จอห์น ซี โฮล์ม

Text : ทองแถมและเพื่อนทนาย

จอห์น ซี โฮล์ม มีชื่อเรียกอีกเป็นร้อยในหนังใต้ร่มผ้ากว่า 2,500 เรื่องที่เขาอาสาโชว์สัดส่วน 12.5 นิ้ว "หากเอลวิสคือตัวแทนของร็อคแอนด์โรลล์ โฮล์มก็เป็นอย่างนั้นในวงการหนังโป๊" นี่คือความกระฉ่อนเล็กๆ น้อยๆ ในชื่อเสียงของโฮล์ม สรรพคุณความอหังการ์ยังไม่หมดแค่นั้น เขาเฝ้าพร่ำบอกคนใกล้ชิดเสมอๆ ว่าหากวันใดเกิดตายขึ้นมาให้ญาติเผาร่างเขาให้เป็นจุล เพราะกลัวคนจะแอบขุดศพแล้วตัด ‘อวัยวะส่วนนั้น' ไปเป็นที่ระลึก ไม่เท่านั้น ความฉาวของเขายังส่งผลก่อเกิดเป็นหนังใหญ่สองเรื่อง Boogie Nights และ Wonderland

เด็กชาย จอห์น ซี เคอร์ติส เติบโตมาในสภาพสังคมอเมริกันเส็งเคร็ง เวอร์ชั่นพระเจ้าลืมสนใจ พ่อแท้ๆ ของเขาเป็นคนงานรถไฟที่นอกจากจะทำงานแล้ว ยังมีงานอดิเรกเมาเหล้าเป็นอาจิณ ว่ากันว่าเขาถูกพ่ออ้วกใส่นับครั้งไม่ถ้วน ส่วนแม่ก็เป็นแม่บ้านที่เคร่งศาสนา ส่วนผสมที่ไม่เข้ากันเลยส่งผล ให้ครอบครัวถึงคราวแตกแยกเมื่ออายุได้ราวแปดขวบ พ่อใหม่ผู้แสนดีพาครอบครัวมาอยู่กันที่โอไฮโอ และมันก็คงเป็นสุขตลอดไป ถ้าแม่ของเขาไม่ดันมาท้องเสียก่อน

ทันทีที่ลูกแท้ๆ ลืมตามองดูโลก จอห์นก็ถูกมองเป็นหมาหัวเน่า พ่อเลี้ยงเริ่มออกอาการรังเกียจ จอห์นเก็บกดจนอายุประมาณ 16 ปี เมื่อความอดทนสิ้นสุด เขาทะเลาะกับพ่อเลี้ยง ลงท้ายด้วยการลงไม้ลงมือ เย็นวันนั้นจอห์นเก็บกระเป๋าเดินออกจากบ้านและไม่กลับไปอีกเลยจนวันตาย

เมื่อหันหลังให้บ้าน เขาหันหน้าให้กองทัพ จอห์นสมัครเป็นทหารรับใช้ชาติ หลังการฝึกหนักที่ค่าย Fort Gordon เขาถูกส่งตัวไปประจำการในกองพันที่เยอรมนีถึงสามปี ในช่วงนี้เองกล้ามเนื้อ ของเด็กหนุ่มได้รับการพัฒนาให้แข็งแกร่งสมชายชาตรี แต่เขาหาได้ยี่หระ ตรงกันข้าม จอห์นไม่เคยนึกเลยว่า วันหนึ่งเขาจะต้องทำมาหากินด้วยมัดเนื้อแบบนั้น หลังสงครามเริ่มสงบ เขาถูกส่งตัวกลับ ความน่าเบื่อของชีวิตในกรมกัดกินเขาจนต้องส่งใบลาออก จอห์นเริ่มต้นความท้าทายใหม่ๆ ด้วยการเป็นเซลล์แมนขายของตามบ้าน ครั้นพอเบื่อก็ลาออกแล้วไปยึดอาชีพขับรถยกของ ครั้นพอเบื่ออีกก็ลาออกจับงานสะเปะสะปะไปเรื่อย จนมารู้สึกตัวอีกที เขาก็อยู่ในยูนิฟอร์มของบ๋อยในคลับเฮ้าส์สุดหรูนามว่า Gardena ตั้งอยู่ในดงเศรษฐีรัฐแคลิฟอร์เนีย

คุณว่าจุดเปลี่ยนชีวิตมันคือความบังเอิญหรือเปล่า? และมันต้องบังเอิญแค่ไหนถึงจะเรียกว่า ‘บังเอิญ' ได้อย่างเต็มปาก? บ่ายวันนั้น จอห์น โฮล์ม วิ่งเข้าห้องน้ำด้วยความเร็วชนิดไม่คิดชีวิต เขาปลดซิปกางเกงจากนั้นของเหลวในร่างกายก็ถ่ายเทลงโถ ไม่ทันแม้แต่จะหันมามองคนข้างๆ แว่บหนึ่งของผู้ชายคนนั้นก้มมองลงต่ำ จนเมื่อเขาเห็นอาวุธประจำกายของเด็กหนุ่ม เขาก็ต้องเบิกตาวาว กลายเป็นว่าชายคนที่ยืนปลดทุกข์อยู่ข้างๆ คือ ช่างภาพประจำนิตยสารวับๆ แวมๆ ที่เป็นสมาชิกประจำคลับเฮ้าส์ และเขากำลังมองหานายแบบรุ่นใหม่อยู่พอดี

แบบนี้ เรียกว่าบังเอิญได้หรือไม่ ?

บังเอิญหรือไม่บังเอิญ จอห์น โฮล์ม ก็บังเอิญเป็นปกให้กับนิตยสารปลุกใจเสือป่าในช่วงยุค 60's เขาเดินเข้าออกสตูดิโอเป็นว่าเล่น ต่อด้วยเข้าฉากเป็นพระเอกให้กับหนังแปดมิลกากๆ ดูกันหลบๆ ซ่อนในแวดวงคนชั้นสูง ที่พูดอย่างนั้นก็เพราะในช่วงยุคก่อนปี 70's ขนบของหนังโป๊แนวฮาร์ดคอร์ จำกัดตัวเองอยู่ในพื้นที่ก้ำกึ่งสีเทา มันจะไม่ถูกเรียกว่าอนาจารตราบใดก็ตามที่ยังไม่ปรากฏสู่สาธารณะชน แต่ด้วยวัฏจักรเช่นนี้กลับส่งผลดีต่อจอห์น โฮล์ม ไอ้หนุ่มพลังม้าแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในสังคมหลบๆ ซ่อนๆ ขณะเดียวกัน ชีวิตในวันและเวลาปกติก็แลดูราบรื่น เขาอยู่กินกับแฟนสาวโดยที่เธอเองไม่ได้ระแคะระคายเลยว่า นอนเตียงเดียวกับราชาหนังใต้สะดือ

ความลงตัวระหว่างชีวิตริมขอบสังคมใต้ดินกับสังคมจริงๆ มีเวลาไม่นานนัก ยุคเปลี่ยนถ่ายหนังฮาร์ดคอร์คือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด เมื่อทางการประกาศให้ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเพื่อผู้ใหญ่คือสิ่งที่่ทำได้ตามกฎหมาย (โดยฉายจำกัดโรงและเป็นโรงละแวกชานเมือง) อุตสาหกรรมหนังโป๊ก็ทอแสงสะพรั่ง จอห์น โฮล์ม ถึงคราวที่ต้องเปิดเผยตัว Private Investigation ที่เขารับบท John Wadd คืองานแจ้งเกิดในวงกว้าง ยิ่งกำกับโดย Bob Chinn ด้วยแล้ว ยิ่งแทบไม่ต้องบรรยายสรรพคุณของความถึงพริกถึงขิง ปี 1972 คือปีเงินปีทองของเขาอย่างแท้จริง เมื่อ Deep Throat กับ Behind the Green Door ออกฉาย ค่าตัวของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นคิวละสามพันเหรียญ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเทียบกับเหล่าบรรดานักแสดงด้วยกัน ชื่อเสียงเงินทองมาพร้อมๆ กับแพ็คเกจแห่งความโสมม เขาเริ่มข้องแวะกับยาเสพติด เมาเป็นกิจวัตร (เขาเคยให้เหตุผลว่า มันจะทำให้การแสดง ‘ถึงแก่น' มากขึ้่น) นานวันเข้า วังวนสังคมในโลกมืดฉุดให้เขาเข้าสู่สารบบแห่งการขายบริการ

ยังครับ ถ้าคุณคิดว่านี่คือความยุ่งเหยิง ชีวิตภาคนี้ของจอห์น โฮล์ม ยุ่งเหยิงมากกว่าที่คุณคิดปี 1973 เขาถูกแอลเอพีดี รวบตัวด้วยข้อหาอนาจารและมียาไว้ครอบครอง ไม่มีวันที่จอห์นจะยอมเข้าซังเต เขาเสนอตัวเป็นสายให้ตำรวจ ทางออกแบบนี้คนคิดได้ต้องประมาณน้องๆ อัจฉริยะ เพราะถ้าระวังตัวดีๆ รังจะมีแต่ได้ เขาสามารถทำงานได้อย่างสบายตัวไม่ต้องกลัวโดนซิว ขณะเดียวกันก็เสพยาได้มากเท่าที่ต้องการชนิดไม่เกรงลูกกรงเหล็ก โดยแลกกับข้อมูลเอ็กซ์คลูซีฟ ไม่ว่าคุณจะเรียกเขาว่าอะไร สายลับสองหน้าหรือชายผู้หลอกได้แม้แต่ตัวเอง จอห์น โฮล์ม เอาตัวรอดในสภาวะคับขันได้ตลอด

ช่วงนี้เองที่เขาโด่งดังคับฟ้า จอห์นให้สัมภาษณ์นิตยสารชื่อดังหลายเล่ม (หนึ่งในนั้น คือ Rolling Stone ) เขาสร้างราคาว่าตัวเองกำพร้าพ่อแม่ เติบโตในนิวยอร์กย่านคนรวย ถูกชุบเลี้ยงโดยป้าที่เป็นเศรษฐีพันล้าน มีเซ็กซ์ครั้งแรกเมื่ออายุเพียงหกขวบ ตีท้ายครัวเมียผู้ว่าการรัฐมาแล้วไม่ต่ำกว่าสามคน จบการศึกษาที่ UCLA คณะกายภาพบำบัด (เข้าท่าไม่เลว) และมีวิชาโทเป็นวิทยาศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ (คนไม่เพี้ยนย่อมตอบคำถามอย่างนี้ไม่ได้) สิ่งเดียวเท่านั้นที่จอห์นไม่อาจสลัดคราบไปได้คือชายผู้ติดโคเคนงอมแงม ยังชีพด้วยการเล่นหนังโป๊

แต่ความจริงก็ต้องเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ หน้ากากของจอห์น โฮล์ม ถูกกระชากด้วยน้ำมือของแฟนสาวนามว่า ชารอน เกปเพนนินี่ ทั้งคู่อยู่กินตั้งแต่ปี 1964 เธอเป็นนางพยาบาลที่ County USC Hospital ทั้งสองพบกันขณะจอห์นทำงานเป็นพนักงานขับรถฉุกเฉิน เรื่องราวชีวิตคู่ดำเนินไปพร้อมๆ กับความปลิ้นปลอกเอาตัวรอดของจอห์น "พอชั้นถามว่าได้เงินมาจากงานอะไร เขาก็จะอ้ำอึ้งตอบส่งๆ ไปว่าก็รับจ้างทั่วไป" เธอเบิกความหมดเปลือก "พอตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน ชั้่นถามว่าจะไปไหน เขาก็มักทำตัวล่กๆ ก่อนปล่อยคำพูดประมาณว่าจะไปทำตัวเป็นคนดัง"

ทันทีที่เห็นจอห์นให้สัมภาษณ์ในนิตยสาร ชารอนต่อสายตรงถึง LA Weekly ก่อนซัดความจริงเป็นฉากๆ "เมื่อรู้ความจริง ชั้นมีแค่คำพูดเดียวที่จะให้เค้า แกคิดว่าแกมาจากดาวดวงไหน"

เอาที่แปลกกว่านั้นไหมครับ ถึงแม้จะแฉความจริงจนสิ้นฉาก แทนที่จะมองหน้ากันไม่ติด เปล่าเลย ทั้งคู่ยังไม่แยกทางกัน สองสามีภรรยายังอยู่บ้านหลังเดียวกัน ทานอาหารร่วมกัน พูดคุยกันบ้างพอเป็นพิถี แต่ไม่มีเซ็กซ์ ราวกับว่ามีชีวิตคู่ให้มันอึดอัดเล่นๆ เรื่องนี้มาถูกตีแผ่อีกครั้งในหลายปีต่อมา ในวันที่จอห์นสิ้นลาย เขาสารภาพว่า "ผมอาจเป็นคนเลว เป็นนักโกหกตัวเอ้ ทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด แต่ผมก็ต้องการมุมสงบกับผู้หญิงที่ผมรัก ผมแค่อยากมีบ้านเอาไว้อยู่แบบคนปกติ หลังจากที่นอกบ้านมีแต่เรื่องผิดปกติเต็มไปหมด"

มีคำกล่าวที่ไม่ค่อยเกินจริงว่า หากคุณต้องการศึกษาวัฒนธรรมในโลกใต้ดินยุค 70 ให้ไปอ่านหนังสือชีวประวัติของจอห์น โฮล์ม แล้วคุณจะถ่องแท้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

 

Credit: http://men.sanook.com/1001/%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%99-%E0%B8%8B%E0%B8%B5-%E0%B9%82%E0%B8%AE%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%A1/
9 มิ.ย. 56 เวลา 05:59 4,706 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...