมา จากฟากฟ้าหรือแม้แต่กลไกอะไรสักอย่างที่มันลงมาสู่พื้นดิน
ศิลปจากท้องทุ่ง ฝีมือมนุษย์ต่างดาวหรือมนุษย์
 
  
สัญลักษณ์แปลกๆ ที่มนุษย์เข้าใจว่ามนุษย์ต่างดาวสร้างขึ้น
 
 
 
รูปร่างลักษณะและที่อยู่อาศัยของมนุษย์ต่างดาวตามหลักพระพุทธศาสนา
อาจจะมีความแตกต่างจากความเชื่อและหลักการตามหลักวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์
 
มนุษย์ต่างดาวตามหลักพระพุทธศาสนา
    มนุษย์ต่างดาวหรือมนุษย์ที่อยู่ในทวีปที่เหลืออีก 3 ทวีป คือ อุตตรกุรทวีป ปุพวิเทหทวีป อมรโคยานทวีป ส่วนโลกที่เราอยู่นี้ ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า ชมพูทวีป คำว่าทวีปตามหลักพุทธศาสนานั้น ไม่ได้หมายถึงทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป หรือทวีปเอเชีย ตามที่พวกเราเข้าใจ
 
     ดังนั้น คำว่า มนุษย์ต่างดาว ตามหลักพระพุทธศาสนา จึงหมายถึงมนุษย์ที่อาศัยอยู่นอกชมพูทวีป อันได้แก่ มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในอุตตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวีป และ อปรโคยานทวีป นั่นเอง ซึ่ง มนุษย์ในทวีปทั้งสามนี้ เราสามารถเรียกสั้นๆ ตามหลักวิทยาศาสตร์และหลักดาราศาสตร์ว่า มนุษย์ต่างดาว ก็ได้ เพียงแต่รูปร่างลักษณะและที่อยู่อาศัยของมนุษย์ต่างดาวตามหลักพระพุทธศาสนา อาจจะมีความแตกต่างจากความเชื่อและหลักการตามหลักวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ เพราะฉะนั้น ถ้ามีใครถามว่า มนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริงหรือไม่ คุณครูไม่ใหญ่ก็คงตอบไปตามหลักพระพุทธศาสนาที่มีบันทึกในตำราว่า...มีอยู่จริง แล้วมันก็มีอยู่จริงๆ เสียด้วย
 
     ต่อไปนี้เราจะได้มาเรียนรู้ถึงลักษณะต่างๆ ของมนุษย์ต่างดาวหรือมนุษย์ที่อยู่ในทวีปต่างๆ กันจากบทความข้างล่างนี้
 
มนุษย์ต่างดาวในพระพุทธศาสนา ตอน ที่ตั้งของมนุสฺสภูมิ 4
  
      ที่อยู่ของมนุษย์  หรือ  มนุสสภูมิ  อยู่บนพื้นดินที่เรียกว่า  ทวีปใหญ่  ซึ่งลอยอยู่กลางอากาศในระดับเดียวกับไหล่ เขาพระสุเมรุ  หรือ  เขาสิเนรุ  ตั้งอยู่ในทิศทั้ง 4  ของเขาสิเนรุ  ซึ่งเป็นแกนกลางของจักรวาลในกามภพ  ผืนแผ่นดินใหญ่ทั้ง 4 ที่ลอยอยู่ในทิศทั้ง 4 นั้นแวดล้อมด้วยทวีปน้อยเป็นบริวารอีกทวีปละ 500 รวมทวีปน้อยมี 2,000 ทวีป
 
 
 
มนุษย์ต่างดาวตามหลักพระพุทธศาสนาหมายถึงมนุษย์ที่อาศัยอยู่นอกชมพูทวีป
 
ทวีปใหญ่ หรือ พื้นแผ่นดินทั้ง 4 ทิศ มีชื่อและที่ตั้งดังนี้
 
1. อุตตรกุรุทวีป  ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ  ของเขาสิเนรุ
2. ปุพพวิเทหทวีป  ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก  ของเขาสิเนรุ
3.  อปรโคยานทวีป  ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก  ของเขาสิเนรุ
4.  ชมพูทวีป  ตั้งอยู่ทางทิศใต้  ของเขาสิเนรุ
 
      ชาวโลกส่วนใหญ่ที่ยังไม่เริ่มศึกษาพระพุทธศาสนา  มักมีความเข้าใจว่า  มนุษย์มีอยู่เฉพาะในโลกที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น  แต่หากได้ศึกษาคำสอนในพระพุทธศาสนาแล้วจะพบว่า  โลกมนุษย์นั้นมีอยู่ถึง 4 ทวีปด้วยกัน  แต่เราไม่สามารถไปถึงได้  เพราะอยู่ไกลกันมาก  อีกทั้งยังมีความละเอียดประณีตมากกว่าโลกที่เราอยู่นี้  จึงทำให้มองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ  ต้องอาศัยทิพยจักขุ  ดังที่เคยกล่าวมาแล้ว  โลกที่เราอาศัยอยู่นี้  เรียกว่า  ชมพูทวีป
 
ลักษณะของมนุษย์  ในทวีปทั้ง 4 มีดังนี้
 
1. อุตตรทวีป
  
      ภูมิประเทศและสังคม  อุตตรกุรุทวีป  มีขนาดพื้นที่ประมาณ 8,000 โยชน์  ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเขาสิเนรุ  ซึ่งอยู่ในทิศเดียวกันกับท้าวมหาราชชื่อกุเวรหรือเวสวัณเป็นผู้ปกครองของเทพชั้นจาตุมหาราชด้านทิศนี้  แสงจากเขาสิเนรุด้านนี้เกิดจากแสงรัตนะสีทองส่องมาทางทวีปนี้  มีต้นกัลปพฤษก์เป็นไม้ประจำทวีปนี้  วัดรอบลำต้นได้ 15 โยชน์  มีกิ่งและลำต้นยาวขนาดละ 50 โยชน์  วัดส่วนสูงทั้งหมดได้ 100 โยชน์  วัดกิ่งที่แผ่ไปรอบด้านก็กว้างได้ 100 โยชน์เหมือนกัน  เป็นไม้ยืนต้น  เวลาออกดอกใบจะร่วงเกือบหมด  จะออกดอกตามกิ่งจนเต็ม  แต่สมัยนั้นดอกใหญ่มาก  พวกมนุษย์ในทวีปนี้สามารถอธิษฐานขอเสื้อผ้าและเครื่องประดับได้จากต้นไม้นี้  จะออกมาจากดอกไม้  ซึ่งก็จะได้ตามกำลังบุญ
 
     อากาศของทวีปนี้ดีมาก  ไม่มีมลภาวะที่เป็นพิษ  น้ำใสสะอาดบริสุทธิ์  ภูมิประเทศสะอาดไร้สิ่งสกปรก  ไม่มีกลิ่นเหม็น  ไม่มีสัตว์ร้ายสัตว์พิษ  มีผลไม้หลากชนิด ผลใหญ่ รสชาติดีมาก  ไม่มีพืชหนามพืชพิษ  อร่ามไปด้วยไม้ดอกสีสันสะดุดตา  น่ามองไม่รู้เบื่อ  และไม้หอมนานาชนิดคนก็ตาม  สัตว์ก็ตามไม่วิวาทเบียดเบียนกัน  มีตัณหาน้อย  ไม่มักมากในกาม
 
     รูปลักษณ์  มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้  มีลักษณะใบหน้ารูปทรงสี่เหลี่ยม ร่างกายไม่พิการ  ไม่มีโรคหรือเจ็บป่วย  รูปร่างใหญ่โตกว่าชาวชมพูทวีป 3 เท่า(ประมาณ 13 ศอก)  มีผิวแดงหรือขาวเท่านั้น  มีเส้นผมละเอียดอ่อน  เส้นเล็กกว่าผมชาวชมพูทวีป 8 เท่า  สตรีมีรูปร่างสมส่วน  เป็นสาวตลอดกาล  ผู้ชายก็เป็นหนุ่มตลอดกาล
 
     คุณลักษณ์  มนุษย์ในทวีปนี้มีอายุ 1,000 ปีเท่ากันหมด  หญิงตั้งครรภ์และคลอดไม่ลำบากทั้งแม่และลูก  เด็กเวลาหิวก็จะมือน้ำนมหลั่งทางนิ้วมือ  เกิดได้ 7 วันก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาว  เมื่อญาติพลัดพรากจากไป  ก็ไม่เศร้าเสียใจ  ไม่ต้องรับทุกขเวทนาด้วยโรคภัย  ความชราและความเสื่อมกำลัง
 
 
ลักษณะของมนุย์ต่างดาวหรือมนุษย์ในอุตตรกุรุทวีป
     
     มีศีล 5 เป็นปกตินิสัย  ไม่ยึดถือสิ่งของอันใด เช่น ผ้า ข้าวน้ำ  เป็นต้นว่า  เป็นของตนไม่มีความหวงแหนว่า  นี้ภรรยาของเรา เป็นต้น  ความกำหนัดด้วยความพอใจย่อมไม่เกิดขึ้นเพราะเห็นมารดาหรือน้องสาว
       
      การดำเนินชีวิต  มนุษย์เหล่านั้นไม่ต้องหว่านพืช  และไม่ต้องนำไถออกไถ  หมู่มนุษย์บริโภคข้าวสาลี  อันผลิตผลในที่ไม่ต้องไถ  ข้าวสาลีนั้นไม่มีรำ  ไม่มีแกลบ  บริสุทธิ์  มีกลิ่นหอมเป็นเมล็ดข้าวสารเลยที่เดียว  เมื่อเขานำข้าวสารไปเกลี่ยลงหม้อแล้วหุง  แล้วนำไปตั้งบนเตาอันปราศจากควันและเถ้า  เตานั้นได้แก่หินที่ชื่อว่า  โชติกปาสาณะ  ที่ชนชาวอุตตรกุรุทวีปทั้งหลายวางหิน 3 ก้อน  แล้วยกหม้อขึ้นตั้งบนแผ่นหิน  ไฟก็เกิดขึ้นจากแผ่นหินนั้นทันทีโดยไม่มีควันเมื่อข้าวสุกแล้ว  ไฟก็จะดับเอง  เป็นสัญญาณให้รู้ว่าข้าวสุกแล้ว (เหมือนหม้อไฟฟ้าในปัจจุบัน)  ชาวอุตตรกุรุบริโภคข้าวจากหม้อนั้น  ไม่มีแกงหรือผัดอย่างอื่นเสริม  เพราะบริบูรณ์ด้วยโอชาครบถ้วนอยู่แล้ว  และรสชาดของข้าวนั้นเป็นรสบำรุงใจของผู้บริโภคอย่างดี  ชนเหล่านั้นย่อมให้แก่ผู้มาถึงที่นั้นทุกคน  ชื่อว่า  จิตตระหนี่ย่อมไม่มีแก่เขาเหล่านั้น
 
     แม้พระพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นต้น  ทรงฤทธิ์มาก  ก็มักจะเสด็จไป ณ ที่นั้นเพื่อรับบิณฑบาต  หรือ แม้แต่ฤาษีดาบสที่มีฤทธิ์ก็ชอบไปภิกขาจารที่ทวีปนี้
 
     อนึ่ง  อิตถีรัตนะ (นางแก้ว)  ของพระเจ้าจักรพรรดิหรือของคนมีบุญทั้งหลายเช่นโชติกะเศรษฐี  โดยมากก็นำไปจากอุตตรกุรุทวีปนี้  โดยการนำไปของเทวดา หรือมาได้เองด้วยบุญญานุภาพบ้าง หากผู้มีบุญนั้นตายไปก่อน หรือออกบวช พวกเทวดาก็จะนำนางแก้วนั้นกลับไปยังอุตตรกุรุทวีปตามเดิม
 
     ก็มนุษย์เหล่านั้นจะนอนบนที่นอนอันประเสริฐที่ปราสาท  และนั่งบนตั่งและวอเป็นต้น เที่ยวไป  อรรถกถาบางแห่งกล่าวว่า  ชาวทวีปนี้และชาวอปรโคยานทวีป  นอนบนแผ่นดินได้สบาย  ไม่จำเป็นต้องมีบ้านเรือน  ก็ได้  สงสัยพื้นดินน่าจะนุ่ม  ราบเรียบดีดุจปูด้วยพรหมกระมังยุงเหลือบ  ริ้นไรคงจะไม่มีด้วย
 
     เวลาที่มนุษย์ในทวีปนั้นตายไป  พวกญาติก็จะนำเอาผ้าชื่อ  สิเวยยกะ  ห่อหุ้มคนตายแล้วทิ้งเสีย  นกหัสดีลิงค์ทั้งหลาย (มีศีรษะเป็นช้างขนาดใหญ่)  กำหนดห่อคนตายนั้นว่า  ชิ้นเนื้อ  แล้วเฉี่ยวนำไปวางที่ยอดเขาหิมพานต์  เปลื้องออกแล้วกิน
 
      มนุษย์ในอุตตรกุรุทวีปนี้มีการรักษาศีล 5 เป็นปกติ เมื่อตายไปแล้วย่อมเกิดในเทวโลกแน่นอน  แต่เมื่อเวลาที่จุติจากเทวโลกแล้ว  อาจไปเกิดในอบายภูมิ 4 หรือ  เกิดในทวีปเดิมหรือในทวีปอื่นใดก็ได้  หรือไปเกิดในภูมิใดภูมิหนึ่งตามอำนาจแห่งกรรม  จะไม่ไปสู่อบายเพียงชั่วภพถัดไปจากที่กำลังเป็นมนุษย์อุตตรกุรุเท่านั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสถึงลักษณะที่เด่นของชาวอุตตรกุรุไว้ในฐานสูตร ว่า
 
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลายมนุษย์ชาวอุตรกุรุทวีป  ประเสริฐกว่าเทวดาชั้นดาวดึงส์และพวกมนุษย์ชาวชมพูทวีป  ด้วยฐานะ 3 ประการ 3 ประการเป็นไฉน คือ
 
1. ไม่มีทุกข์  เพราะตัณหาในกาม
2. ไม่มีความหวงแหน (ยึดถือในทรัพย์สมบัติ บุตร ภริยา สามี ว่าเป็นของตน)
3. มีอายุแน่นอน คือ 1,000 ปี
Credit: Dominic
11 มิ.ย. 56 เวลา 12:32 3,909 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...