ผมเกือบเป็นหม้าย ลูกเกือบกำพร้า เพราะศูนย์รถยนต์แห่งหนึ่ง

 

 

 

ผมเกือบเป็นหม้าย ลูกเกือบกำพร้า เพราะศูนย์รถยนต์แห่งหนึ่ง

 

อ้า..งั้นก็จัดหนักไปเลยแล้วกัน ตามคำเรียกร้อง เพราะคิดว่ายังไงก็ต้องลงอยู่แล้ว
รถยนต์ยี่ห้อ Chevrolet Trailblazer รุ่น LT ขับเคลื่อนสองล้อ สีขาว ราคาที่ซื้อ 1,249,000 บาท
ศูนย์บริการเพชรบุรีตัดใหม่ เลขตัวถัง MMM156EHODH642518 หมายเลขเครื่องยนต์ A9KG1227771297 



ซื้อรถมาจากศูนย์เพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งได้ทำการรับรถไปเมื่อวันที่ 5/5/56 หลังจากวันรับรถพบข้อบกพร่อง/จุดผิดสังเกตุดังต่อไปนี้
1.    พลาสติกหุ้มเบาะ พลาสติกซีลอุปกรณ์ต่างๆ ไม่มีมาเลย
2.    ในรถไม่มีกลิ่นพลาสติก ยางและอุปกรณ์ต่างๆเลย (ไม่มีกลิ่นรถใหม่)
3.    ได้รับของแถมเกินมา โดยที่เซลส์ไม่เคยแจ้งมาก่อน นั้นก็คือคิ้วบันไดสแตนเลส 4 ชิ้น ทางเซลส์ให้เหตุผลว่า พอดีตอนใส่ของแถม เห็นมันโล่งๆ เลยใส่มาเพิ่มให้โดยไม่ได้บอก
4.    น้ำมันค้างถัง มีปริมาณเกินครึ่งถัง ถ้าให้เดาๆ จำนวนน้ำมันนี่ก็น่าจะอยู่ที่ 1,200-1,400 บาท ยังชมว่าศูนย์นี้ใจดีเนอะ ให้น้ำมันมาเพียบเลย ปกติซื้อรถมาไม่รู้กี่คันต่อกี่คัน ให้น้ำมันมาแบบว่าติดก้นถังเท่านั้น
5.    พบแว่นตากันแดดใครก็ไม่รู้ อยู่ในช่องเก็บแว่นตา
6.    เนื่องจากวันรับรถ สถานที่ในการส่งมอบรถไม่ได้มาตรฐาน มืดมากมองอะไรไม่ได้เลย ข้างนอกฝนก็ตก) มาเห็น Defect ต่างๆ ข้างนอกศูนย์
-    กันชนหน้าไม่สนิท
-    ยางขอบประตูหลังเป็นรอยครูด
-    พลาสติกยางแล็คหลังคา หลุด
-    กลิ่นภายนอกเข้ามาในตัวรถได้
-    ผ้าบุคอนโซลประตูหน้าซ้ายหลุด 



ใน 5.ข้อแรกมันก็ทำให้ผมและครอบครัวรู้สึกไม่สบายใจในทันที แต่ก็ไม่กล้าที่จะบ่นกับเซลส์ ปกติที่บ้านก็ไม่ใช่คนเรื่องมากอะไร จะมาแจ้งเซลส์ให้ทราบคือข้อ6 อย่างเดียว ในช่วงบ่าย ซึ่งทางเซลส์ก็รับปากว่าเดี๋ยวจะจัดการให้ ในวันนั้นผมไปลุยต่างจังหวัดกันเลย เอารถไปเทสต์ด้วย ไปเยี่ยมลุงด้วย วันนั้นหลังจากกลับมา น้ำมันก็อยู่ประมาณ 2/5 ถัง ก็เลยไปเติมน้ำมันให้เต็มถัง ช่วงถนนพระราม2 จนเต็มถัง (ปั้ม ปตท. จำนวนที่เติมคือ 1,100 บาท)

วันที่ 8/5/56 (3 วันหลังจากรับรถ)

ระบบสัญญาณกันขโมย, ระบบไฟฟ้ามีปัญหา รถไม่สามารถสตาร์ทได้ ได้โทรแจ้ง Call Center เรียบร้อย ทาง Call Center แจ้งว่าจะต้องให้รถไปยกไปที่ศูนย์และทำการ Reset Code ใหม่ จริงๆ แถวนั้นมีศูนย์อยู่ใกล้ๆ แต่ทางเซลส์ยืนยันจะให้เข้าศูนย์ที่เพชรบุรีตัดใหม่ โดยให้เหตุผลว่าไปศูนย์อื่น อาจจะให้บริการไม่ดี (ไม่รู้ว่าเป็นวัวสันหลังหว่ะรึเปล่า) แต่ก็ให้ลองนำกุญแจสำรองไปเปิด ไปสตาร์ทรถก่อน ซึ่งผมก็ได้ขับรถอีกคัน เอากุญแจสำรองไปไขให้ ปรากฏว่าสัญญาณกันขโมยดังลั่น แต่ก็สตาร์ทได้ เป็นอันจบ โทรแจ้ง Call Center ว่าไม่ต้องมาแล้ว

วันที่ 10/5/56 (5 วันหลังจากรับรถ)

ระหว่างที่ภรรยาผมกำลังกลับบ้าน ซึ่งกำลังขับรถอยู่ที่ถนนวงแหวน-บางนา (ช่วงเกือบจะถึงด่านทับช้าง) รถเกิดมีเสียงดัง ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ แล้วก็ขึ้นหน้าจอว่า “Energy…..???” อะไรสักอย่าง แล้วเครื่องก็ดับ ซึ่งตอนนั้นอยู่เลนส์รองขวาสุด ด้วยความเร็วค่อนข้างสูง แถมรถบรรทุก รถเทรลเลอร์เยอะมาก ซึ่งภรรยาผมต้องบังคับรถให้วิ่งไปชิดซ้ายและเข้าจอดตรงไหล่ทางให้ได้ จนเกือบโดนรถบรรทุกชนไปหลายคัน โดนบีบแตรด่ามากมาย(โถ่..พวกเมิงไม่รู้หรอกว่า ตอนนั้นรถกรูมันดับไปแล้ว) ซึ่งจากการที่เข้าข้างทางได้ ทุกคนก็น่าจะรู้นะครับว่า...พวงมาลัยมันหนักมากต้องฝืนพวงมาลัย และใช้แรงเฉื่อยของรถเป็นแรงให้รถเคลื่อนที่ได้เท่านั้น วินาทีนั้นทุกๆการกระทำสำคัญมาก ตัดสินใจอะไรผิดไปนั้นหมายถึงชีวิตทันที (ซึ่งถ้าแฟนผมตกใจ ใช้วิธีการเหยียบเบรกกลางถนน ก็คงจะโดนรถที่ตามมาชนท้ายได้)
จากการคาดเดาเบื้องต้น ภรรยาผมได้โทรมาบอกว่า รถน้ำมันหมด แต่เกจ์น้ำมัน มันยังโชว์ว่าเหลืออยู่ครึ่งถัง(คือเหมือนกับว่าเกจ์น้ำมันเสีย เลยไม่แสดงผลว่าน้ำมันหมด) ผมเลยบอกว่าเดี๋ยวโทรถามเซลส์ให้ว่าเอาไง ทางเซลส์แจ้งว่าให้โทรหา Call Center เลย จึงบอกให้ภรรยาโทรแจ้งว่าอยู่ตรงไหน ช่วยเอารถมายกด่วนเลย หลังจากนั้นผมก็เลยวิ่งไปที่ปั๊มแล้วซื้อแกลลอนมาเติมน้ำมัน ซึ่งก็บรรจุได้ประมาณ 6 ลิตร ก็คิดว่าคงเพียงพอสำหรับการวิ่งออกนอกวงแหวน แล้วเข้าไปเติมน้ำมันในปั๊มแล้ว พอไปถึงเลยเติมเลยครับ หลังจากนั้นสตาร์ท ปรากฏว่า ไม่ติดครับ!!! อ้าว...หมายความว่าไงเนียะ เกจ์น้ำมันเพิ่มขึ้นอีกหน่อย แต่รถสตาร์ทไม่ติด งั้นแปลว่าเกจ์น้ำมันทำงานไม่ผิดพลาด แต่มีปัญหาจากเครื่องยนต์เอง เลยโทรไปแจ้งทางเซลส์อีกที เซลส์บอกว่างั้นให้เอารถลากมาไว้ที่ศูนย์เพชรบุรีเลย เค้าจะทำการตรวจเช็คให้หมดทุกอย่าง ทั้งเก็บงาน Defect ที่เคยแจ้งเอาไว้ด้วย พอโทรไปหา Call center เค้าบอกว่าเดี๋ยวโทรกลับ แล้วสักแป๊บก็มีคนโทรกลับมาแจ้งว่ารถยนต์คุณรุ่นนี้ หมายเลขเครื่องเลขนี้ เรียนคุณ กัญ... (ท่านผู้อ่านทุกคนช่วยกรุณาจำชื่อนี้เอาไว้นะครับ เพราะในตอนท้ายเรื่องชื่อนี้จะเป็นตัวละครตัวสำคัญมาก) จนภรรยาผมต้องถามกลับว่า ชื่อเจ้าของรถชื่ออะไรนะ เค้าก็ยืนยันกลับมาว่า ชื่อคุณกัญ... อีกครั้ง แฟนผมเลยถามกลับไปว่าตัวเค้าไม่ได้ชื่อนี้ และเค้าก็เป็นเจ้าของรถจริงๆ ทำไมชื่อเจ้าของรถจึงเป็นคนอื่น  ทาง Call center ก็ทำเสียงแบบงงๆ แล้วบอกว่า ในระบบมันแจ้งชื่อนี้มา อาจจะเป็นชื่อของเซลส์ก็ได้ หลังจากนั้นสักพัก ผมเลยลองโทรไปเช็คที่ Call Center อีกที ซึ่งคนที่รับไม่ใช่คนเดิมแล้ว ผมจึงถามไปว่ารถผมที่มีปัญหาขณะนี้ เลขตัวถัง xxxx นี้ ชื่อเจ้าของในระบบชื่ออะไร เจ้าหน้าที่คนนี้ก็แจ้งว่าชื่อคุณกัญ...  นัน... เช่นเดิม ผมจึงแน่ใจแล้วว่าคนก่อนดูชื่อไม่ผิดแน่นอน ผมจึงได้ทำการทวนชื่อและนามสกุลอีกรอบ และได้จดเอาไว้

ซึ่งระหว่างที่ งงๆ กับเรื่องต่างๆอยู่นั้น เลยลองเปิดดูคู่มือ ปรากฏว่าไปเจอใบรับประกันฟิล์ม ซึ่งระบุไว้ว่าฟิล์มคันนี้ติดตั้งเมื่อวันที่ 19/3/56 แม่จ้าว..ววว รถตรูเพิ่งมาลงศูนย์ระยองเมื่อปลายเดือน เม.ย. แต่ฟิล์มมันดันติดเมื่อกลางเดือน มี.ค. สรุป...มันใส่ของแถมให้ผมตั้งแต่อยู่ในโรงงานที่ระยองเลย ถรุยส์...สสสส เวลานั้นจริงๆแล้วรถยังไม่ควรโดนประกอบเลยด้วยซ้ำ เพราะเท่าที่ถามมาคือโรงงานจะประกอบรถตาม Order 
    เวลานั้นยอมรับว่า ไม่มีความมั่นใจเหลือให้กับรถยี่ห้อนี้อีกแล้ว เลยคุยกับเซลส์โดยตรง เล่าให้ฟังไปเลยว่าตั้งแต่วันรับรถ จนถึงปัจจุบันรู้สึกไม่สบายใจอะไรบ้าง เรื่องอะไรบ้าง จริงๆก็ไม่เคยคิดจะพูดเรื่องนี้ เพราะเหมือนที่บอก ที่บ้านค่อนข้างรักสันติ ยอมอะไรได้ก็ยอม นิดๆหน่อยๆยอมกันไป แต่พอมาเรื่องรถดับ เรื่องมีชื่อคนอื่นเป็นเจ้าของรถมาแจม ทีนี้เรื่องเก่าๆที่ยอมๆไว้ มันผุดขึ้นมาเต็มหัวเลย เริ่มมีข้อสงสัยโผล่ขึ้นมา ก็ถามเซลส์ไปตรงๆเลยว่า รถคันนี้เคยมีปัญหาอะไรหรือไม่ เคยมีคนใช้มาก่อนหรือป่าว ทางเซลส์ก็ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน ทุกอย่างเช็คได้ อ้างเหตุผลในแต่ละข้อมาเลย แถมบอกทิ้งท้ายว่า บริษัทฯไม่ยอมมาเสียชื่อกับเรื่องแบบนี้หรอกครับ มันไม่คุ้ม ผมฟังแล้วก็ได้แต่บอกภรรยาว่า มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ ลูกชาย(หมายถึงเจ้ารถคันนี้)อาจจะแค่เป็นหวัด ไปหาหมอแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับมา
    หลังจากนั้น รถยกก็มา(รวมเวลาที่รอแล้วก็ประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง)

วันที่ 11/05/56
    ตื่นเช้ามากะว่าจะไปศูนย์ให้ทันเวลา 8.30 น.เพื่อจะเข้าไปดูรถที่ศูนย์ แต่เกิดเอะใจขึ้นมา ว่าเคยเห็นกระทู้ในพันทิป ซึ่งซื้อรถรุ่นเดียวกับเรา เคยมีปัญหา เลยลองเซิร์ชไปดูอีกที นั่งไล่อ่านไปเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกว่า เหตุการณ์และปัญหา รวมถึงระยะเวลา มันช่างเหมือนกับว่าเรื่องนี้คือเรื่องที่ปะติดปะต่อกันมาเป็นละครหลายๆตอนเลย ทุกๆอย่างมันเป๊ะมาก เริ่มตั้งแต่
1.    อาการที่รถเสีย นั่นคือ รถดับระหว่างที่ขับใช้งาน เกจ์น้ำมันโชว์น้ำมันขณะดับไว้ที่ครึ่งถัง
2.    ยี่ห้อ รุ่น สี ศูนย์บริการ  มันคือสิ่งเดียวกันกับเราทั้งหมด
3.    ระยะเวลาที่เค้าเกิด กับระยะเวลาที่เราเกิด มันต่อเนื่องกันพอดิบพอดี
เอาแล้ว คิดในใจ โลกแมร่งช่างกลมอะไรเช่นนี้ เคยอ่านกระทู้นี้ไปแล้ว ไม่เคยคิดว่า รถคันที่อ่านนี่แหละต่อมามันจะกลายเป็นรถของเรา หลังจากนั้นเลยพยายามติดต่อกับเจ้าของกระทู้นั้น ก็เริ่มท้อใจเพราะไม่รู้จะติดต่อยังไง 
หลังจากนั้นก็ขับรถไปที่ศูนย์ ไปเจอทั้งเซลส์ทั้งผู้จัดการ เลยเริ่มร่ายทันที เพื่อไม่ให้เสียเวลา ขอเหตุผลต่างๆที่ผมสงสัยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลาสติกคลุมอุปกรณ์, กลิ่นเบาะใหม่, ของแถมที่ได้เกินมา, แว่นตาที่เก็บได้ในช่องใส่แว่นตา, ระยะเวลาในการติดฟิล์ม รวมถึงชื่อที่มันมีอยู่ในระบบ ว่ามันหมายความว่าอย่างไร....ทั้งผู้จัดการและเซลส์ช่วยกันตอบคำถามกันพัลวัล แรกๆก็ตอบแบบพอมีเหตุผล พอถามเริ่มเยอะ เริ่มรน เริ่มตอบไม่ได้ เริ่มแถ  จนผมกับภรรยาก็เริ่มหงุดหงิด แต่ในเหตุผลต่างๆ ดูแล้วก็ไม่รู้จะไปเถียงยังไง ทั้งที่ฟังแล้วใครๆก็รู้ว่าแถ จนสุดท้ายผมก็เริ่มพูดถึงเคสของบุคคลที่เป็นปัญหาในพันทิป  ซึ่งมีปัญหากับทางศูนย์ เมื่อเดือนที่แล้ว (รถของคนที่มีปัญหาในกระทู้ของเว็บๆหนึ่ง) หน้าตาของทั้งเซลส์และผู้จัดการเริ่มเปลี่ยน ต่างคนต่างพูดว่าไม่รู้ค่ะ ไม่รู้ครับ ทำเป็นว่าเรื่องในเว็บบอร์ดนั้นเป็นเรื่องที่ถูกกุขึ้นมา ไม่ได้มีเรื่องเกิดขึ้นในศูนย์นี้ จนผมกับภรรยาเริ่มเชื่อโยงเหตุการณ์เข้าหากันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว สังเกตแล้วว่าทาง ผจก.คงมองว่าลูกค้าจับได้แล้ว จึงยื่นข้อเสนอมาว่า เดี๋ยวขอคุยกับผู้บริหารก่อน แล้วหายไปในห้อง...ก็รอกันไป ว่าจะเอายังไง


แต่ด้วยผลบุญที่พอเคยทำเอาไว้บ้าง ระหว่างที่รอผู้จัดการกลับมาก็เลยเล่นเน็ตไปพรางๆ แอบไปเห็นเฟซบุ๊คของเจ้าของรถคันเดิมในอินเตอร์เน็ต เลยเข้าไปในเฟซบุ๊ค ปรากฏว่าเค้าทำตุ๊กตาขายด้วย มีเบอร์โทรติดต่อด้วย  เลยโทรเข้าไป ซึ่ง ณ ตอนนั้นเจ้าของเบอร์ไม่รับ แต่สักแป๊บเค้าโทรกลับมา ผมเลยถามกลับไปว่า “โทษครับ ไม่ทราบว่าเป็นคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับรถในเว็บหรือป่าวครับ” ทางโน้นตอบกลับมาว่าใช่ค่ะ ผมจึงรีบถามกลับไปเลยว่า ไม่ทราบว่าคุณชื่อจริง นามสกุลอะไร สิ่งที่เค้าตอบกลับมาคือ “ชื่อคุณกัญ... “ (จำได้มั้ยครับว่าใคร ชื่อเป็นคนเดียวกับเจ้าของหมายเลขเครื่องที่ทาง Call Center ได้ทำการ Record เอาไว้) เท่านั้นแหละครับ ถึงบางอ้อทันที ผมเลยถามเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับรถปรากฎว่าทุกๆอย่างเหมือนกับรถผมเลย

หลังจากคุยกับเจ้าของรถเดิมเสร็จ เซลส์เดินมาพอดี ผมเลยบอกไปว่า รีบไปเรียกผู้จัดการมาเลย มีเรื่องใหญ่แล้ว สงสัยเราจะต้องมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นแล้วล่ะ เซลส์หน้าเสียทันที แล้ว ผจก.ก็รีบเดินตามมา ผมไม่รีรอเลย พูดไปเลยว่าผมได้คุยกับเจ้าของรถคนเก่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เค้าชื่อคุณ xxxx ตามที่ทาง Call Center ที่ทำการบันทึกเอาไว้จริงๆ คุณจะว่าอย่างไร เลขที่ตัวถังไม่ผิด การบันทึกข้อมูลไม่ได้มีความผิดพลาด ความผิดพลาดมีอย่างเดียวคือ “คุณเอารถเก่าที่เคยมีเคยมีปัญหา เคยมีการใช้งาน เคยมีเจ้าของแล้ว  มาขายให้ผม “ป้ายแดง” 

เลขไมล์ที่ผมเห็นในวันรับรถคือ 19 กิโลเมตร ทั้งที่จริงๆ รถคันนี้วิ่งไปพันกว่าโลแล้ว เล่นมาเปลี่ยนชื่อ กรอเลขไมล์ ลบประวัติต่างๆทิ้งทั้งหมด(แต่ดันอยู่หรอก แต่กรูไปจองศาลาให้เมียกรูแล้ว

หลังจากนั้นผมกับภรรยาเริ่มไล่เบี้ยไปทีละเรื่อง ผมขอดูเอกสารหมายเลขเครื่องยนต์ของผู้หญิงคนนั้นที่รถมีปัญหาและได้ทำเรื่องคืนเงินไปแล้ว ว่าหมายเลขเครื่องอะไร ให้เอามาเทียบกับไปเลยว่าเลขเดียวกันหรือป่าว ทาง ผจก.แจ้งว่า เรื่องเอกสารต่างๆ มันเป็นความลับที่ทางบริษัทฯไม่สามารถเปิดเผยกับบุคคลภายนอกได้ ผมจึงบอกไปว่าก็ถ้าเป็นกรณีปกติผมก็ไม่ขอดูหรอก แต่นี่มันเกี่ยวกับผมโดยตรงเลยต้องขอดู ทำยังไง ผจก.ก็บอกว่าให้ดูไม่ได้ ผมเลยตัดบทไปว่า ถ้างั้นไม่ต้องเอามาให้ผมดูก็ได้ คุณผู้จัดการช่วยเดินไปดูเอกสารให้หน่อยว่า เลขตัวถังผมกับเลขตัวถังของคนเดิมมันเหมือนกันมั๊ย (คือจาบร้าเหรอ ข้อมูลลูกค้าไม่มีเก็บไว้เลยสักส่วนเหรอ) ผมก็เลยถามเค้าไปว่ารายนั้นน่ะ เค้าได้เงินคืน ให้ช่วยวิ่งไปดู Memo ก็ได้ว่าในนั้นมันต้องระบุว่าเลขตัวถังอะไร ไม่งั้นจะอนุมัติถูกคันได้ยังไง เอกสารเหล่านี้น่าจะเก็บเป็น Hard Copy ใส่ไว้ในแฟ้มส่วนตัวลูกค้า ที่ทางเซลส์จะต้องเก็บและสามารถเรียกดูได้ทุกวันอยู่แล้ว ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับฝ่ายอื่น สรุป...เอกสารต่างๆไม่มีอีกเช่นกัน

เริ่มโมโห..เลยถามว่างั้นกลับไปดู Sales Report สิ ว่างานขายแต่ละเดือนของคุณมันบันทึกอะไรบ้าง ยังไงมันก็คงจะต้องมีการบันทึกสิ่งเหล่านี้เอาไว้(ไม่งั้นเมิงจะไปสรุปกับทางผู้บริหารยังไง ว่าในแต่ละเดือนมียอดขายเท่าไหร่ ยอดโอนเท่าไหร่ รายละเอียดเป็นยังไง) แต่สิ่งที่ได้รับคือข้อมูลพวกนี้ทางฝ่ายขายเคลียร์เดือนต่อเดือน พอเลยเดือนไป ข้อมูลจะลบทิ้งตลอดไม่ได้เก็บไว้ ถรุยส์...ส์ส์ส์  (เมิงลบข้อมูลรายเดือนทิ้งไป พอสรุปสิ้นปีจะทำ Report ยังไงวะ) สุดท้าย ผจก.ก็ยืนยันว่าข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องมาดูกันวันจันทร์อย่างเดียว

สุดท้ายของสุดท้าย ผจก.แจ้งว่า เรื่องการขอคืนเงิน ทางศูนย์ดำเนินการให้ได้แน่นอน (ก็แน่สิ ลองไม่ได้รับรองระเบิดลงวันจันทร์) และจากการที่ครอบครัวผมต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงกับรถที่พิกลพิการ โดยที่รถคันนี้ไม่ได้ถูกซ่อมแซมหลังจากที่เคยเกิดปัญหา, และผมในฐานะที่ถูกศูนย์หลอกลวง จึงแจ้งไปว่า ผมเรียกร้องค่าสินไหม เป็นจำนวน เงิน 100,000 บาท นอกเหนือจากการคืนรถที่ผมต้องได้รับอยู่แล้วไปอีกก้อน (จะบอกว่าผมกับภรรยารายได้รวมกันเดือนละ 14x,xxx บาท) ผมสองคนทำงานแค่ยี่สิบวันผมก็ได้แล้ว 100,000 แต่ผมก็ไม่รู้จะเรียกทำไมให้มากกว่านี้  สรุป...เรียกร้องไปดังนี้
1.    ขอคืนรถและขอรับเงินคืนทั้งหมด รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ได้จ่ายไป และเงินค่างวดๆแรก
2.    ค่าสินไหม จำนวน 100,000 บาท
ข้อแรกทางศูนย์รับปากว่าทำได้แน่นอน ส่วนข้อสองต้องขอทำเรื่องเสนอก่อน

ทางศูนย์รับปากว่าวันจันทร์จะติดต่อมา

ข้อมูลที่เกิดขึ้นทั้งหมด กระผมยืนยันว่ามันคือเรื่องจริง 
ข้อมูล ณ วันที่ 10/05/56
หมายเลขตัวถัง MMM156EHODH642518 ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทาง Chevrolet แห่งประเทศไทย เป็นผู้บันทึกไว้เอง มีเจ้าของรถคือคุณ กัญ...  นัน...
และ
หมายเลขตัวถัง MMM156EHODH642518 ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทาง Chevrolet สาขาเพชรบุรี เป็นผู้บันทึกไว้ มีเจ้าของรถคือคุณ อร...  สิน... (ก็คือภรรยาผมนั่นเอง)

วันจันทร์หรือว่าวันต่อๆไป หากข้อมูลดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลง ก็ผีหลอกแล้วครับ


นี่คือภาพสุดท้ายที่ได้ทำการบันทึกเอา สำหรับรถคันนี้ครับ


ที่มา pantip.com
user : Black Absolute
ติดตามกระทู้ต่อได้ที่ http://pantip.com/topic/30475036

Credit: http://www.babnee.com/knowledge-cat12.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...