โทษของตะไคร้
ในปัจจุบันคนไทยเริ่มให้ความสนใจกับพืชสมุนไพรมากขึ้น ทั้งที่ใช้เป็นยาบำรุงสุขภาพ และเป็นยา รักษาโรค ซึ่งเราถือว่าการนำสมุนไพรมาใช้ประโยชน์นั้น นับเป็น "ภูมิปัญญาชาวบ้าน" ที่สมควรแก่การ อนุรักษ์ อีกทั้งในปัจจุบัน วิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ ก็หันมาให้ความสนใจ กับพืชสมุนไพรด้วย ข้อดีประการหนึ่ง ของการนำพืชสมุนไพรมาใช้คือ ทำให้เราเริ่มตระหนักถึง ความสำคัญ ของพืชสมุนไพร ที่มีอยู่ในประเทศ หลายหน่วยงาน เริ่มทำการวิจัย และรวบรวมข้อมูล ของสมุนไพรไทย ตั้งแต่ลักษณะ ทางกายภาพ ของพืชสมุนไพร และสรรพคุณทางยา ซึ่งมีการรวบรวม และตีพิมพ์ เป็นหนังสือ เกี่ยวกับพืช สมุนไพรไทย ไว้มากมายแม้ว่าสมุนไพรจะมีประโยชน์มากมายมหาศาล
แต่การใช้สมุนไพรก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่นกัน เนื่องจากมีพืชสมุนไพรหลายอย่าง ที่หากมองจากภายนอกแล้ว จะมีความคล้ายคลึงกัน ค่อนข้างมาก และหากไม่พบเห็นพร้อม ๆ กันก็มักจะทำให้เกิด ความเข้าใจผิดได้ว่า เป็นพืชชนิดเดียวกัน แต่ถ้าได้นำมาเปรียบเทียบกันแล้ว จึงจะเห็นความแตกต่าง ซึ่งสรรพคุณของสมุนไพร ที่มีความคล้ายกันนี้เอง จะแตกต่างกัน และมีอันตราย หากบริโภคผิดประเภท ดังนั้น ในการนำสมุนไพร มาใช้ ควรที่จะ ทำการศึกษา เกี่ยวกับสมุนไพร ให้ละเอียด รวมทั้งควรศึกษา ถึงความแตกต่างของพืชด้วยตัวอย่างของพืชสมุนไพรที่น่าสนใจ เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกันมาก คือ "ตะไคร้" และ "ตะไคร้หอม" ซึ่งหากมองผิวเผินแล้วบางคนไม่สามารถแยกออกได้ว่า ต้นไหน คือตะไคร้ และตะไคร้หอม หรือบางคน อาจจะรู้จักแต่ตะไคร้ แต่ไม่เคยรู้จักตะไคร้หอม ก็เลยคิดว่าเป็นพืชตัวเดียวกัน
ความแตกต่าง ตะไคร้ (Lemon Grass) ตะไคร้หอม (Citronella Grass) ชื่ออื่น ๆ ตะไคร้บ้าน ตะไคร้แกง คาหอม จะไคร
ทั้งต้น ใช้เป็นยารักษาโรคหืด แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ และแก้อหิวาตกโรค และยังใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น
รักษาโรคได้ เช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร และขับเหงื่อ
ใบ ใบสด ๆ ช่วยลดความดัน โลหิตสูง แก้ไข้
ราก ใช้เป็นยาแก้ไขปวดท้องและท้องเสีย
ต้น ใช้เป็นยาขับลม แก้เบื่ออาหาร
แก้โรคทางเดินปัสสาวะ นิ่ว เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญ และนอกจากนี้ยังใช้ดับกลิ่นคาวด้วย