ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านใน ม.3 ต.น้ำเต้า อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า พบเห็นเด็กหญิงมีชุดนักเรียนเพียงชุดเดียวอาศัยอยู่กับยายในเพิงไม้เก่าๆ แถมยังถูกคนร้ายขโมยหม้อหุ้งข้าวซ้ำ วอนให้หน่วยงานช่วยเหลือ จึงเดินทางไปตรวจสอบ
ปรากฏว่า พบเพิงไม้เก่าๆ พื้นทำด้วยเศษไม้ผุมีหลังคาที่ทำด้วยสังกะสีกับเศษผ้าใบ ไม่มีห้องน้ำ ปลูกอยู่ริมถนนสายคันคลองชลประทานมหาราช-บ้านแพรก พบนางสมพิศ อาจะสมิต อายุ 56 ปี อาศัยอยู่กับ ด.ญ.สายฝน แซ่ตัน อายุ11 ปี อาศัยอยู่ในบ้าน
นางสมพิศ เปิดเผยว่า ก่อนหน้าตนเองได้อยู่กินกับสามีที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดร้านรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ลูกสาวได้นำ ด.ญ.สายฝนมาให้เลี้ยงตั้งแต่คลอดมาได้เพียง 5 วันแล้วหายไปเลยติดต่อไม่ได้ ต่อมาสามีของตนเองประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตนเองย้ายกลับมาอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มาปลูกบ้านเป็นเพิงเล็กๆ อย่างที่เห็นอาศัยอยู่กับหลานสาว รับจ้างนวดตามบ้านได้ครั้งละประมาณ 100 บาท มาเป็นค่ากับข้าวและให้หลานไปโรงเรียน บางวันก็ไม่มีคนจ้าง บางวันต้องเอาข้าวที่บูดแล้วมาต้มกับน้ำกินประทังชีวิต ช่วงนี้ฝนตกลงมาลำบากเพราะหลังคาไม่คุ้มฝนที่หลับที่นอนเปียกฝนหมดตนเองต้องยอมนั่งหลับเพื่อให้หลานได้นอนแทน เวลาจะเข้าห้องน้ำอาบน้ำต้องไปขออาศัยบ้านของเพื่อนบ้าน ส่วนหลานสาวเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดน้ำเต้า มีชุดนักเรียนอยู่เพียงชุดเดียว
"เมื่อเลิกเรียนกลับมาต้องรีบซักชุดนักเรียนเพื่อใส่ไปเรียนในวันต่อไป ทุก 6 เดือนตนเองต้องไปรักษาโรคนิ่ว ที่โรงพยาบาลราชวิถี ครั้งล่าสุดไปโรงพยาบาลทิ้งบ้านเอาไว้ กลับมาพบว่ามีคนร้ายเข้ามาขโมยเอาหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ถ้วยชาม มีด หายไปหมด ดียังที่มีเพื่อนบ้านใจบุญนำหม้อหุงข้าวพร้อมกับข้าวสารมาให้ใหม่ อยากจะปลูกบ้านให้มีสภาพที่ดีกว่านี้กันฝนกันแดดได้มิดชิดมีห้องน้ำเพราะหลานสาวโตขึ้นทุกวันแล้ว วอนผู้ใจบุญช่วยปลูกบ้านและหาชุดนักเรียนให้หลานสาวใหม่"
นางมยุรี บุญอ่อน อายุ 53 ปี เพื่อนบ้านกล่าวว่าตนเองเห็นความยากลำบากของของสองยายหลานแล้วรู้สึกสงสารมาก ทราบว่าถูกคนร้ายมาขโมยเอาเครื่องครัวไปจึงช่วยกันรวบรวมเงินทองจัดหาซื้อเครื่องครัวมาให้ใหม่