ร่างไร้วิญญาณบนยอดเขาเอเวอเรสต์

 

 

เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่ายอดเขาที่สูงที่สุดในโลกคือ "ยอดเขาเอเวอเรสต์" ของเทือกเขาหิมาลัยจุดสูงสุดอยู่บนรอยต่อระหว่างประเทศเนปาลและทิเบต ชื่อยอดเขาตั้งตามชื่อของนายพลนักสำรวจชาวอังกฤษชื่อ "จอร์จ เอเวอเรสต์" (George Everest) ซึ่งมาปฏิบัติงานในอินเดียราวช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ส่วนผู้ที่พิชิตยอดเขานี้ได้สำเร็จเป็นคณะแรกคือ  "เซอร์เอ็ดมันด์ ฮิลลารี " (Sir Edmund Hillary) ชาวนิวซีแลนด์ และ "เตนซิง นอร์เก" (Tenzing Norgay) ชาวเชอร์ปา เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 1953 นับจากนั้นก็ได้มีผู้พิชิตยอดเขานี้ได้สำเร็จอีกเป็นจำนวนมาก

 

มีคนมากกว่า 200 คน ที่ต้องสังเวยชีวิตในความพยายามที่จะพิชิตยอดเขาแห่งนี้ สาเหตุการตายนั้นมีมากมายทั้งอากาศบนยอดเขา การตกเขา รอยแยกของน้ำแข็งแบบเฉียบพลัน ช็อคจากการที่มีอ๊อกซิเจนน้อยเกินไป หินถล่ม หรือแม้แต่สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ในทุกนาที โดยเฉพาะอย่างยิ่งลมที่สามารถพัดแรงขึ้นจนถึงระดับเฮอริเคน ซึ่งสามารถพ้ดนักปีนเขาให้ร่วงไปสู่เหวข้างล่าง อ๊อกซิเจนที่ต่ำลงทำให้นักปีนเขาเริ่มหายใจลำบาก ส่งผลให้มีอากาศไปเล้ยงสมองไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานอนหลับ ปฏิกริยาของร่างกายจะค่อยๆช้าลงจนไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย

 

 

นอกจากเหตุร้ายทั้งหมดนี้หากไปถามบรรดานักปีนเขาที่เคยเผชิญกับความสูงระดับ 29,000 ฟุต เขาถึงจะสามารถบอกคุณได้ว่ามีอุปสรรคมากมายเพียงใด โดยเฉพาะร่างไร้วิญญาณสภาพสมบูรณ์เพราะถูกปกป้องด้วยสภาพอากาศอันหนาวเหน็บตลอดทางขึ้นสู่ยอดเขา เป็นเครื่องเตือนความจำได้ดี ศพส่วนมากนั้นจะอยู่ในสภาพอากาศที่หนาวเย็นจึงมีสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ในบางครั้งสาเหตุการตายของผู้คนเหล่านั้น ไม่อาจระบุได้เพราะบางคนตายแม้แต่ตอนที่กำลังหายใจ ในสภาวะที่ทุกย่างก้าวคือการต่อสู้ การช่วยชีวิตคนที่ตายหรือกำลังจะตายนั้นจะมีการทำในทุกทาง แต่ถ้าหากคุณตายแล้วนั้นการกู้ศพถือเป็นการกู้ศพเพื่อเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ร่างคนตายจะกลายเป็นหนึ่งในภูมิประเทศ หรือเหมือนอย่างที่หลายๆร่างกำลังเป็นคือจุดสนใจแก่คนรุ่นหลังที่ผ่านไป อย่างที่กล่าวไว้ในตอนแรกคือ มีกว่า 200 ร่างในระหว่างทางที่คุณจะพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้

 

 

ตัวอย่างของผู้เสียชีวิต

 

 

David Sharp ร่างของเขายังคงนั่งอยู่ในถ้ำ นักปีนเขารู้จักเขาในนาม "Green Boots Cave" บนยอดเขาเอเวอเรสต์ เดวิดพยายามที่จะพิชิตมันในปี 2005 เมื่อใกล้ถึงยอดเขา เขาหยุดนั่งลงในถ้ำเพื่อพักผ่อน (ที่นี่ตลอดกาล) ร่างของเขาถูกตรึงไว้ด้วยน้ำแข็งที่ฉาบเขาไว้ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ ในวันที่เขานั่งลงนั้นนักปีนเขาคนอื่นๆอีกกว่า 30 คน ก็ได้นั่งพักที่ตรงนั้นแล้วผ่านไป ก่อนที่เขาจะตายทีมของเขาได้ยินเสียงหายใจครางพวกเขาจึงหยุดแล้วเข้าไปคุยกับเดวิด ซึ่งตอนนั้นเขายังพูดจาโต้ตอบได้ ระบุชื่อตัวเองได้แต่ขยับร่างกายไม่ได้!! เพื่อนๆนักปีนเขาพยายามนำร่างที่แข็งของเขาออกไปสู่แสงแดด แต่เดวิดไม่สามารถขยับได้เลย ในที่สุดพวกเขาจึงต้องจากไปโดยทิ้งร่างของเดวิดไว้เบื้องหลัง ร่างของเขาจึงยังนั่งอยู่ในถ้ำซึ่งตอนนี้กลายเป็นจุดชี้ทางแก่นักปีนเขารุ่นหลังว่าพวกเขาใกล้ถึงยอดเขาแล้ว

 

 

 

 

ร่างของ "Green Boots" (นักปีนเขาชาวอินเดียผู้เสียชีวิตในปี 1996) นอนอยู่ใกล้กับถ้ำที่นักปีนเขาทุกคนต้องผ่านเพื่อไปสู่ยอดเขา ตอนนี้ร่างของกรีนบู๊ทถูกใช้เป็นจุดวัดระดับของนักปีนเขารุ่นหลังว่าพวกเขาอยู่ห่างจากยอดเขาเท่าใด ปี 1996 กรีนบู๊ทพลัดหลงจากกลุ่มและเดินออกมาในบริเวณชะง่อนเขา (เป็นปากถ้ำที่มีขนาดเล็กมาก) เขาหลบสภาพอากาศที่เลวร้ายอยู่ในชะง่อนนั้น เขานั่งลงตัวสั่นด้วยความหนาวเย็นจนกระทั่งเขาตาย เขาถูกพบเนื่องจากมีลมพัดหิมะที่ปกคลุมร่างของเขาขึ้นมา

 

 

 

 

ร่างของผู้เสียชีวิตที่ Advanced Base Camp หรือแค้มป์ 2 สาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากทนอากาศหนาวเย็นไม่ไหว

 

 

 

 

George Mallory เสียชีวิตในปี 1924 และเป็นคนแรกที่พยายามขึ้นสู่ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ร่างของเขายังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ มีการค้นพบร่างของเขาในปี 1999

 

 

 

 

ส่วนใหญ่ร่างของนักปีนเขาที่เสียชีวิตจะอยู่บนก้อนหินและมีหิมะปกคลุมร่างอยู่โดยรอบ ซึ่งจะรักษาสภาพศพไว้ไม่ให้เน่าเปื่อยแต่ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดศพนี้จึงเหลือแต่โครงกระดูก

 

 

 

 

ร่างนี้นอนแช่แข็งอยู่บนเขาในตำแหน่งที่เขาเสียชีวิต ที่นี้เขาตกลงมาในขณะที่เขาพยายามจะปีนขึ้นเขาและตายในท่าที่ตก

 

 

 

 

ร่างนี้คิดว่าน่าจะเสียชีวิตในขณะที่หยุดพักแล้วมีหิมะถล่มลงมา เมื่อหิมะละลายก็ได้เผยตำแหน่งของเขาขึ้นมา

 

 

 

 

บางครั้งการเสียชีวิตเนื่องจากการตกจากที่สูง จะไม่สามารถพบเห็นหรือหาพบได้ร่างเหล่านั้นอาจไปติดอยู่ที่แง่งหิน แล้วมีหิมะปกคลุมทับร่างไว้ซึ่งไม่มีใครสามารถมองเห็นได้ตลอดกาล

 

 

 

 

เมื่อมีลมพัดและน้ำแข็งละลายทำให้เสื้อผ้าขาดวิ่นแลดูเป็นผ้าขี้ริ้ว ดังเช่นภาพนี้ที่ถ่ายจากก้นเหว

 

 

 

 

 

 


 


 

 

Credit: http://pantip.com/topic/30546000
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...