จากการวิจัยในต่างประเทศแจ้งว่า การเลือกช่วงเวลาในการออกกำลังกายนั้นให้พิจารณาจากเหตุผลกรณีที่เพิ่งตื่นนอนในตอนเช้า โดยปกติคนที่ออกกำลังกายตอนเช้าจะไม่รับประทานอาหารก่อนอยู่แล้ว แต่ในขณะที่นอนหลับตับจะเปลี่ยนสารอาหาร เช่น เปลี่ยนน้ำตาลเป็นไกลโคเจน เปลี่ยนกรดไขมันเป็นไขมัน เก็บไว้ในอวัยวะต่างๆ เมื่อตื่นนอนจึงไม่มีพลังงานหลงเหลืออยู่ในเลือด หรือร่างกายคนเราหลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ ยังไม่ควรออกกำลังกาย เพราะหลังกินอาหารจะมีเลือดจำนวนมากส่งมาเลี้ยงที่กระเพาะและลำไส้เพื่อพาสารอาหารไปเลี้ยงตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย กระบวนการนี้ใช้เวลา 2 ชั่วโมง หากเราออกกำลังกายหนักๆ ในช่วงนี้อาจทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ และเกิดอาการหน้ามืดเป็นลมหรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้
ซึ่งเหตุผลต่างๆ ที่กล่าวมาทำให้เราควรเลือกออกกำลังกายในตอนเย็น เพราะตอนเย็นร่างกายจะมีพลังงานสะสมอยู่มากจึงไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายและเป็นการเผาผลาญพลังงานที่ใช้ไม่หมดในแต่ละวันได้ด้วย โดยการออกกำลังกายแบบแอโรบิกตอนเย็น เช่น เดินบนสายพาน หรือขี่จักรยาน 30 นาที ร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟินออกมาทำให้ง่วงนอน คลายความเจ็บปวดและคลายเครียด ทำให้หลับสนิทได้ทั้งคืน เคล็ดลับคือหลังจากออกกำลังตอนเย็นเสร็จแล้วให้ค่อยๆ ดื่มน้ำจนรู้สึกอิ่ม จะทำให้ไม่หิวและไม่อยากกินอะไรอีก เมื่อถึงเวลาเข้านอนก็จะเหลือสารอาหารน้อยที่สุดตับก็ไม่ต้องทำงานหนักมากด้วย
ถ้าหากใครชอบอากาศสดชื่นในตอนเช้าควรรับประทานอาหารก่อนโดยเป็นอาหารเบาๆ เช่น แซนดวิช 1 ชิ้น กับเครื่องดื่ม 1 ถ้วย ซึ่งใช้เวลาย่อยประมาณ 1/2-1 ช.ม. แล้วค่อยออกกำลังกายแบบเบาๆ เช่น เดิน ซึ่งเป็นวิธีออกกำลังกายที่ดีที่สุด หรือถ้าไม่สามารถกำหนดเวลาได้จริงๆ มีเวลาว่างช่วงใดก็ออกกำลังกายได้เลย อย่าลืมว่าแค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกาย