เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม นายสมชาติ บุญมี อายุ 34 ปี อ.พุนพิน ซึ่งทำงานเป็นครูโรงเรียนอนุบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าบ่าวพร้อมญาติยกสินสอดเงินสด 200,000 บาท ทองรูปพรรณน้ำหนัก 5 บาทพร้อมขันหมาก ไปสู่ขอ นายนาวี โชติรัตน์ อายุ 34 ปี อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ทำงานเป็นพนักงานบัญชีปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี โดยได้ประกอบพิธีตามขั้นตอนตามประเพณีท่ามกลางสักขีพยานของญาติทั้ง 2 ฝ่ายร่วม 100 คน และในช่วงค่ำของวันเดียวกันก็มีงานเลี้ยงฉลองสมรส ในชื่องาน "รักไม่ได้เห็นด้วยตา แต่สัมผัสด้วยใจ" และเน้นการแต่งกายโทนสีม่วงเพื่อสื่อให้เห็นถึงความรักของเพศที่ 3
นายสมชาติ กล่าวว่า ตนกับนายนาวีได้ศึกษาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีมาด้วยกัน และแยกย้ายไปทำงานกระทั่งกลับมาคบหากันนาน 14 ปี และช่วยกันสร้างฐานะเก็บเงิน 200,000 บาท และทองรูปพรรณน้ำหนัก 5 บาท ไปมอบให้กับมารดานายนาวีไว้เป็นหลักประกันจะดูแลนายนาวีได้
ด้านนายนาวี กล่าวว่า ได้คบหากับนายสมชาติมานานจนพร้อมสร้างครอบครัวใช้ชีวิตร่วมกัน จึงอยากให้เรียกตนและนายสมชาติเป็นคู่สมรส ซึ่งตอนแรกนางสมบูรณ์ บุญมี อายุ 77 ปี มารดานายสมชาติ ยอมรับไม่ได้ถึงกับล้มป่วยเข้าโรงพยาบาล แต่เมื่ออธิบายจนญาติทั้งฝ่ายเข้าใจจึงมีการจัดพิธีแต่งงานขึ้น นายนาวีกล่าวด้วยว่า การครองคู่กัน ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน จะต้องอยู่ด้วยความเข้าใจกัน รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว ชีวิตจึงจะมีความสุข
ทางด้านนางบุญเตือน โชติรัตน์ อายุ 59 ปี มารดาของนายนาวีกล่าวว่าตลอดเวลารับรู้ว่าลูกชายอยู่กินฉันสามีภรรยากับนายสมชาติ แต่ไม่คาดคิดว่าทั้งคู่จะจริงจังถึงขั้นแต่งงาน วันแรกที่ลูกชายบอกว่าจะแต่งงานกับนายสมชาติรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากและคัดค้าน เนื่องจากเกรงว่าญาติๆ ซึ่งเป็นพี่น้องของนายนาวีจะอับอาย เพราะลูกๆ คนอื่นต่างทำงานมีหน้ามีตาในสังคม
แต่เมื่อพี่ๆ น้องๆ ของนาวียืนยันว่าเป็นสิทธิ์ของน้องชาย และไม่ได้เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมตนจึงยินยอมด้วย และวันนี้ยอมรับว่ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ลูกชายได้ทำในสิ่งที่ปรารถนา