เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Thai Cctv
คดีพลิก?! ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความชี้แจงมุมมองฝ่ายชายจากคลิป มึงจะเอาใช่มั๊ย พร้อมแฉคลิปกลับ ชี้ฝ่ายคู่กรณีไม่ยอมเลื่อนรถ แถมยังด่าบุพการีจนฝ่ายชายทนไม่ไหว ยันตบแค่ทีเดียว ไม่ได้ต่อยตามที่ถูกอ้าง ด้านสาวคู่กรณีโพสต์กลับ ผู้ชายพยายามแก้ตัว ลั่น ไม่มีสิทธิทำร้ายผู้หญิง
สืบเนื่องจากกรณีคลิปฉาวกระฉ่อนโซเชียลเน็ตเวิร์ก "มึงจะเอาใช่มั๊ย" ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์อุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชน โดยฝ่ายชายได้ลงจากรถมาทำร้ายร่างกายคู่กรณีหญิง จนถูกกระแสสังคมตำหนิและโจมตีอย่างกว้างขวาง ว่า ไม่สมควรลงไม้ลงมือกับผู้หญิง และถูกตราหน้าว่าเป็นฝ่ายผิดไปแล้ว ตามที่ได้รายงานข่าวไปนั้น
ล่าสุด วันนี้ (29 พฤษภาคม 2556) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายชาย ผู้ก่อเหตุ ได้ชี้แจงข้อมูลอีกด้านต่อสังคมพร้อมกับเผยคลิปเพื่อยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ตนพยายามเคลียร์ปัญหาอย่างดีที่สุด แต่กลับถูกฝ่ายคู่กรณีซึ่งเป็นผู้หญิงด่าว่าถึงบุพการีจึงทนไม่ไหว
ทั้งนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในมุมของฝ่ายชายผู้ก่อเหตุ โดยมีข้อความดังนี้
"เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2556 เวลา 14.37 น. ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่รถขูดกันที่ซอยพระรามเก้า 15 ผู้หญิงรถคันขาวได้ขับรถออกมาจากบ้านตามปกติ ไม่ได้ขับรถเร็วพุ่งอย่างที่คู่กรณีแจ้งก่อนหน้านี้ เพราะฝั่งตรงข้ามกับบ้านมีรถจอดเต็มข้างทาง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขับรถเร็ว และรถก็ขับเลี้ยวออกมาเต็มคันแล้วก็มาเจอกับรถคู่กรณีซึ่งจอดกินเลนพื้นที่ จนรถคันสีขาวก็พยายามเบียดไปทางซ้ายแล้ว แต่รถคันเขียวก็ไม่ยอมขยับรถเข้าข้างซ้ายเลย ทั้ง ๆ ที่พื้นที่ทางด้านซ้ายของรถคันเขียวกว้างพอที่จะสามารถขยับได้ แต่ก็ไม่ขยับ ได้แต่จอดนิ่ง รถคันสีขาวก็ค่อย ๆ ขับช้าจนรู้สึกว่ารถขูดกัน รถคันขาวจึงจอด (ดังที่เห็นใน CCTV) และลงมาจากรถเพื่อขอโทษ ยกมือขอโทษแล้ว และจะโทรเรียกประกันทางฝ่ายคู่กรณีก็ไม่ยอม จะไม่ยอมให้ฝ่ายหญิงไปรับลูก (ทางฝ่ายคู่กรณีแจ้งใน Youlike ว่าเรียกสามีลงมานั้นไม่ใช่เลย เพราะบ้านกับที่เกิดเหตุอยู่ห่างกันแค่ 20 เมตรเท่านั้น)
ทางฝ่ายผู้ชายได้ยินเสียงแตรรถจึงออกไปดูที่ระเบียงชั้น 2 เห็นภรรยากำลังยกมือไหว้ขอโทษคู่กรณีอยู่ แต่คู่กรณีไม่ยอม ฝ่ายผู้ชายจึงลงมาแล้วบอกว่าให้คุยกับประกัน อย่าไปเถียงกับคู่กรณีเพราะคงไม่ได้เรื่องแน่ ผู้ชายจึงบอกภรรยาว่าให้ไปรับลูกก่อน เดี๋ยวทางนี้จะคุยกับประกันให้เอง ฝ่ายคู่กรณีก็บอกว่าไม่ได้คนขับต้องอยู่ ฝ่ายผู้ชายบอกว่าภรรยาต้องไปรับลูก เดี๋ยวผมรับผิดชอบเองเพราะบ้านก็อยู่ตรงนี้ ไม่หนีไปไหน เดี๋ยวภรรยาไปรับลูกก็กลับมาบ้าน
ผู้ชายรู้ว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์จึงรอประกันมาคุย จึงตัดสินใจเดินไปทางด้านซ้ายของรถคันสีขาวเพื่อเอากรวยรถออก เพื่อที่จะเอารถจอดข้าง ๆ เพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร แต่คู่กรณีก็ไม่ยอมหยุด และด่าสาดเสียเทเสียและด่าล่วงเกินบุพการี ฝ่ายผู้ชายจึงเกิดบันดาลโทสะ และบอกให้คู่กรณีหยุดพูด หยุดด่าบุพการีได้แล้ว แต่ก็ไม่ยอมหยุด ผู้ชายจึงถามว่า…จะเอาใช่ไหม ผู้ชายจึงลงมาจากรถ แล้วเงื้อมือจะตบแต่ลูกสาวคู่กรณีก็พุ่งเข้ามาที่ตัวผู้ชาย
ฝ่ายผู้ชายเห็นปฏิกิริยาจากข้าง ๆ จะเข้ามาทำร้ายจึงตบไป 1 ทีเท่านั้น และคู่กรณีก็เข้ามาทำร้ายตน ฝ่ายชายจึงผลักคู่กรณีออกไป แต่ฝ่ายชายไม่ได้ซ้ำเติมแต่อย่างใด และกลับขึ้นไปที่รถและจอดรถให้ชิดกับขอบทาง ฝ่ายคู่กรณีก็บังหน้ารถจะไม่ให้จอด ฝ่ายชายจึงจอดรถเทียบท่าเท่าที่จอดได้และลงจากรถกลับมาที่บ้านของตัวเอง เพื่อรอประกันและตำรวจมา คู่กรณีก็ไม่ยอมลดละ ด่าฝ่ายชายหน้าบ้านตลอดเวลา
จนถึงตำรวจมาก็เชิญให้ทั้งสองฝ่ายไปชี้แจงที่โรงพัก ผู้ชายยอมรับผิดทุกอย่างและชี้แจงกับฝ่ายตำรวจว่าตบจริงแต่ไม่ได้ต่อย และตบแค่ทีเดียว (เสียงที่กรีดร้องเหมือนกับว่าโดนหลายทีนั้น ความจริงตบแค่ทีเดียวลูกสาวคู่กรณีก็ล้มลง แล้วกรีดร้องทำเหมือนกับว่าโดนหลายที)
วันนั้นเองฝ่ายผู้ชายก็ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพระราม 9 ไว้เป็นหลักฐานให้กับตำรวจและภาพวิดีโอจาก CCTV นี้ด้วย แต่ด้วยกระแสทางโซเชียลเน็ตเวิร์กแรงมาก และเป็นกระแสสังคมในตอนนี้ จึงมีสายโทรเข้ามาจากรายการเช้านี้..ที่หมอชิต เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ฝ่ายผู้ชายจึงให้ความร่วมมือและเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้สื่อข่าวฟังทั้งหมด (สมใจทุกคนที่โพสต์ข้อความด่า และได้ออกโทรทัศน์อย่างที่ทุกคนตั้งใจแล้วนะคะ)
ปล. คุณเอรี่คะ ช่วงประมาณ 10 โมงกว่า คุณกับคุณแม่คุณ ไม่ต้องชะลอรถแล้วยิ้มเยาะเย้ยนะคะ มันบ่งบอกถึงวุฒิภาวะในการกระทำของคุณเองค่ะ และที่กล่าวหาว่าฝ่ายชายบอกกับคุณนั้นว่าอย่ามาเดินในซอยนี้ให้เห็น สิ่งที่คุณทำพฤติกรรมแบบนั้น เป็นการโดนฝ่ายชายคุกคามตรงไหนมิทราบคะ อย่าเรียกร้องความสนใจแบบนี้เลยมันน่าเวทนาน่ะค่ะ ใครผิดใครถูกก็ว่าไปตามกฎหมาย"
อย่างไรก็ตาม วันเดียวกัน ทางหญิงสาวที่เป็นคู่กรณีของผู้ชายในคลิป ก็ได้เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กโต้ตอบผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ระบุว่า ตนเองไปด่าบุพการีของฝ่ายชายจึงมีปัญหากัน โดยหญิงสาวคนนี้ระบุว่า ตนเองเพิ่งจะทราบว่า มีกล้องวงจรปิดจากอู่รถข้างบ้านของฝ่ายชายจับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ได้ และทางฝ่ายชายและภรรยาก็นำคลิปวิดีโอมาลงในเฟซบุ๊ก เพื่อแก้ต่างเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย แต่กลับละเลยจุดสำคัญที่สุดที่ทุกคนพูดถึงก็คือ "ผู้ชายไม่มีสิทธิทำร้ายผู้หญิง"
พร้อมกันนี้ หญิงสาวคนดังกล่าวยังได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจเธอด้วย