ชะตากรรมลูกชายสตาลิน - ตายในค่ายเชลยศึก

 

โซเวียตมีผู้นำจอมโหดอยู่คนหนึ่งโลกรู้จักเขาดี เขาคนนั้นก็คือ สตาลิน ผู้นำหนวดเฟิ้ม

 

จากจอร์เจีย แต่ใครจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ สตาลินคนนี้นี่เองที่เป็นคนที่ทำให้โซเวียตพลิก

 

กลับมาเอาชนะเยอรมันได้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในสงครามครั้งนั้น โซเวียตเสียทหาร

 

และพลเรือนไปมากกว่า 20 ล้านคน และหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือลูกชายแท้ๆของท่านผู้นำ

 

เอง ลูกชายของสตาลินมีชื่อว่า ยาคอฟ โยซิโฟวิช จูกัชวิลลี่ เกิดเมื่อ 18 มีนาคม 1907 

 

หรือก่อนการปฏิวัติของเลนิน 10 ปี 

 

 

สตาลินยังมีลูกอีก 2 คนชื่อ สเวียตลาน่า ส่วนอีกคนก็คือ วาสิลี่ ยาคอฟถือได้ว่าเป็นพี่

 

ชายคนโต เขาเป็นลูกที่เกิดกับภรรยาคนแรกของสตาลิน ชื่อ เยคาเตริน่า ที่ป่วยตายใน

 

ปลายปี 1907 หรือหลังจากที่คลอดยาคอฟไม่กี่เดือน สตาลินเคยบอกเอาไว้ว่านอกจาก

 

แม่ของเขาแล้ว ผู้หญิงคนนี้คือผู้หญิงที่เขารักจริง แต่ชะตากรรมการตายของยาคอฟนั้น

 

เป็นอะไรที่ผมรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลังจากที่ได้รู้เรื่องราวและรู้สึกเห็นใจสตาลิน

 

อยู่ไม่น้อย เพราะถ้าอยู่ในสถานะเดียวกับสตาลินก็คงต้องทำเช่นเดียวกับเขา

 

 

ยาคอฟเกิดที่จอร์เจีย ซึ่งสมัยนั้นเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย และเขาก็อยู่ที่จอร์เจียจนอายุ

 

14 ปี ก่อนจะถูกส่งมาเรียนต่อที่มอสโกเพื่อเรียนต่อ และที่นี่ เขาก็ต้องมาเริ่มต้นด้วยการ

 

เรียนภาษารัสเซียเพราะพูดภาษาหลักของประเทศไม่ได้เลย ยาคอฟกับสตาลินเข้ากันไม่

 

ได้สักเท่าไหร่อาจจะเป็นเพราะว่า สตาลินมัวแต่ง่วนอยู่กับการปฏิวัติ มีอยู่ครั้งหนึ่งยาคอฟ

 

พยายามยิงตัวตายแต่ไม่ตายเพียงแต่ได้รับบาดเจ็บ ปรากฏว่าผู้เป็นพ่อไม่สนใจที่จะดูแล

 

อาการบาดเจ็บของลูก แต่กลับบ่นกับภรรยาใหม่ของเขาซึ่งก็คือแม่เลี้ยงของยาคอฟว่า

 

"แค่ยิงให้ถูก มันยังทำไม่ได้"

 

 

โดยอาชีพแล้ว ยาคอฟเป็นทหารเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 มาถึงสหภาพโซเวียต ยาคอฟ

 

ซึ่งเป็นทหารปืนใหญ่และมีครอบครัวแล้ว โดยมีลูก 2 คน ได้นำทหารออกสู้รบเช่นเดียว

 

กับทหารของโซเวียตทั้งหลาย แม้จะเป็นถึงลูกของท่านผู้นำก็ตามที แต่ยาคอฟโชคร้าย

 

เขาถูกข้าศึกจับเป็นเชลย 

 

 

ยาคอฟ ถูกจับเป็นเชลยเมื่อ 16 กรกฎาคม 1941 ในการสู้รบที่เมืองสมาเลนส์ค ซึ่งเป็น

 

ในช่วงต้นๆของสงคราม ระหว่างการบัญชาการรบของหน่วยรถถังหน่วยหนึ่งว่ากันว่าเขา

 

รบได้แค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นก็ถูกจับเสียแล้ว หลังจากนั้นเยอรมันก็ออกโฆษณาชวนเชื่อ

 

ให้ทหารกองทัพแดงยอมแพ้แต่โดยดี เพราะแม้ลูกชายสตาลินก็ยังยอมแพ้ และได้รับการ

 

เลี้ยงดูอย่างดี แต่จริงๆแล้วมีรายงานว่ายาคอฟ ก็ไม่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีประการใด

 

สภาพของเขาก็โทรมตามสไตล์ของเชลยศึกทั่วไป และที่สำคัญเขาไม่ได้ให้ความร่วมมือ

 

กับฝ่ายศัตรูแต่อย่างใด ก็จึงไม่มีการออกมาพูดทางวิทยุเรียกร้องให้ทหารกองทัพแดง

 

ยอมจำนนแต่อย่างใด ยาคอฟถูกเยอรมันย้ายไปโน่นมานี่อยู่เป็นระยะเพื่อป้องกันการชิง

 

ตัว โดยระหว่างเดือนเมษายน – มิถุนายน 1942 เขาถูกส่งไปกักตัวอยู่ที่ค่ายกักกันใน

 

เมือง Hommelsburg และพอเดือนมีนาคม 1943 ก็ถูกส่งตัวมาที่ค่าย Sachsenhausen

 

 

และในช่วงต้นปี 1943 จอมพลฟริดริค เปาลุส ของเยอรมันก็สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็น

 

นายทหารยศจอมพลคนแรกของเยอรมันที่ยอมจำนนต่อฝ่ายศัตรูในการสู้รบที่เมือง

 

สตาลิน กราด ทางเยอรมันก็จึงเสนอแลกตัวยาคอฟกับเปาลุส แต่สตาลินปฏิเสธโดยบอก

 

ว่า "ฉันจะไม่แลกร้อยโทกับจอมพล"

 


นอกจากนั้นก็ยังมีข้อมูลว่าฮิตเลอร์เสนอแลกตัวยาคอฟกับ ลีโอ เราบัล หลานของฮิต

 

เลอร์ ที่ถูกโซเวียตจับได้ในการรบที่สตาลินกราด แต่เรื่องนี้ก็ไม่มีการตกลงกันเช่นกัน

 

โดยสตาลินบอกว่า "สงครามต้องเป็นสงคราม"

 

 

บางคนบอกว่าที่ท่าทีของสตาลินเป็นเช่นนี้ ก็เป็นเพราะยาคอฟไม่ใช่ลูกคนโปรดของเขา

 

แต่ในฐานะผู้นำประเทศเรื่องแบบนี้ก็ว่าตัดสินใจได้ยากมากอยู่เหมือนกัน 

 

 

ทหารโซเวียตที่ตกเป็นเชลยศึกมากมายก็ตกอยู่ในชะตากรรมเหมือนตายทั้งเป็นหลังจาก

 

ที่ได้รับอิสรภาพกลับมา เพราะสตาลินมองว่าพวกเขาเป็นคนทรยศต่อชาติ แล้วเขาจะทำ

 

อย่างไรกับยาคอฟ อดีตเชลยศึก หากว่าได้ตัวกลับมา

 

 

หลังสงครามทั้ง เปาลุส และ เราบัล ต่างก็ได้รับการปล่อยตัวกลับบ้าน แตกต่างจาก

 

ยาคอฟ ที่ไม่มีข่าวคราวยืนยันใดๆเกี่ยวกับเขาออกมาอีกเลย แต่มีการสรุปตรงกันว่าเขา

 

ตายแล้วในค่ายกักกันเยอรมัน และก็มีการนำภาพศพของเขาออกเผยแพร่ด้วย แต่ก็ไม่มี

 

การระบุว่าเขาตายเมื่อใดและอย่างไร 

 

 


บ้างก็ว่าเขาเดินไปเหยียบรั้วไฟฟ้าของค่ายกักกัน Sachsenhausen บ้างก็ว่าเขาฆ่าตัว

 

ตาย บ้างก็ว่าเขาถูกฆ่า บ้างก็ว่าเขาตายระหว่างการรบช่วงปลายสงคราม โดยผู้ที่เชื่อ

 

ในทฤษฎีสุดท้ายนี้บอกว่า ที่ผิดสังเกตก็คือภาพของเขาที่เยอรมันนำออกเผยแพร่นั้นมี

 

น้อยมาก ซึ่งผิดธรรมดาของคนที่จับลูกชายของฝ่ายศัตรูได้ที่จะต้องโหมการโฆษณา

 

ชวนเชื่ออย่างหนัก 

 

 

แต่ล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้รัสเซียก็เปิดเผยเอกสารชั้นความลับ ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับยาคอฟ

 

หลังจากที่ถูกจับตัวไป เอกสารบอกว่า ยาคอฟถูกยามยิงตายเมื่อปลายปี 1943 ที่ค่าย

 

กักกัน Sachsenhausen หลังไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่ง นักประวัติศาสตร์ระบุว่า แม้จะถูก

 

จับ แต่ยาคอฟก็เป็นคนที่ไม่เกรงใจใคร เขาทำตัวเป็นอิสระและดูถูกฝ่ายผู้บริหารค่ายกัก

 

กันอย่างเปิดเผย

 

 

 


ในวันเกิดเหตุ ยาคอฟเดินไปรอบๆค่ายและยามสั่งให้เขากลับเข้าที่พัก แต่ยิ่งว่าเหมือนยิ่ง

 

ยุ เขายิ่งเดินเข้าไปใกล้รั้วมากขึ้นไปอีกรวมทั้งตะโกนให้ยามยิงเขาด้วยและยามก็ทำจริงๆ

 

โดยยิงไปที่หัว บางคนบอกว่าที่เขาออกอาการเพี้ยนก็เพราะเครียดกับคำพูดของสตาลิน

 

"ฉันจะไม่แลกร้อยโทกับจอมพล"
 

 

 

เท่ากับปิดตำนานลูกชายคนโตของ

 

ผู้นำประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ที่พ่อไม่รัก)

 

 

Credit: http://www.oknation.net/blog/russky/2012/05/12/entry-1
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...