ท่ามกลางความเจริญติดอันดับโลกของประเทศฮ่องกงและญี่ปุ่น ซึ่งต่างขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของคนทั่วโลก เพราะต่างก็เป็นทั้งแหล่งช๊อปปิ้ง แหล่งของกินเลิศรส ศูนย์รวมเศรษฐกิจและแลนด์มาร์คที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลายล้านคนต่อปี แต่อีกมุมหนึ่งของประเทศก็แฝงด้วยความเสื่อมโทรมที่ยากเกินเยียวยา อันเป็นวิถีชีวิตของคนในประเทศ ฮ่องกงที่ได้ชื่อว่าเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญหนึ่งของโลก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสน่ห์อย่างหนึ่งของฮ่องกงคือความแออัดอันเนื่องมาจากพื้นที่จำกัดในขณะที่ตัวเลขประชากรที่สวนทางกัน
ในอดีตฮ่องกงมี "เกาลูน วอลล์ ซิตี้" Kowloon Walled City เขตที่อยู่อาศัยที่ถูกขนานนามให้เป็น "สลัมลอยฟ้า" ซึ่งเคยมีคนอาศัยอยู่อย่างแออัดกว่าล้านคน ในพื้นที่เพียง1 ตารางกิโลเมตร จึงลืมเรื่องความศิวิไลซ์หรือความสะดวกสบายในอุดมคติไปได้เลย เด็กใช้ดาดฟ้าเป็นสนามเด็กเล่น และหลายส่วนของเมืองก็ไม่เคยถูกแสงแดดเลย เมืองย่อมๆนี้มีตั้งแต่ที่อยู่อาศัย โรงงาน ร้านชำและคลินิกเถื่อน ความแออัดนี้จึงนำไปสู่ปัญหาคุณภาพชีวิตและอาชญากรรมมากมาย จนทางการฮ่องกงสั่งทำลายสลัมลอยฟ้านี้ในปี 1993 เพื่อพัฒนาและป้องกันความปลอดภัยของผู้อาศัยในเขตนี้ยามเกิดอัคคีภัยและภัยธรรมชาติ เพราะความแออัดที่ว่าทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือหากเกิดเรื่องได้เลย หลังทำลายทางการจึงสร้างเป็นสวนสาธารณะใหญ่ชื่อ "Kowloon Walled City Park" แต่ความแออัดของอพาร์ทเมนท์ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ทั่วฮ่องกงอยู่ดี เพียงแต่ไม่เสื่อมโทรมและแออัดเท่าสลัมลอยฟ้าที่ว่า
เด็กต้องใช้ดาดฟ้าเป็นสนามเด็กเล่น
คลีนิกหมอฟันเถื่อนเป็นที่นิยมของคนในเมืองย่อมๆนี้
โรงงานผลิตอาหารที่ผิดสุขลักษณะ
เกาลูน วอลล์ ซิตี้จากมุมสูง ที่ดูเหมือนขยะกระป๋องอัด
ปัจจุบันได้กลายเป็นสวนสาธารณะประจำประเทศไปแล้ว
ปัจจุบันชาวฮ่องกงส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ในอพาร์ตเมนท์ที่มีขนาดต่างกันออกไป คนจำนวนมากต้องอาศัยในห้องที่คล้ายห้องขังขนาดไม่ถึง 30 ตร.ม. แต่กลับต้องอยู่กันทั้งพ่อ แม่ และลูก มีข้าวของทุกอย่างที่บ้านหลังหนึ่งพึงมีโดยวางซ้อนกันอย่างที่เห็น แย่ไปกว่านั้นบางคนต้องอยู่"บ้าน"ที่มีเนื้อที่เพียงแค่"กรงเหล็ก"เท่านั้น หากใครเคยเยือนฮ่องกงคงได้เคยสัมผัสมาบ้าง
อพาร์ตเมนท์ในฮ่องกงในปัจจุบัน
ในขณะที่ประเทศที่ได้ชื่อว่าเจริญสุดๆอย่างญี่ปุ่นนั้นก็ไม่ต่างกัน ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีประชากรเยอะสวนทางกับพื้นที่ที่น้อยเช่นเดียวกันกับฮ่องกง สำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันในช่วงเวลาเร่งรีบนั้นคำว่าแน่นยังเบาเกินไปกับสภาพที่เกิดขึ้น เพราะผู้โดยสารจะถูกเจ้าหน้าที่ผลักยัดเข้าไปราวกับยัดนุ่นใส่หมอน อย่างที่ทราบกันว่าคนญี่ปุ่นนั้นเคร่งเครียดและมีการแข่งขันสูง จึงใช้เวลานอนหลับพักผ่อนในช่วงกลางคืนเพียงไม่กี่ชั่วโมง และเมื่อพวกเค้าสบโอกาสที่จะงีบหลับได้ จึงต้องรีบคว้าเอาไว้ก่อน เราจึงได้เห็นคนยืนหลับบนรถไฟโดยที่มือข้างหนึ่งจับราว ปากอ้าหวอ หรือไม่ก็พิงเสาแล้วโค้งตัวเมื่อหลับลึกขึ้น บางคนถึงขั้นนอนพาดลงที่นั่งข้างๆเมื่อรถว่าง ข้าวของกระจัดกระจาย หรือแม้แต่ยืนหลับใบหน้าเบียดบี้ไปกับกระจกรถ โดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะล้มลงไป เพราะคนที่เบียดช่วยพยุงร่างเอาไว้จนเป็นภาพชวนหัวเราะอย่างที่เห็น
ข