ยูอันนา บอร์แมนได้รับฉายาว่า วีเซล และ ผู้หญิงกับสุนัข เธอเป็นผู้คุมแห่งค่ายนรกเยอรมัน ในปี 1939 เธอได้เข้าร่วมเอสเอส (Auxiliary SS) ด้วยเหตุผลว่าได้เงินดี จากนั้นเธอก็ถูกส่งไปยังค่ายกักกันนาซีตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ค่ายกักกันค่ายกักกันราเฟนสบรึค, เอาชวิตซ์ และ แบรกเกิล-เบลเซน ทั้งหมดเป็นค่ายมรณะสังหารหมู่ชาวยิวทั้งสิ้น ซึ่งเธอขึ้นชื่อในเรื่องความทารุณโหดร้ายและความซาดิสม์ ซึ่งหลายคนมักพบเห็นเธอปรากฏตัวพร้อมกับสุนัขเยอรมันเชฟเฟิร์ดอยู่เสมอ (และใช้สุนัขขย้ำนักโทษด้วย) ภายหลังนาซีล่มสลายและเยอรมันพ่ายแพ้สงคราม จวนน่า บอร์มันน์ก็ถูกนำตัวมาพิจารณาคดีในปี 1945 ในฮาเมล์น สภาพของเธอในตอนนั้นซูบผอมอย่างหนัก เดินกะโผลกกะเผลกไปมา ผลสุดท้ายเธอถูกตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในฐานะอาชญากรสงคราม เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 1945 ขณะอายุ 52 ปี (พร้อมกับอาชญากรสงครามหญิงสองคนคือเกรเซอและโวลเคนเนธ)
ในตอนแรกนั้นเกรทา โบเซลดัรับฝึกอบรมวิชาชีพเป็นนางพยาบาล แต่ต่อมาเธอก็ได้เป็นผู้คุมในค่ายกักกันราเฟนสบรึค ระหว่างปี 1939 และ 1943 จากหน้าที่ตำแหน่งของเธอนั้นสามารถตัดสินใจส่งตัวนักโทษเข้าห้องแก๊สทันทีหรือว่าจะถูกส่งทำงานในค่ายกักกัน จากการสอบสวนพบว่าเธอนั้นได้รับปรัชญานาซีเต็มเปี่ยม เมื่อเออ้างถึงนักโทษว่า ถ้าพวกเขาไม่สามารถทำงานได้ก็ปล่อยให้เน่าไปซะ (If they cannot work let them rot.) อย่างไรก็ตามหลังจากนักโทษในค่ายกักกันราเฟนสบรึคถูกปลดปล่อยจากกองทัพแดงของโซเวียต เธอก็พยายามหลบหนีออกจากค่ายพร้อมกับสามีของเธอ แต่ถูกจับกุมในเวลาต่อมาโดยทหารอังกฤษ และถูกพิจารณาโทษพร้อมกับอดีตผู้คุมหญิงคนอื่นๆ รวมไปถึงมีส่วนเกี่ยวข้องในการทดลองมนุษย์ในค่ายนรก สุดท้ายเธอถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 1947 พร้อมกับนักโทษหญิงอลิซาเบธ มาร์แชลล์ (จากภาพ เธออยู่ในตำแหน่งคนที่สองจากขวามือ)
เฮอร์ทา โบเธอ ฉายา ซาดิสต์แห่ง Stutthof อดีตเคยเป็นนางพยาบาลในโรงงานอุตสาหกรรม และเคยเป็นยุวชนหญิงของฮิตเลอร์ (ไม่ต้องอธิบายมากความว่าได้รับการปลูกฝังลัทธินาซีมากขนาดไหน) ก่อนที่จะถูกเกณฑ์เพื่อทำหน้าที่ผู้คุมในค่าย stutthof camp ใน Danzig โปแลนด์ ที่นั้นหลายคนรู้จักดีว่าเธอคนซาดิสต์และไร้มนุษยธรรม เนื่องจากเธอชอบเฆี่ยนตีอย่างโหดร้ายกับนักโทษของเธอ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเธอจะถูกจับและถูกนำมาพิจารณาคดีแต่เธอก็ไม่ได้ถูกแขวนคอ แต่ให้จำคุก 40 ปีแทน ก่อนที่ 6 ปีต่อมาเธอก็ถูกปล่อยตัวออกมาจากการผ่อนผันรัฐบาลอังกฤษ
Hildegard Lchert เป็นยามหญิงกระฉ่อนในค่ายกักกันหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นบริดเจต ค่ายเอาส์ชวิตซ์ เบียร์เคเนา และไมดาเนก ฉายาเดรัจฉาน เนื่องจากพฤติกรรมเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์ กล่าวกันว่าเธอจะไปยังห้องแก๊สที่ส่งตัวนักโทษและนำสุนัขของเธอกัดนักโทษเหล่านั้น หรือบลัดบริดเจตเนื่องจากมีนิสัยบ้าเลือด ชอบเห็นเลือด อดีตเคยเป็นนางพยาบาล และเป็นผู้คุม มีนิสัย หลังสงครามเธอถูกจำคุก 15 ปี แม้ว่าเธอจะถูกปล่อยตัวในปี 1956 แต่ก็ถูกจับมาจำคุกอีก เธอเสียชีวิตในปี 1995 ในเบอร์ลิย ขณะอายุ 75 ปี
แวนด้า คลาฟ อดีตเคยเป็นคนทำงานโรงงานผลิตแยมและเป็นแม่บ้าน จนกระทั่งได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าค่ายใน Stutthof ในปี 1944 ซึ่งเธอทำหน้าที่จนสิ้นสุดสงครามในปี 1945 ก่อนที่จะถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่โปแลนด์ในปีเดียวกัน และมีการดำเนินคดีในฐานะอาชญากรสงคราม และนี้คือสิ่งที่เธอพูดระหว่างพิจารณาคดี ฉันฉลาดมากและทุ่มเทกับงานของฉันในค่าย ฉันทำโทษนักโทษอย่างน้อยสองคนทุกวัน สุดท้ายเธอก็ถูกแขวนคอประจานเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 1946
อย่างไรก็ตามเมื่อปี 1945 ในขณะประจำการที่เอาส์ชวิตซ์ เบียร์เคเนาดูเหมือนว่าเธอจะมีพฤติกรรมเป็นผู้คุมที่มีมนุษยธรรมมากขึ้น เมื่อเธอเริ่มเอื้อเฟื้อแก่ผู้ต้องขัง ให้น้ำแก่ผู้กระหาย แม้กระทั่งนอนเคียงข้างพวกเขาบนพื้น ไม่มีใครรู้ว่าอะไรให้เธอเปลี่ยนบางทีเธออาจจะรู้ว่าฝ่ายเธอใกล้พ่ายแพ้สงครามเธอเลยต้องพยายามแก้ไขตนเองเพื่อไม่ให้เป็นอาชญากรสงคราม และเมื่อสงครามสิ้นสุดเธอถูกจับโดยสหภาพโซเวียต และถูกส่งไปยังโปแลนด์เพื่อพิจารณาคดีเธอถูกจำคุกตลอดชีวิต แต่ถูกปล่อยออกมาในปี 1957 และเธอก็เสียชีวิตลงในพิจารณาครั้งที่สองในปี 1976 ขณะอายุ 73 ปี
มาเรีย มานเดล เป็นสมาชิกเอสเอส ชาวออสเตรีย เธอดำรงตำแหน่งหลากหลายในค่ายก่อนที่จะถูกเสนอชื่อให้เป็นผู้บัญชาการหญิงในค่ายเอาส์ชวิตซ์ เบียร์เคเนาเนื่องจากมีความทักษะเฉียบคมและความเด็ดขาดในการลวโทษ ซึ่งเธอมีส่วนร่วมในการประชุมออกกฎลงโทษให้ค่ายๆอื่นๆ ซึ่งเชื่อกันว่าเธอมีส่วนรับผิดชอบการสังหารนักโทษถึง 50,000 คนสุดซาดิสต์ระหว่างที่เธอออกมาตรการในค่ายกักกันเอาส์ชวิตซ์ เธอเป็นที่รู้จักกันดีกว่าเป็นคนชอบเลือกชาวยิวเพื่อทำหน้าที่ เป็นสัตว์เลี้ยง และเมื่อเธอเบื่อหน่าย เธอจะส่งพวกเขาเข้าไปยังเตาแก๊ส เธอยังเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ริเริ่มออเคสตร้าหญิง (Women's Orchestra of Auschwitz) ซึ่งเป็นวงบรรเลงส่งเหยื่อเข้าห้องรมแก๊สระหว่างการขนส่ง อีกทั้งเป็นคนเซ็นสัญญารายชื่อนักโทษที่ส่งไปยังเตาแก๊สประมาณครึ่งหน้าล้านที่มีทั้งผู้หญิงและเด็ก หลังจากสงครามสิ้นสุดลง เธอพยายามหนีไปยังบ้านเกิดเธอและถูกฝ่ายพันธมิตรจับมาได้ หลังจากพิจารณาดีเธอก็ถูกประหารชีวิตในข้อหาก่ออาชญากรรมของเธอด้วยการแขวนคอเมื่อวันที่ 24 มกราคม 1948
รูธ นอยเดคเป็นผู้บังคับบัญชาเอสเอสในค่ายกักกันระหว่างปี 1944 จนถึงมีนาคม 1945 ซึ่งระหว่างฝึกอบรมในค่ายกักกัน เธอได้สร้างความประทับใจกับเจ้านายของเธอถึงความโหดร้ายไร้ความปราณีต่อนักโทษหญิงเธอจึงได้รับเลื่อนยศเป็นหัวหน้าค่ายและถูกไปประจำการที่ค่ายย่อยในค่ายกักกันราเฟนสบรึค ซึ่งเธอเป็นที่รู้จักว่าเป็นยามหญิงที่เลวร้ายที่สุด จากปากของนักโทษที่รอดชีวิตในค่ายได้ให้การว่าเคยเห็นเธอตัดลำคอนักโทษด้วยขอบคมของพลั่วเธอเองและเธอส่วนส่วนเกี่ยวข้องการฆ่าเด็กและผู้หญิงกว่า 5000 คน จนกระทั่งในปี 1945 เธอก็ถูกจับกุมและถูกกกตัวในคุกโดยกองทัพอังกฤษและถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอวันที่ 29 กรกฎาคม 1948 ในขณะอายุ 28 ปีเท่านั้น!!
หลังจากที่อลิซาเบธ เธอก็ทำหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชาการค่ายกักกันนาซีหลายค่าย ก่อนที่จะถูกแต่งตั้งให้รับค่ายกักกัน แบร์ เก้น เบลเซนซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมนักโทษ กล่าวกันว่าเป็นค่ายกักกันนรกไม่แพ้กับที่อื่นๆ ในวันที่กองทัพอังกฤษเข้าปลดปล่อยอิสระนั้นมีนักโทษเสียชีวิตกองพะเนินเทินทึกราวกับภูเขาลูกเล่นในค่ายเลยทีเดียว และมีส่วนร่วมในการสังหารนักโทษหลายคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเธอ อย่างไรก็ตามในปี 1945 เธอก็ถูกจับโดยกองทัพอังกฤษและถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในที่สุด
อิลซ่า คอชห์ได้รับฉายามากมาย เป็นต้น นางแม่มดแห่งบูเชนวาล์ด , หญิงเลวแห่งบูเชนวาล์ด, สัตว์เดรัจฉานจากบูเชนวาล์ด ความจริงแล้วเธอไม่ได้อยู่ในตำแหน่งใดในเอสเอส แต่เธอเป็นภรรยาของนายพลคาร์ล คอชห์ ผู้บัญชาการแห่งค่ายกักกันของนาซีประจำค่ายบูเชนวาล์ด(1937-1941) และมาจดาเนค (1941-1943) เป็นผลทำให้เธอใช้อำนาจตำแหน่งสามีของเธอจนกลายเป็นสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าผู้คุมหญิงในอันดับอื่นๆ เสียอีก เธอเป็นคนบ้าอำนาจมากและเมื่อเธอได้ทำงานแทนสามี เธอก็มีเวลาว่างแสนสนุกสนานกับการทรมานและข่มขืนนักโทษในค่ายกักกันจนฉาวโฉ่ จนเป็นที่ร่ำลือในความโลกีย์ ว่ากันว่ารอยสักตามตัวของเธอนั้นจากการสังหารคนในค่ายกักกันหนึ่งคนต่อหนึ่งขีด (ขีดในร่างกายเธอมีประมาณ 250,000 ขีด!!) กล่าวกันว่าเธอชอบจับตาดูนักโทษในขณะฆ่าด้วยการถลกหนังและผิว เอามาทำเป็นปกหนังสือ แต่ผลสุดท้ายในปี 1943 สามีของเธอก็ถูกจับกุม ส่วนเธอนั้นชิงแขวนคอฆ่าตัวตายใน เรือนจำหญิงอิคช์แอคช์ ในวันที่ 1 เดือนกันยายน ปี 1967