สไนเปอร์มือพิฆาต 7 รายนี้อาจมิได้ทำสถิติสูงสุด แต่พวกเขาและเธอต่างได้รับการยอมรับว่าเป็นสไนเปอร์ที่เก่งกาจ สร้างความสูญเสียและความสะพรึงกลัวให้ศัตรู เป็นวีรบุรุษแห่งชาติ และโด่งดังที่สุดด้วยเหตุผลต่างกัน
อันดับ 7 Carlos Hath พันจ่าตรี คาร์ลอส แฮ็ธค็อก (93 ศพ)
แม้แฮ็ธค็อกจะครองแต่ตำแหน่งที่ 4 ในชาร์ตสไนเปอร์อเมริกัน แต่เขาคือคนดังที่สุด เหมือนแฮ็ธค็อกจะเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ หนุ่มบ้านนอกจากอาร์คันซอส์ หัดยิงปืนล่าสัตว์ช่วยครอบครัวตั้งแต่เด็ก และสมัครเป็นนาวิกโยธินตามความฝันด้วยวัย 17 ปี เขาชนะเลิศการแข่งยิงปืนหลายครั้ง และเมื่อ น.ย สหรัฐตัดสินใจให้มีสไนเปอร์มือดีประจำในทุกหน่วย แฮ็ธค็อกก็เป็นหนึ่งในนักแม่นปืนที่ถูกดึงตัวมาทำหน้าที่นี้ เพียง 3 ปี เขาสังหารทหารเวียดนามเหนือและเวียดกงไป 93 ศพ… และที่ไม่สามารถยืนยันอีก 200 เพราะหลายครั้งที่แฮ็ธค็อกบุกเข้าไปปฏิบัติการในเขตศัตรู จึงทำให้ไม่มีโอกาสเช็คความสูญเสียของฝ่ายตรงข้ามได้แน่ชัด เขาชอบเสียบขนนกขาวไว้ที่หมวก จนกลายเป็นฉายาประจำตัวว่า ‘ขนนกขาว’ ผู้สร้างความสูญเสียจนเวียดนามเหนือประกาศตั้งค่าหัวสูงถึง 30,000 เหรียญ (ค่าหัวสไนเปอร์อเมริกันรายอื่นไม่เคยสูงกว่า 20,000 เหรียญ) และส่งสไนเปอร์มือเยี่ยมที่เคยฆ่าจีไอเพียบมากำจัด แต่กลับเป็นฝ่ายถูกแฮ็ธค็อกยิงทะลวงผ่านกล้องเล็งเข้าแสกหน้าตายคาที่
ตำนานของเขายังมีอีกมาก เช่นบุกเดี่ยวคืบคลานฝ่าวงล้อมของการ์ดและสุนัขสงครามเข้าไปยิง ผบ. กองพลเวียดนามเหนือ… แน่นอน นัดเดียวดับ!
หรืออีกครั้งหนึ่ง เขาและคู่หูอีกคนค่อยๆ ลอบยิงทหารเวียดนามเหนือตายทีละรายอย่างช้าๆ จนเกลี้ยงทั้งกองร้อยในเวลา 5 วัน หากไม่ได้รับบาดเจ็บจากการช่วยเพื่อนทหาร 7 คนซึ่งถูกกับระเบิด เขาอาจเป็นเจ้าของสถิติสังหารสูงสุดของอเมริกันก็ได้
หลังปลดประจำการ แฮ็ธค็อกทำหน้าที่เป็นครูฝึกสไนเปอร์ให้นาวิกโยธิน ตำรวจ และหน่วย SWAT โดยไม่รับเงินตอบแทน เขาพูดถึงงานสไนเปอร์ว่า “ผมชอบยิงปืน ชอบล่าสัตว์ แต่ผมไม่เคยสนุกในการฆ่าคนสักครั้ง แต่มันเป็นหน้าที่ ถ้าผมไม่ฆ่าพวกริยำนั่น มันก็จะฆ่าไอ่หนูในเครื่องแบบนาวิกโยธิน… ผมมองอย่างนั้น”
อันดับ 6 Adelbert Waldron จ่าสิบตรี อเดลเบิร์ต วาลดรอน (109 ศพ)
สไนเปอร์เจ้าของสถิติสังหารสูงสุดตลอดกาลของสหรัฐ ไม่ค่อยมีการเปิดเผยเรื่องราวของเขามากนัก นอกจากจำนานที่บันทึกไว้ว่า วาลดรอนไม่เพียงแต่จะทำสถิติสูงเท่านั้น หากยังมีความรวดเร็วและแม่นยำเหนือมนุษย์ ดังที่ พันเอกไมเคิล แลนนิ่ง ผู้เคยเห็นฝีมือเฉียบขาดของวาลดรอนเขียนไว้ใน Inside the Crosshairs: Snipers in Vietnam ว่า “บ่ายวันหนึ่ง ขณะที่เราล่องเรือในแม่น้ำโขง สไนเปอร์ข้าศึกคนหนึ่งซุ่มยิงจากบนฝั่ง ในขณะที่ทหารคนอื่นๆ บนเรือต่างแตกตื่น จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าศัตรูซ่อนอยู่ไหน วาลดรอนหยิบปืนขึ้นเล็งยิงเวียดกงคนนั้นตกจากยอดมะพร้าวด้วยกระสุนเพียงนัดเดียวจากระยะ 900 เมตร และยิงขณะอยู่บนเรือซึ่งเคลื่อนที่อีกด้วย นี่แหละฝีมือสไนเปอร์มือดีที่สุดของเรา”
อันดับ 5 Billy Sing พลฯ บิลลี่ ซิง (201 ศพ)
วีรบุรุษแห่งออสเตรเลียคนนี้เป็นลูกครึ่งจีน-อังกฤษ เคยเป็นพรานล่าจิงโจ้และนักยิงปืนฝีมือเยี่ยมของท้องถิ่นก่อนสงคราม ต่อมาเขาสมัครเข้ารบในสังกัดกรมทหารม้าที่ 5 ของออสเตรเลีย สร้างชื่อเสียงโด่งดังในสมรภูมิกัลลิโปลี (1915-16) เมื่อซิงซุ่มยิงดับชีพทหารตุรกีเป็นว่าเล่น ฝ่ายตุรกีมีสไนเปอร์มือเยี่ยมเช่นกันผู้เป็นที่รู้จักในนาม ‘อับดุลจอมอำมหิต’ อับดุลจึงถูกส่งมาเพื่อเก็บซิงให้ได้ และการดวลระหว่างสองสุดยอดสไนเปอร์จึงบังเกิด แม้อับดุลจะทำการบ้านศึกษาวิธีเคลื่อนไหวและการยิงของซิงมาอย่างดี แต่เมื่อถึงคราวเผชิญหน้ากัน ซิงกลับเป็นฝ่ายที่เห็นอับดุลก่อน เมื่ออับดุลยกปืนขึ้นประทับบ่า กระสุนนัดเดียวจากซิงก็พุ่งทะลุหว่างตาอับดุลพอดี ปิดตำนานสไนเปอร์มือ 1 ของตุรกีที่สร้างความหวาดผวาในหมู่ทหารออสเตรเลียมานานลงในวันนั้น เบ็ดเสร็จเฉพาะที่ตุรกี ซิงสังหารไป 201 ศพ
ต่อมาซิงถูกส่งไปเป็นที่ปรึกษาหน่วยสไนเปอร์ของฝ่ายสัมพันธมิตรในยุโรป (เขาอาจทำสกอร์เพิ่มขึ้นในยุโรปอีกก็ได้ แต่ไม่มีการบันทึกไว้)
เขาได้นับอิศริยาภรณ์ชั้นสูงของอังกฤษและเบลเยี่ยม กลายเป็นวีรบุรุษแห่งออสเตรเลีย แต่เมื่อสงครามยุติ ซิงก็ค่อยๆ ถูกลืม กลายเป็นแค่คนงานเหมืองผู้ยากไร้ และตายอย่างยากจนและเดียวดาย ด้วยวัยเพียง 57 ปี
อันดับ 4 Vasily Zaitsev ร้อยเอก วาสิลี ไซเซฟ (242 ศพ)
ตำนานสไนเปอร์โซเวียตผู้นี้ถูกนำมาทำเป็นหนังสงครามสุดมันส์ Enemy at the gates ทำไมไซเซฟถึงเป็นสไนเปอร์ที่โด่งดังที่สุด ทั้งที่สไนเปอร์รัสเซียอีกหลายสิบรายทำสถิติสังหารสูงกว่าเขา นั่นเป็นเพราะเขาสร้างชื่อในสมรภูมิสตาลินกราดขณะที่รัสเซียกำลังย่ำแย่ เด็กหนุ่มจากเทือกเขาอูราลยิงเยอรมันร่วงเป็นว่าเล่น สร้างความเสียขวัญและปั่นป่วนให้ศัตรูอย่างหนัก รัสเซียจึงฉวยโอกาสประโคมข่าวความสำเร็จของ ‘กระต่ายป่า’ ฝ่ายเยอรมันยิ่งหวาดผวาเมื่อรู้ว่าอาจตกเป็นเป้าของไซเซฟและทีมสไนเปอร์ที่เขาฝึกได้ทุกขณะ หนัง Enemy at the gates และนิยายอิงประวัติศาสตร์ War of the rats ช่วยใส่สีตีไข่เพิ่มจากข่าวโปรปากันด้าของรัสเซียยิ่งขึ้นไปอีกว่า เมื่อฝ่ายเยอรมันสูญเสียมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดต้องขอตัวอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสไนเปอร์เยอรมัน พันตรี เออร์วิน โคนิก (หนังสือ WOTR ระบุชื่อ พันตรี ไฮนซ์ ธอร์วาลด์ แห่งหน่วย SS) มาจัดการไซเซฟโดยเฉพาะ จอมสไนเปอร์เยอรมันมีฝีไม้ลายมือและความแยบยลไม่แพ้กัน และเด็ดชีพลูกน้องไซเซฟไปหลายราย ทั้งคู่คุมเชิงกันอยู่หลายวันจนถึงครั้งชี้ชะตา ต่างซุ่มรอจังหวะให้ศัตรูพลาดอยู่เกือบสามวัน ไวเวฟมั่นใจว่าโคนิกน่าจะซ่อนอยู่ในหลุมที่มีแผ่นเหล็กและเศษอิฐปกคลุม เขารอจนถึงตอนเที่ยงของวันที่สาม แสงอาทิตย์ส่องมากระทบกล้องเล็งของโคนิกจนเกิดแสงสะท้อน ทำให้ไซเซฟและคูลิคอฟสไนเปอร์คู่หูรู้ตำแหน่งที่โคนิกซ่อนตัว คูลิคอฟค่อยๆ ยกหมวกชูสูงขึ้นเหนือที่กำบัง โคนิกลั่นไก คูลิคอฟแสร้างทำเป็นถูกยิงและร้องโหยหวน โคนิกชะล่าใจคิดว่าเก็บไซเซฟสำเร็จแล้ว จึงค่อยๆ โผล่มาจากที่ซ่อน และวินาทีนั้นเองไซเซฟก็ลั่นไกเปรี้ยงทะลุหัว ดับชีพจอมสไนเปอร์นาซีในทันใด
อย่างไรก็ตาม หลังจากนักประวัติศาสตร์หลายรายตรวจสอบทั้งทางฝ่ายเยอรมันและรัสเซีย ไม่พบว่าเคยมีการส่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสไนเปอร์ไปที่นั่น และไม่เคยมีพันตรีชื่อ โคนิก/ธอร์วาลด์ ในหน่วยสไนเปอร์ หลักฐานฝ่ายรัสเซียก็ไม่มีการบันทึกชัดเจน ดังนั้นตำนานการดวลสะท้านโลกครั้งนั้น น่าจะเป็นข่าวโปรโมตความสำเร็จของไซเซฟ โดยรัสเซียแน่นอน แม้ไซเซฟจะเคยฆ่าสไนเปอร์เยอรมันไป 11 ราย แต่ก็ไม่ใช่อาจารย์ใหญ่ หรือสไนเปอร์มือ 1 อย่างที่เข้าใจกัน
อันดับ 3 Lyudmila Pavlichenko พันตรี ลุดมิลา พาฟลิวเซงโก (309 ศพ)
สไนเปอร์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ หนึ่งในสไนเปอร์หญิงกว่า 2,000 คนของโซเวียตในสงครามโลกครั้งที่ 2 (ซึ่งรอดมาได้เพียง 500 คนเท่านั้น) เมื่อเยอรมันบุกโซเวียต สาวตาคมชาวยูเครนผู้นี้ดร็อปเรียนปี 4 และอาสาเข้าร่วมรบทันที เพราะเธอเป็นนักยิงปืนที่ผ่านการฝึกมาร่วมสิบปี จึงถูกส่งไปเป็นสไนเปอร์ในกองพลทหารราบที่ 25 เธอใช้เวลาเพียง 2 เดือนครึ่งดับชีพทหารเยอรมันไปเกือบ 200 คน ตอนที่เธอได้รับบาดเจ็บในปี 1942 และถูกย้ายมารักษาตัว ไม่ต้องออกแนวหน้าอีกนั้นเธอทำยอดสังหารศัตรูไปถึง 309 รายแล้ว (เป็นสไนเปอร์ 36!) ต่อมาเธอได้กลายเป็นครูฝึกสไนเปอร์ และได้รับการยกย่องให้เป็นวีรสตรีแห่งสภาพโซเวียตอีกด้วย!
อันดับ 2 Matthaus Hetzenauer สิบตรี มัทเธอุส เฮ็ตเซ่นเนาเออร์ (345 ศพ)
มือพิฆาตแห่งกองพลทหารภูเขาที่ 3 เยอรมันจากเทือกเขาไทโรลในออสเตรีย ผ่านคอร์สสไนเปอร์ด้วยวัย 19 ปี แล้วเริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่กลางปี 1944 จนถึงสิ้นสงคราม ปลิดชีพทหารรัสเซียไปถึง 345 ราย ภายในสิบเดือนเศษได้รับกางเขนอัศวิน อิสริยาภรณ์ชั้นสูงของเยอรมันเป็นรางวัล เขายังทำสถิติน่าทึ่งซึ่งมีทหารเยอรมันแค่ 3 คน ทำได้คือ ทั้งทำลายรถถังด้วยอาวุธขนาดเล็กในระยะประชิด และใช้ปืนไรเฟิลยิงเครื่องบินตกอีกลำ! ระยะหวังผล 400 เมตร เล็งหัวไม่มีพลาด ระยะ 1,100 เมตรนั้น เขาก็เคยยิงสำเร็จมาแล้ว แทบไม่เคยยิงเกิน 1 นัดต่อครั้ง นายทหารพลปืนกล พลปืนใหญ่คือเป้าหมายโปรด เขาเชื่อว่าการวางแผนอันรอบคอบคือสิ่งที่ทำให้สไนเปอร์ประสบความสำเร็จ
อันดับ 1 Simo Hayha ร้อยตรี ซิโม เฮาเฮะ (505 ศพ)
เจ้าของฉายา ‘มฤตยูขาว’ แห่งฟินแลนด์เป็นสไนเปอร์อีกรายที่เคยเป็นพรานป่ามาก่อน เมื่อรัสเซียรุกรานบ้านเกิด เฮาเฮะจึงอาสาสมัครเข้ารบทันที ภายใต้สภาพอากาศ -40 องศา และภูมิประเทศทุรกันดารซึ่งเขาคุ้นเคยและใช้เป็นข้อได้เปรียบ เฮาเฮะเก็บทหารรัสเซียเป็นว่าเล่นถึง 505 ราย (ไม่ยืนยันอีก 37 ราย และฆ่าด้วยปืนกลอีก 200 ราย) ใน 13 สัปดาห์ ซึ่งนั่นหมายความว่า เขายิงทหารรัสเซียเฉลี่ยวันละ 5 ราย!!! เฮาเฮะไม่เคยใช้กล้องเล็งช่วย ใช้แค่ความชำนาญล้วนๆ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องหยุดรักษาตัวในปี 1940 และได้รับเลื่อนยศรวดเดียวจากสิบโทเป็นร้อยตรี ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ฟินแลนด์ เฮาเฮะคือวีรบุรุษแห่งชาติ และเป็นหนึ่งในพลแม่นปืนที่มีส่วนทำให้โซเวียตผู้รุกรานต้องสูญเสียทหารถึงล้านคน ในขณะที่ฝ่ายฟินแลนด์นั้นตายแค่ 25,000 คนเท่านั้น