นัตโตะ ถั่วเน่าแต่มีประโยชน์

 

 

 

 

 

 

นัตโตะ(納豆) หรือถั่วหมัก เป็นอาหารญี่ปุ่นประเภทหนึ่งซึ่งคนญี่ปุ่นนิยมรับประทานร่วมกับข้าวสวยเป็นอาหารมื้อเช้า นัตโตะสามารถทำได้จากการนำเอาถั่วเหลืองมาหมักกับแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Bactillus Subtilis Natto หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า นัตโตะ-คิน(納豆菌) 

 



ปัจจุบันนี้ตามร้านอาหารญี่ปุ่นและห้างสรรพสินค้าทั่วไปในประเทศไทยก็มีนัตโตะขายค่ะ หลายคนอาจเคยได้ลิ้มลองเจ้านัตโตะนี้มาแล้ว บางคนรับประทานครั้งเดียวแล้วติดใจ บางคนอาจจะต้องรับประทานหลายครั้งหน่อยจึงจะเริ่มรู้สึกอร่อย บางคนอาจจะรับประทานแค่ครั้งเดียวถึงกับเกลียดกันไปจนวันตาย หรือบางคนแค่ได้กลิ่นหรือได้เห็นหน้าตาของนัตโตะก็ยอมแพ้ไม่กล้ากินไปเสียก่อนแล้ว เนื่องจากนัตโตะมีลักษณะเหนียวและยืดได้คล้ายใยแมงมุม มีกลิ่นที่ค่อนข้างแรง และรสชาติที่อาจจะแปลกสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับนัตโตะค่ะ


ประโยชน์และคุณค่าทางสารอาหาร 
ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะไม่ชวนรับประทานเท่าใดนัก แต่จากผลการวิจัยพบว่านัตโตะเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น โปรตีน โปรไบโอติกส์ วิตามินเค เป็นต้น นัตโตะมีคุณสมบัติช่วยลดโคเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ และลดโอกาสการเกิดเส้นเลือดในสมองแตกได้ นอกจากนี้จากผลการวิจัยในปี 2009 พบว่านัตโตะสามารถช่วยป้องกันหรือรักษาโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วยค่ะ

 



วิธีการรับประทานนัตโตะ 
การรับประทานนัตโตะนั้นมีหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล โดยหลักๆ แล้ว จะนิยมรับประทานกันโดยผสมกับซอสโชยุ (ซีอิ๊วญี่ปุ่น) และมัสตาร์ดที่มักจะมีให้มาพร้อมกับห่อบรรจุนัตโตะสำเร็จรูปที่วางขายกันทั่วไป ส่วนผสมอื่นๆ ที่คนญี่ปุ่นนิยมผสมร่วมกับนัตโตะ ได้แก่ ต้นหอมซอย หัวไชเท้าฝอย ไข่ดิบ เป็นต้น วิธีการรับประทานเริ่มจากนำส่วนผสมที่จะปรุงเพิ่มใส่ลงไปในนัตโตะ แล้วคนแรงๆ เพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันและเกิดเป็นฟองขึ้น (มีความเชื่อที่กล่าวกันว่าถ้าคนนัตโตครบ 100 ครั้งแล้วจะได้คุณค่าทางอาหารสูงสุดด้วยค่ะ) จากนั้นเทราดลงไปบนข้าวสวย แล้วก็รับประทานได้เลยค่ะ นอกจากนี้ยังสามารถนำนัตโตะไปประยุกต์ด้วยกรรมวิธีการปรุงอื่นๆ ได้ เช่น ข้าวผัดนัตโตะ ราเม็งนัตโตะ ซูชินัตโตะ ก็ได้เช่นกันค่ะ

 



สำหรับใครที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น และยังไม่เคยรับประทานนัตโตะก็ลองลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมนี้กันดูได้นะคะ


ขอบคุณข้อมูลจาก : http://ja.wikipedia.org/wiki/%E7%B4%8D%E8%B1%86
ที่มา : Shirayuri Sorami 

 

ที่มา:
Credit: http://women.postjung.com/678674.html
17 พ.ค. 56 เวลา 15:24 3,234 1 130
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...