เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมัน หากเอ่ยชื่อนี้หลายๆคนอาจจะรู้จักเมืองนี้ผ่าน น้ำหอม โอ เดอ โคโลญจน์ (Eau de Cologne 4711) เลยเรียกเมืองนี้เป็นเมืองน้ำหอมโดยปริยาย ตัวเลข 4711 มาจากบ้านเลขที่ของผู้ผลิตน้ำหอมที่ทำกันยาวนานเกือบ 300 ปีเลยทีเดียว…

เมืองโคโลจญ์ หลังจากถูกทำลายอย่างราบคาบตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ตึกราบ้านช่องได้ถูกสร้างขึ้มมาใหม่ให้เป็นเมืองที่ทันสมัยอย่างที่เห็นในปัจจุบัน โดยมีมหาวิหาร โคโลญจน์ ( Kloener Dom) รอดพ้นจากการทำลายเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สองมาได้ด้วยดีและกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญประจำเมืองและเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวโคโลจญน์ สถาปัตยกรรมโกธิคของคริสต์ศาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้เป็นที่เก็บอัฐิของบรรดานักปราชญ์และภาพเขียนของสเตฟาน ล็อคเนอร์….

ถัดมาไม่ไกลที่สะพานข้ามแม่น้ำไรน์ และสถานนีรถไฟประจำเมือง  ที่สะพาน มุมสวยประจำเมืองถ่ายภาพแล้วได้ทั้งสะพานและยอดมหาวิหารโคโลญจน์ ซึ่งบรรดานักท่องเที่ยวมักจะไม่พลาดเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกประหนึ่งว่าเป็นช๊อตบังคับกันเลยทีเดียว….

หลังจากเดินเที่ยวเมืองจนเมื่อยแล้วลองล่องเรือชมเมืองสองฝั่งแม่น้ำไรน์กันดูบ้างอากาศสบายๆ ช่วงเดือนกรกฎาคมเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับการนั่งรับแดดชมเมืองแม้จะดูร้อนไปหน่อยสำหรับเจ้าบ้านแต่พี่ไทยเรานั้นสบายมากกับอากาศแค่ 28 องศา…

หลังจากตะลอนเที่ยวไปทั่วเมืองกินขนมปังมาก็หลายมื้อแล้ว คิดถึงอาหารไทยสุดๆ เป็นไงเป็นกันกัดฟันสั่งผัดไทยกุ้งสดที่ร้านอาหารไทยแถวใกล้ๆ ลานเบียร์ บริเวณนี้มีทั้งร้านอาหาร โรงแรม บ้านพักเก่าแก่อายุเป็นร้อยๆ ปี และร้านค้าสำหรับนักช๊อป และที่ขาดไม่ได้คือลองลิ้มชมเบียร์ประจำเมืองเบียร์ เคิลซ์ (kolsch) ที่มีขายตามบาร์เบียร์นับสิบๆ ร้านเรียงรายไม่ห่างจากท่าเรือล่องแม่น้ำไรน์...แต่ที่อิ่มใจสุดคงหนีไม่พ้นผัดไทยจานล่ะ 10 กว่ายูโร!!!สัญญาว่าต่อไปจะไม่บ่นสักคำแล้วว่าผัดไทยประตูผีที่บ้านเราแพงเกินไป…

เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมัน by Another Planet