ทำไปได้! 8วิธีลดน้ำหนักสุดพิศดาร

 

 

 

 

 

 

 

หลายๆ คนคงเคยผ่านประสบการณ์พยายามลดน้ำหนักกันมาบ้างแล้ว แต่คุณรู้หรือไม่ว่า มีวิธีการลดน้ำหนักในแบบสุดขั้วที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครยอมทำถึงขนาดนี้ด้วย มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้าง เผื่อใครอยากทำตามก็ลองดู

ลดน้ำหนักด้วยการกินพยาธิตัวตืด





ในช่วงต้นทศวรรษที่ผ่านมานี้ มียาลดน้ำหนักหลายยี่ห้อที่อ้างว่ามีพยาธิพวกนี้อยู่ด้วยและเมื่อกินเข้าไปจะทำให้ผอมลง ซึ่งขายดีมากในหมู่ผู้หญิงที่เชื่อว่าเมื่อกินพยาธิเข้าไปแล้วมันจะเข้าไปช่วยแย่งอาหารและทำให้ผอมลงได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครยืนยันว่ามีพยาธิเป็นๆ อยู่ในยาเม็ดนี้จริงหรือไม่


ไม่มีผลการวิจัยใดๆ สนับสนุนความเชื่อนี้ ถึงแม้ว่าจะผอมลงจริง แต่ไม่แนะนำให้ทำวิธีนี้เลยจะดีกว่าเพราะเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยมากกว่าจะทำให้ผอมเสียอีก พยาธิอาจจะทำให้เกิดอาการปวดท้อง อาเจียน ท้องร่วง ติดเชื้อ หรือไข่พยาธิอาจจะไปปิดกั้นการทำงานของอวัยวะภายในบางอย่าง และทำให้เสียชีวิตได้

 
ลดน้ำหนักด้วยการกินสำลีก้อน





บางคนแทนที่จะทนหิวก็ใช้วิธีการกินสำลีก้อนเข้าไปแทนเพื่อให้อิ่มท้อง บ้างก็เชื่อว่าสำลีเหล่านี้มีเส้นใยมาก (ความจริงแล้วสำลีไม่ได้ทำมาจากเส้นใยแบบที่ร่างกายต้องการ) และไขมันต่ำ สามารถทำให้ทั้งอิ่มท้องและน้ำหนักไม่ขึ้นได้ บางคนก็กินเข้าไปแบบแห้งๆ (กลืนลงไปได้ไง) แต่ส่วนใหญ่จะเอาสำลีก้อนไปแช่ในเจลาตินทำให้กินได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม สำลีไม่ใช่อาหารและไม่ควรนำมารับประทานตั้งแต่แรกแล้ว วิธีนี้จึงไม่ควรทำตามเด็ดขาดเพราะจะทำให้เกิดปัญหากับระบบย่อยอาหารได้

 
ลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด

มีทฤษฎีแปลกๆ ว่า ถ้าอยากลดน้ำหนักให้ได้ผลได้ จะต้องมีวิธีการควบคุมการกินตามกรุ๊ปเลือด เพราะเชื่อว่า ที่กรุ๊ปเลือดต่างกันจะมีนิสัยที่แตกต่างกัน ซึ่งก็ไม่มีผลการวิจัยใดๆ ออกมาพิสูจน์เช่นกันว่าเป็นความจริงหรือไม่ แต่ถ้าเป็นจริงก็แปลว่าทั้งโลกนี้แบ่งคนได้เป็นแค่ 4 ประเภทตามกรุ๊ปเลือดคือ A B O และ AB เท่านั้นหรือเปล่า?

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะไม่มีใครพิสูจน์ได้ แต่อย่างเวลาที่เล่นทายนิสัยจากกรุ๊ปเลือดก็มีบางข้อที่ตรงกับกับตัวเราเหมือนกัน ไม่ว่าจะบังเอิญหรือไม่ วิธีการลดน้ำหนักแบบนี้ก็อาจจะเป็นการใช้จิตวิทยาให้คนที่เชื่อทำตามได้ง่ายขึ้นก็ได้ ถ้าใครสนใจอยากลองดูไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติม ที่นี่ และ ที่นี่ ได้ แล้วมาบอกผลให้เราฟังหน่อยว่าใช้ได้จริงไหม

 
ลดน้ำหนักตามไบเบิล



การลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ คุณจะต้องกินแต่อาหารที่ระบุไว้ในคัมภีร์ไบเบิลพันธสัญญาเก่า (Genesis) บทที่ 1 วรรคที่ 29 ที่ว่าไว้ว่า

พระเจ้าตรัสว่า “ดูเถิด เราให้บรรดาต้นผักที่มีเมล็ดซึ่งอยู่ทั่วพื้นแผ่นดินโลก และบรรดาต้นไม้ซึ่งมีเมล็ดในผลแก่เจ้า ให้เป็นอาหารแก่เจ้า”

(แปลว่าให้กินแต่ผักกับผลไม้นั่นเอง) รวมถึงทำอาหารรับประทานแค่ 15% ของจำนวนที่ต้องกินใน 1 วัน จากนั้นก็ออกกำลังกาย พักผ่อน ออกไปเจอแสงแดดมากๆ และพยายามอย่าเครียด ฟังดูแล้วก็น่าจะได้ผลดีอยู่หรอกนะ ก็นี่มันวิธีการลดน้ำหนักตามธรรมดาไม่ใช่เหรอเนี่ย

 
ลดน้ำหนักด้วยแว่น



ว่ากันว่า สีแดงช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร ส่วนสีน้ำเงินทำให้ความอยากอาหารลดลง เลยมีคนเกิดไอเดียว่าทำไมไม่เอาสีน้ำเงินมาทำเป็นเลนส์แว่นซะเลย จะได้เห็นทุกอย่างเป็นสีฟ้าหมดทีนี้จะได้ไม่อยากอาหารอีก แน่นอนว่าวิธีการนี้ไม่ให้ผลดีเท่าไหร่นัก ซึ่งก็น่าเสียดาย เพราะถ้าใส่แว่นแล้วทำให้อดอาหารได้ก็ง่ายเลย

 
ลดน้ำหนักด้วยการนอน



  

 

ด้วยหลักการง่ายๆ ถ้าคุณหลับ คุณจะไม่กิน ถ้าคุณว่างมากขนาดมีเวลานอนได้ทั้งวันวิธีนี้อาจจะได้ผลดี ผลข้างเคียงของการนอนทั้งวันทั้งคืนติดกันยาวๆ คือ ทำให้ปวดหัว คลื่นไส้ อ่อนเพลีย และถ้าทำแบบไม่ระวังให้ดี อาจทำให้คุณหิวตายได้โดยไม่รู้ตัว

 
ลดน้ำหนักด้วยการเคี้ยวอาหารให้ละเอียด

 

จริงๆ แล้วการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก็ช่วยเรื่องการคุมน้ำหนักได้บ้างเหมือนกัน เพราะเมื่อเคี้ยวละเอียดแล้วกระเพาะอาหารก็ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป ทำให้กินได้ช้าลง และรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ซึ่งนี่คือวิธีการปกติ แต่สำหรับการลดน้ำหนักด้วยการเคี้ยวอาหารที่ว่านี้มีวิธีที่แปลกและดูไม่ค่อยน่าทำตามอยู่

วิธีการคือ คุณจะต้องเคี้ยวอาหารให้ครบ 32 ครั้ง จากนั้นแทนที่จะกลืนอาหารตามปกติ ให้คุณแหงนหน้าขึ้นและให้อาหารเหลวๆ ที่เคี้ยวละเอียดแล้วค่อยๆ ไหลลงคอไปเอง และถ้าอาหารที่ปากเยอะเกิน คุณจะต้องคายออกก่อนแล้วลองกลืนใหม่ดู

อ่านแล้วคิดภาพตามคงไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ แต่ Horace Fletcher ชายผู้คิดค้นวิธีนี้สามารถลดน้ำหนักไปได้ 18 กิโลกรัมใน 4 เดือน ซึ่งก็อาจจะได้ผลเพราะกว่าจะกินเสร็จแต่ละคำต้องใช้เวลามากทีเดียวและเมื่อเริ่มทำๆ ไปสักพักก็จะเบื่อ และขี้เกียจกินไปเอง แต่คนรอบข้างคงรำคาญน่าดู

 
ลดน้ำหนักด้วยการเจาะหู

 

เจาะหูที่ว่านี้ก็คือ การเจาะกระดูกอ่อนด้านในของหู (ตามภาพ) อ่านแล้วอาจจะงงๆ ว่าเจาะหูแล้วเกี่ยวอะไรกับลดน้ำหนัก ว่ากันว่า การเจาะหูแบบนี้จะทำให้ความอยากอาหารลดลง แต่จะมีผลอยู่แค่ 6 สัปดาห์ถึง 3 เดือนเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นร่างกายก็จะปรับตัวได้และก็จะอยากกินอาหารเหมือนเดิม

มีหลายคนออกมายืนยันว่าวิธีนี้ได้ผลดีมากจริงๆ แต่ก็อธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม ส่วนมากเชื่อกันว่าวิธีการนี้อาจจะเหมือนการฝังเข็มลดความอยากอาหารก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม ใครที่อยากลองวิธีนี้ต้องไปให้ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ เจาะหูให้ เพราะนี่ไม่เหมือนกับการเจาะหูธรรมดาๆ ที่เจาะทะลุเนื้อ แต่นี่ต้องเจาะทะลุกระดูกอ่อน ถ้าไม่รักษาความสะอาดหรือทำไม่ถูกวิธีอาจทำให้ติดเชื้อรุนแรงได้

 

 

Credit: http://men.mthai.com/health-firm/7266.html
27 พ.ค. 56 เวลา 11:52 2,678 1 120
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...