เอลวิส อาร์รอน เพรสลี อัจฉริยะผู้อาภัพ และอายุสั้น.

 

A Genius, The King of Rock ‘n’ Roll,  The King….Obscene, Vulgar, Savage…

 Elvis Presley performing Burning Love (Viva Elvis)

อัจฉริยะมักอาภัพ และอายุสั้น
 
โมซาร์ตคีตกวีชื่อ ก้องโลก ซึ่งว่ากันว่าสามารถปิดตาเล่นเปียโนและแต่งเพลงได้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย ในสภาพหนี้สินล้นพ้นตัว ทั้งๆที่เคยมีชีวิตที่รุ่งเรืองถึงขีดสุดมาก่อน

ชีวิตส่วนตัวที่อาภัพตั้งแต่เด็ก การเสียแม่ตั้งแต่ยังเยาว์ การมีชื่อสียงก้องโลก จบลงด้วยการถูกฆาตรกรรมของจอห์น เลนนอนตอนอายุประมาณ 40 ปี

การเกิด รุ่งเรือง ตกต่ำ และการตาย ของเอลวิส อาร์รอน เพรสลี (Elvis Aaron Presley) ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นการเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ของประวัติศาสตร์ ที่ดูเกือบจะเป็นสัจจะธรรมไปแล้ว

เป็นเพราะชะตาลิขิต หรือเป็นเพราะอัจฉริยะ.. ไม่เข้มแข็งพอ..ไม่สามารถผ่านด่านของชื่อเสียงได้?

เอลวิส เกิดในปี ค.ศ. 1935 ก่อนจอห์น เลนนอน ห้าปี (เลนนอนเกิดปี ค.ศ. 1940) เขาเกิดในครอบครัวที่ฐานะยากจน พ่อถูกจับเพราะปลอมเช็คจำนวน 8 ดอลลาร์ จนถูกจำคุก 8 เดือน ทำให้ครอบครัวต้องสูญเสียบ้านไปในระหว่างนั้น

เอลวิสมีพี่น้องฝาแฝดที่ตายตั้งแต่ในท้อง (ไม่งั้นเราอาจได้แฝด เพรสลีย์ ในวงการเพลงก็ได้) เขาผูกพันกับแม่มาก จนถูกล้อว่าเป็นลูกของแม่ เอลวิสรักกีต้าร์เป็นชีวิตจิตใจ

เขาได้กีต้าร์ตัวแรกตอนอายุ 11 ขวบ หลังจากนั้นไม่ว่าเขาไปไหน เขาจะสะพายมันไปด้วยเสมอ เขาหลงใหลในดนตรี ดนตรีคือชีวิตของเขาตั้งแต่ก่อนย่างเข้าวัยรุ่นเสียด้วยซ้ำไป ไม่ว่าจะเป็นดนตรีของชาวผิวขาว หรือชาวผิวดำ เขาไปฟัง บี บี คิง (B. B. King) นักร้องนักดนตรี Rhythm n Blue ชื่อดังและนักดนตรีชาวผิวดำคนอื่นๆ เล่นดนตรีเสมอ  รวมทั้งดนตรีเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ (Gospel music) ด้วย

เอลวิสประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังไม่ถึงยี่สิบ ลีลาสั่นขา และสะบัดสะโพกสะท้านโลกของเขา ทำให้สาววัยรุ่นคลั่งไคล้

แต่ก็ทำให้มีคนวิจารณ์เขาเสียๆหายๆมากมาย โดยกล่าวหาว่า เป็นท่าเต้นที่ส่อไปในทางเพศ และทำให้สาวๆใจแตก

.

.

ดนตรีของเอลวิสมีจุดเด่นตรงที่ เขารวบรวมเอาดนตรีและเพลงสามสไตล์เข้าด้วยกัน คือ คันทรี่ (country)  กอสเปล (gospel) และ ริธึ่มแอนด์บลูส์ (rhythm n blues)  จนกลายเป็นร็อคแอนด์โรลล์ ในแบบฉบับของเขา... ดนตรีที่รวมเอาขาวกับดำเข้าไว้ด้วยกัน ความสามารถในการร้องเพลง เสียงที่ไพเราะน่าฟัง บวกกับลีลาการเต้นอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แสดงออกผ่าน ชายหนุ่มหล่อ หน้าตาดี รูปร่างดี ทำให้ เอลวิสดังระเบิดเหมือน อะตอมิคบอมบ์!

เขาคือราชา เขาคือขวัญใจของชาวอเมริกัน และคนทั้งโลก (ยกเว้น คนบางกลุ่ม ที่กล่าวหาว่า ดนตรีของเขาคือดนตรีของคนชั้นต่ำ ลูกคนขับรถบรรทุก ไร้วัฒนธรรม)

เอลวิสร่ำรวย และมีชื่อเสียง แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขามีความสุขอย่างที่เขาหวังไว้ มีบางคนกล่าวว่า ชื่อเสียงและเงินทอง ทำให้เขาเสียแม่ที่รักยิ่งของเขาไป แม่ของเขากังวลเกี่ยวกับ ชื่อเสียง และความคลั่งไคล้ของแฟนๆที่มีต่อเขา ความคิดถึงลูก ทำให้เธอดื่มอย่างหนัก และตายตอนอายุได้เพียงสี่สิบหกปี โดยที่เอลวิสมีโอกาสได้ดูแลเธอเพียงช่วงสั้นๆ ตอนที่เธอป่วยหนัก เนื่องจากเขาต้องไปรับราชการทหารใน ประเทศเยอรมันนี การตายของเธอทำให้เอลวิสเสียใจมาก และร่ำไห้ติดต่อกันหลายวัน

Jailhouse Rock (1957) เจลเฮาส์ร๊อค ภาพยนต์ที่สร้างชื่อเสียงอย่างมาก ในขณะถ่ายทำเอลวิสได้รับบาดเจ็บด้วย ต้องพักกองไปเป็นเดือน

เขาเริ่มติดยาเสพติดบางชนิด ตั้งแต่รับราชการทหารในเยอรมันนี หลายคนบอกว่า เขาไม่เหมือนเดิมหลังจากกลับจากเยอรมันนี ไม่โดดเด่น ความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นอัจฉริยะของเขาตายที่นั่น จอห์น เลนนอน แฟนตัวยงคนหนึ่งของเอลวิส ถึงกลับ พูดว่า “เขาถูกตอน”

หลังจากกลับจากเยอรมันนี เอลวิสยังคงมีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จอย่างสูง  ซิงเกิ้ลหลายแผ่นของเขาขึ้นสู่อันดับหนึ่งในอเมริกา ทำยอดขายได้นับล้านแผ่น เขาได้แสดงหนังหลายเรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ทำรายได้มหาศาล แต่ถูกวิจารณ์ว่าไม่ได้เรื่อง

โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า ผู้จัดการและบริษัทต่างๆที่เกี่ยวข้องพยายามตักตวงผลประโยชน์จากเขามากเกินไป เขาต้องแสดงหนังหลายเรื่อง และ แสดงคอนเสิร์ตจำนวนมหาศาล มีคนรวบรวมสถิติไว้ว่า ระหว่างปี ค.ศ.1969-1977 เอลวิส ต้องแสดงคอนเสิร์ตถึง 1,145 ครั้ง  ไม่รวมถึงงานพีอาร์ และงานอื่นๆการทำเช่นนี้ทำให้งานที่ออกมาไม่ประณีต ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เมื่อคุณทำอะไรมากเกินไป คุณจะเหนื่อย เบื่อ ไม่มีความสุขกับการทำเช่นนั้นอีกต่อไป แม้สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่คุณเคยหลงใหล และความคิดสร้างสรรค์ของคุณก็จะตายในที่สุด

หลายคนเคยวิจารณ์เขาไว้ว่า ไม่เก่งจริง เพราะไม่ค่อยได้แต่งเพลงของตัวเอง ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ หากคุณต้องแสดงคอนเสิร์ตอาทิตย์ละสามวัน ทั่วประเทศ คุณจะเอาเวลาที่ไหนไปแต่งเพลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมอเมริกัน ที่เชื่อมั่นในเรื่องความชำนาญเฉพาะด้าน หากคุณเป็น ซุปเปอร์สตาร์ระดับเอลวิส คุณคงไม่มีโอกาสทำอะไร หลายๆอย่าง ด้วยตนเอง ไม่ว่าการเลือกเสื้อผ้า  อาหาร กระทั่งคนรัก ฯ อย่าว่าแต่แต่งเพลงเองเลย

แม้แต่ประธานาธิบดี นิกสัน ก็ใช้ประโยชน์จากความโด่งดังของเอลวิส ตอนนิกสันถูกประชาชนต่อต้านเรื่องสงครามเวียดนาม มีการเดินขบวนครั้งใหญ่โดยประชาชนเกือบครึ่งล้านคน ใน กรุงวอร์ชิงตัน ดี ซี ในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1969 นำโดยนักร้องนักดนตรีชื่อดังมากมาย รวมทั้ง จอห์นเลนนอน ในปีต่อมาก็มีการจัดให้พบกันระหว่าง ประธานาธิบดีนิกสัน และเอลวิส ในทำเนียบขาว มีการอ้างว่า เอลวิสต้องการต่อต้าน ฮิปปี้  กับวัฒนธรรมเสพยาของพวกเขา และเอลวิสเคยโจมตีเดอะบีทเทิ้ล(หนึ่งในพวกฮิปปี้)ว่า มาอเมริกาเพื่อกอบโกย และปลุกระดมทำให้เกิดความรู้สึกต่อต้านอเมริกัน ในอังกฤษ


 

Elvis and Marilyn monroe

นักร้องนักดนตรีมากมายได้รับแรงบันดาลใจจากเอลวิส รวมทั้ง เอลวิสแห่งสหราชอาณาจักร คลิฟ ริชาร์ด (Cliff Richard) และ เดอะบีทเทิ้ลส์ (The Beatles) 

จอห์น เลนนอน เคยกล่าวถึงเอลวิสไว้ว่า  “ก่อนได้ฟังเพลงของเอลวิส ไม่มีอะไรทำให้ใจเขาหวั่นไหวประทับใจได้อย่างแท้จริง หากไม่มี เอลวิส ก็จะไม่มี เดอะบีทเทิ้ลส์”

ส่วนร็อด สจวร์ต (Rod Stewart) ราชาร็อคอีกผู้หนึ่ง ก็กล่าวไว้เช่นเดียวกันว่า  “เอลวิสคือราชา... ไม่ต้องสงสัยเลย ไม่ว่าจะเป็น ผมหรือ มิคแจ็คเกอร์ (Mick Jagger) หรือคนอื่นๆ ก็เพียงแต่แค่เดินตามรอยเท้าของเขาเท่านั้น”

เอลวิสเสียชีวิตลง ตอนที่หน้าที่การงาน และชื่อเสียงของเขากำลังตกต่ำถึงขีดสุด เขาอ้วน เหนื่อยง่าย ต้องกินยารักษาโรค และยาบำรุงมากมาย การแสดงคอนเสิร์ตกลายเป็นภาระหนักสำหรับเขา เขาต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะยืนแสดงคอนเสิร์ตให้จบชั่วโมง สาเหตุการตายของเขาไม่แน่ชัด บ้างบอกว่า กินยามากเกินไป บ้างบอกว่าตายเพราะหัวใจวาย

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาคือหนึ่งในยอดนักร้องชื่อก้องโลก เขาได้รับรางวัลมากมาย เพลงของเขาขายได้หลายล้านแผ่นทั่วโลก เอลวิสเป็นคนเดียวที่ได้รับการจัดเข้าไปใน ฮอลล์ออฟเฟลม (Hall of Flame) ถึงสามประเภท คือ เพลงคันทรี เพลงกอสเปล และ ดนตรีร็อคแอนด์โรลล์!

และที่สำคัญจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ดนตรีของคนดำ จะไม่ได้รับความนิยมโดยคนขาวและแฟนเพลงในประเทศต่างๆ ทั่วโลกหากไม่มีเอลวิส เขาทำให้เส้นที่ขีดกั้นระหว่างเชื้อชาติเลือนรางลง

.

 

.

แด่เอลวิส.......The King of Rock ‘n’ Roll

 We Love You, Elvis Presley

เรื่องโดย littlewizard aug2007  จาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=95166

Credit: http://men.postjung.com/680310.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...