ถ้าเอ่ยถึงกาแฟ เชื่อว่าทุกคนคงคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี ซึ่งทุกวันนี้ไม่ว่าจะไปยังที่ไหน ก็ดูเหมือนจะพบเห็นกาแฟสารพัดประเภทได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่กาแฟโบราณที่ชงในถุงไปถึงกาแฟสดที่ชงโดยใช้เครื่อง แต่เชื่อไหมว่า ครั้งหนึ่งกาแฟถูกมองเป็นเครื่องดื่มที่มีมลทิน จนพระสันตปาปาต้องทำพิธีล้างบาปให้
กาแฟถูกค้นพบโดยบังเอิญในตะวันออกกลางเมื่อหลายร้อยปีก่อน เมื่อฝูงแพะไปและเล็มลูกไม้ชนิดหนึ่งเข้าและมีอาการคึกคักเกือบตลอดขึ้น จนคนเลี้ยงสงสัยและติดตามพวกมันไปพบลูกไม้ดังกล่าว จากนั้นในเวลาต่อมา พวกเขาได้เรียนรู้ที่จะนำเมล็ดของมันมาคั่วบดและชงกับน้ำร้อน เพื่อใช้เป็นเครื่องดื่ม
หลังจากถูกค้นพบไม่นาน กาแฟก็เป็นที่นิยมในหมู่ชนมุสลิมและชนกลุ่มอื่นๆในตะวันออกกลาง โดยพวกนักพรตมุสลิมนิยมดื่มกาแฟเพื่อให้กระปรี้กระเปร่าและสามารถสวดคัมภีร์อัลกรุอ่านได้ทั้งคืนโดยไม่ต้องนอนหรือในบางแคว้นยุคนั้น สตรีมีสิทธิขอหย่ากับสามีได้ถ้าหากสามีของนางไม่หากาแฟมาให้นางดื่มอย่างเพียงพอ
เมื่อกาแฟมีความนิยมเป็นอย่างมาก ร้านกาแฟก็ผุดขึ้นแนดอกเห็ดและกลายเป็นที่ชุมชุมนุมสังสรรค์ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งเรื่องการเมืองด้วย (นี่เอง ที่มาของสภากาแฟ) จนร้านกาแฟกลายเป็นที่บ่มเพาะความคิดรุนแรง ทำให้ผู้มีอำนาจในนครเมกกะและไคโรพยายามออกกฏหมายห้ามการดื่มกาแฟแต่ก็ไม่สำเร็จ จนต้องยกเลิกไป
เมื่อกาแฟเข้าสู่ยุโรปในศตวรรษที่ 16 เหล่าบาทหลวงในวาติกันมองว่า กาแฟนี้เป็นเครื่องดื่มของซาตานที่พวกนอกรีตต่างศาสนาปรุงขึ้น พวกเขาจึงเห็นว่าควรสั่งห้ามไม่ให้ดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้ ทว่าหลังจาก สันตะปาปา คลีเมนต์ที่ 8 ได้ทรงชิมกาแฟแล้ว พระองค์ก็ทรงเห็นว่า เครื่องดื่มของพวกนอกรีตนี้มีรสชาติอร่อยเกินกว่าจะปล่อยให้พวกนอกศาสนาได้ดื่มแต่เพียงฝ่ายเดียวได้ ดังนั้นในเวลาต่อมา พระองค์จึงได้ทำพิธีล้างบาปให้กาแฟเสีย
นับจากสันตะปาปาสนับสนุนการดื่มกาแฟแล้ว เครื่องดื่มชนิดนี้ก็แพร่หลายและเป็นที่นิยมในยุโรปอย่างรวดเร็วก่อนที่กาแฟจะถูกแพร่ออกไปทั่วโลก จนกลายมาเป็นเครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้สำหรับคนจำนวนมากในปัจจุบันนี้