ประวัติศาสตร์ยืนยันว่ามีเพศที่สาม มานานแล้ว

 

 

 

 

 

 

The Warren Cup ก็ คือถ้วยน้ำดื่มโบราณชิ้นหนึ่งที่มีอายุอยู่ในราวๆ ตอนกลางของคริสตศตวรรษที่ 1 ในตอนนี้ตกอยู่ในความครอบครองของพิพิธภัณฑ์แห่งกรุงลอนดอน ชื่อของถ้วยนี้ได้มาจากผู้ครอบครองคนแรกในยุคปัจจุบัน นั่นคือ Edward Perry Warren (1860-1928). นักสะสมวัตถุโบราณผู้หลงใหลในศิลปะกรีก-โรมัน

ใน ภาพแรกแกะสลักภาพของคู่รักชายสองคู่กำลังร่วมรักทางด้านหลัง คู่แรกเป็นชายหนุ่มวัยรุ่นกับชายสูงอายุ คู่ที่สองเป็นคู่ของหนุ่มวัยรุ่นทั้งคู่ แสดงให้เห็นถึงสภาพแวดล้อม ทัศนคติ ค่านิยมและวัฒนธรรมของผู้คนในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี การพรรณาถึงศิลปะทางเพศของกรีก-โรมัน สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในงานปั้นดินเผา เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องประดับตกแต่ง หรือแม้แต่รูปภาพบนผนัง

ถ้วยใบนี้นอกจากจะเป็นถ้วยที่แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของชาวกรีก-โรมัน ที่มีต่อรักร่วมเพศ ในยุคโบราณแล้วยังแสดงให้เห็นถึงทัศนคติต่อรักร่วมเพศของสังคมตะวันตกในยุค ศตวรรษที่ 20 ด้วย เนื่องจากในตอนแรกนั้นทางสหรัฐอเมริกาปฎิเสธที่จะให้นำถ้วยใบนี้เข้ามาแสดงในประเทศและพิพิธภัณฑ์แห่งกรุงลอนดอนก็ปฎิเสธที่จะซื้อถ้วยใบนี้มาแสดงและต่อมาถึงแม้จะตกลงซื้อถ้วยใบนี้แล้ว แต่ทางพิพิธภัณฑ์แห่งกรุงลอนดอนเก็บรักษาเอาไว้ไม่ยอมเอาออกมาแสดงต่อสาธารณะชนอยู่ถึงเกือบ 20 ปี

ใน ปี 1999 พิพิธภัณฑ์แห่งกรุงลอนดอนมีการชำระ-ประมูล-แลกเปลี่ยนวัตถุโบราณครั้งใหญ่ ถ้วยใบนี้ได้มีการนำออกมาแสดงเป็นครั้งแรก และถ้วยใบนี้ได้กลายเป็นวัตถุโบราณที่มีราคาประมูลสูงที่สุด นั่นคือมีมูลค่าถึง 1.8 ล้านปอนด์

The Warren Cup เป็นการแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ดีต่อรักร่วมเพศของคนโบราณ ซึ่งทัศนคติของคนในโลกปัจจุบันอาจหลงลืมไป ในยุคกรีก-โรมันไม่เคยมีคำว่ารักร่วมเพศด้วยซ้ำ แต่ทุกท่วงท่าของความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นกับ ชาย-ชาย หรือชาย-หญิงล้วนถูกเรียกด้วยคำๆเดียวว่า "ความรัก" โดยไม่มีการแบ่งแยกแต่อย่างใด

ในหนังเรื่องอเล็กซานเดอร์

อริสโตเติล พระอาจารย์ของเอล็กซานเดอร์ สอน เด็กๆลูกขุนนางในชั้นเรียนปรัชญาว่า

ถ้าเจ้านอนกับสตรี พอรุ่งเช้าเจ้าจะพบกับความว่าเปล่า
ถ้าเจ้านอนกับชาย เจ้าจะได้ทั้งภูมิปัญญา และความภัคดี

โดยได้กล่าวว่าหากชายนอนกับชายด้วยเหตุแห่งราคะและ แล้วจะทำให้เสียศักดิ์ศรี และเกิดความหึงหวง 
แต่หากนอนกันเพื่อถ่ายทอดความคิดและการศึกษาแล้วจะเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่

เมื่อสังคมในสมัยนั้นยอมรับ  ศิลปินย่อมสามารถรังสรรค์ผลงานทางศิลปะที่เกี่ยวกับเพศที่สามได้อย่างเสรี  ดังที่ปรากฎเบื้องหน้านี้ครับ

ภาพวีรบุรุษของ Nisus และ Euryalus (1827) โดย Jean-Baptiste โรมัน

Hermaphroditus ในจิตรกรรมฝาผนังจาก Herculaneum (ครึ่งแรกของศตวรรษที่ 1)

Aphroditos

 คู่หญิงจากชุดภาพวาด "Baths" ชานเมืองปอมเปอี

จากประวัติศาสตร์พบว่าความสัมพันธ์ของชายชาย หญิงหญิง และกะเทยมีมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมีอย่างที่หลายคนเข้าใจ

แต่ละยุคสมัยบทบาทของเพศที่สามย่อมแตกต่างกันไป  อาทิเช่น

      ความสัมพันธ์แบบเจ้านายและบ่าวคนใช้ในเรือน

      ความสัมพันธ์แบบโสเภณี

      ความสัมพันธ์แบบคู่ขาต่างวัย, ต่างอาชีพ , อาชีพเดียวกัน , วัยเดียวกัน

      ความสัมพันธ์แบบเมียน้อยชาย , ชายชู้รัก , คนรัก

      ความสัมพันธ์แบบแก้แค้นในหมู่ทหารยามศึกสงคราม

      ความสัมพันธ์แบบเพื่อนในหมู่ทหาร

      ความสัมพันธ์แบบการแต่งงาน

      (ไม่ขอลงรายละเอียดนะครับ)

 

เราสามารถเรียนรู้จากประวติศาสตร์  เพื่อให้สังคมที่บอกว่า  เกย์ กะเทย เลสเบี้ยนเป็นพวกผิดปกติในสังคม  นั้นเข้าใจและอาจจะยอมรับได้สักวัน

Credit: http://men.postjung.com/681626.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...