แม้จะการเมืองไทยจะผ่านเมษาฯ ที่ว่าร้อนมาได้ แต่ก็เต็มไปด้วย เชื้อปะทุที่พร้อมลุกเป็นไฟ ลนให้การเมืองเดือดในเดือนพฤษภาคม
เดือนที่เชื่อกันว่า อาถรรพณ์ ตั้งแต่พฤษภาทมิฬ 2535 จนมาถึง พฤษภาคม 2553 ที่มีความพยายามปลุกกระแส "ทุ่งสังหาร ราชประสงค์"
ประกอบกับผลจากความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่รุกรบ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่เชื่อกันว่า เป็นใบสั่งจาก "นายใหญ่แห่งดูไบ" รวมทั้งการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา และ พ.ร.บ.ปรองดอง ที่จ่อคิวรอจังหวะอยู่ ที่จะทำให้การเมืองยิ่งร้อน
ไม่นับรวม ปาฐกถาที่มองโกเลีย ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ตามมาซึ่งความขัดแย้งอย่างรุนแรงในสังคม ทั้งกรณีของ ชัย ราชวัตร เฟซบุ๊ก โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร และ อดีตแอร์สาว คาเธ่ย์แปซิฟิค
"เต้น" ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็ถึงขั้นมองว่า มีความพยายามจะสร้างความวุ่นวายให้ม็อบชนม็อบ เพื่อเปิดช่องให้มีการใช้อำนาจนอกระบบ ซึ่งก็หมายถึงการรัฐประหาร
รวมทั้งก่อนหน้านี้ "บิ๊กปุ้ม" นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาฯ นายกฯ ก็สงสัยว่า ยังมีความพยายาม และสบหาโอกาส ที่ก่อการรัฐประหาร อยู่เสมอ แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นทหารกลุ่ม ขั้วไหน แต่มีข่าวความเคลื่อนไหวเสมอๆ
แถมจนวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ยังไม่เคยวางใจในอำมาตย์ แม้ว่า จะมีความใกล้ชิดและสัมพันธ์ที่ดีกับ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ก็ตาม แต่อำมาตย์ก็ไม่ยังตาย และยังเคลื่อนไหวอยู่
จึงไม่แปลกที่ เมื่อในช่วงเดือนพฤษภาคมมีการเคลื่อนกำลังทหารพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ รถถัง ของหน่วยปฏิวัติ อย่าง กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) และ กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (พล.ปตอ.) และอีกหลายหน่วย ที่มีการฝึกภาคกองพัน ที่ลพบุรี มีการเคลื่อนพลออกจากกรุง และกลับเข้ากรุง ก็เล่นเอาประชาชนแตกตื่น
แถมทั้งมีทหารแต่งเครื่องแบบลายพราง ชุดฝึก ไปปรากฏตัว ยืนรอบฝั่งตรงข้ามวังสวนจิตรลดา เกือบทุกด้าน ไม่นับรวมในหลายจุดใน กทม. หรือแม้บางที ก็มีรถจี๊ปทหาร พร้อมทหาร ไปจอดซุ่มอยู่ตรงนั้นตรงนี้
สังคมไทย อ่อนไหวต่อข่าวลือการปฏิวัติรัฐประหารมาช้านาน แม้แต่ปัจจุบันก็จึงยังคงมีข่าวลือการรัฐประหาร อยู่เสมอๆ โดยเฉพาะในช่วงนี้
นัยว่า มีการคิดและวางแผนที่จะก่อการ ในราวเดือนสิงหาคม-กันยายน นี้ อันเป็นช่วงที่จะมีการแต่งตั้งโยกย้ายทหารใหญ่ และการตัดสินคดีเขาพระวิหารของศาลโลก ที่เชื่อกันว่าจะวุ่นวายด้วยนั่นเอง
แถมทั้งมีข่าวลือและการคาดการณ์กันว่า อาจมีการโยกย้าย บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. ไปเป็นปลัดกลาโหม และย้าย บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ไปเป็น ผบ.สส. อันอาจทำให้มีผู้คิดก่อการยึดอำนาจ
แถมปรากฏมีข่าวเม้าธ์กันสนั่นกองบัญชาการกองทัพไทยในหมู่นายทหารแตงโม ถึงความเคลื่อนไหวแปลกๆ
ทั้งการมีเฮลิคอปเตอร์มาลงจอดที่ดาดฟ้าของตึก บ.ก.กองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ ทุกๆ เช้าเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อลำเลียงสิ่งของบางอย่างลงจาก ฮ. แต่ระหว่างลำเลียงมีการนำสังกะสีมาล้อมบังเอาไว้ แถมมีการนำรถตู้วิ่งมารอรับสิ่งของบางอย่างนั้นด้วย
ทั้งนี้ เพราะ บ.ก.กองทัพไทย มีเฮลิคอปเตอร์ Bell 412 EP ของกรมแผนที่ทหาร ที่ซื้อในสมัย บิ๊กตุ้ย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ เป็น ผบ.สส.
แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าบินมาภารกิจใด อาจมาส่ง-รับ บิ๊กคนไหน หรือตัว พล.อ.ธนะศักดิ์ เอง ที่ไปเรียนขับเครื่องบินของ ทอ. มาแล้ว อาจจะใช้ ฮ. ในภารกิจต่างๆ
แต่ก็ทำให้เกิดข่าวเม้าธ์
โดยเฉพาะเมื่อ พล.อ.ธนะศักดิ์ ที่ถูกมองว่าเป็นทหารศักดินา และได้ชื่อว่าเป็น ทหารเสือฯ คนสำคัญ และเป็นคนที่เงียบ นิ่ง ทำอะไรเงียบๆ ลับๆ ไม่ค่อยชอบออกสื่อ ไม่คบหา ไม่ค่อยพูดคุยกับสื่อ ก็ยิ่งทำให้เขากลายเป็นคนลึกลับ
ที่สำคัญกว่านั้นคือ พล.อ.ธนะศักดิ์ เคยเป็น ผบ.ร้อย ลว.ไกล พล.1 รอ. เป็นทหารรบพิเศษ และเป็น ผบ.กองพันจู่โจม หน่วยล่าสังหาร คนแรก และยังเป็น ผบ.ศปก.ต่อต้านการก่อการร้ายสากล ที่ทำให้เขามีความสนใจเรื่องการปฏิบัติการพิเศษ และมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับทหารรบพิเศษของทั้งสามเหล่าทัพ ทั้งรบพิเศษ หน่วยรีคอน หรือหน่วยซีล ของ ทร. ที่เขาเคยไปร่วมงานพบปะพวกนี้ด้วยตนเองมาแล้ว รวมทั้งหน่วยคอมมานโดของ อากาศโยธิน กองทัพอากาศ ที่ก็ยิ่งทำให้เขาดูน่าเกรงขาม และน่าจับตามอง
ยิ่งเมื่อรวมกับข่าวเม้าธ์ของทหารแตงโมใน บ.ก.ทัพไทย ว่า สิ่งของบางอย่างที่ ฮ. ขนมาที่ บ.ก.ทัพไทย นั่นคืออะไรด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นการทำให้ข่าวปฏิวัติยิ่งสะพัด
รวมทั้งข่าวการเสริมเกราะเหล็กที่ห้องทำงานที่ชั้น 6 บ.ก.กองทัพไทย ของ พล.อ.ธนะศักดิ์ เพื่อเตรียมพร้อมไม่ประมาท หากเกิดการปฏิวัติรัฐประหารใดๆ ขึ้นมาอีก เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 ที่มีการยึด บ.ก.ทัพไทย และขังบริเวณ ผบ.สส. ในสมัยนั้น
ทั้งๆ ที่อาจจะเป็นแค่การปรับปรุงภายในเท่านั้น แต่คนที่ไม่มีอำนาจในการขึ้นไปที่ชั้น 6 ก็นำมาเม้าธ์กันสนั่นที่ก็ยิ่งทำให้ ข่าวลือปฏิวัติหนาหูขึ้น
แถมทั้งก่อนหน้านี้มีข่าวมาตลอดว่า พล.อ.ธนะศักดิ์ เคยพูดไม่เข้าหู น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเขาพระวิหาร เรื่องเขมร เรื่องที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ให้ความสำคัญมากที่สุด และเชื่อกันว่า เขาจะเป็นหลักและมีบทบาทสำคัญ หากศาลโลกตัดสินให้ไทยต้องเสียดินแดนรอบปราสาทเขาพระวิหารให้เขมรเพิ่มขึ้น ในปลายปีนี้
รวมทั้งข่าวที่ว่า นายกฯ หญิง เคยเอาไปเล่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นพี่ชายฟังมาแล้ว เพราะฝ่ายนี้ก็มองว่า พล.อ.ธนะศักดิ์ เป็นแกนนำฝ่ายอำมาตย์อยู่แล้วด้วย
แต่ทว่า แหล่งข่าวใกล้ชิดยืนยันข่าวลือที่เกิดขึ้น อาจเพราะมีคนอยากจะให้มีการเด้ง พล.อ.ธนะศักดิ์ ไปเป็นปลัดกลาโหม แทน บิ๊กเล็ก พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ที่จะเกษียณกันยายนนี้ก็เป็นได้
ที่มองข้ามไม่ได้ คือเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ แอ่นอกพร้อมที่จะถูกโยกย้าย ขยับขึ้นเป็น ผบ.สส. เมื่อถูกวิจารณ์ว่า เปลี่ยนไป ไม่กล้าแตะต้องหรือวิจารณ์นายกรัฐมนตรี เพราะกลัวถูกย้าย
"ทำไม แล้วตำแหน่ง ผบ.สส. เป็นยังไง มันเลวร้ายมากหรือ ทุกตำแหน่งมีเกียรติ ไม่ว่าจะเป็นอะไร ปัญหาขึ้นอยู่กับว่า เป็นแล้วสบายใจ หรือเป็นแล้วได้ทำหน้าที่ของตัวเองหรือเปล่า จะให้ผมถอยหลัง ไม่ได้แล้ว เพราะผมมาเป็น ผบ.ทบ. แล้ว คงจับผมถอยหลังไปไม่ได้" บิ๊กตู่กล่าว
ด้วยเพราะกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เอาเรื่องปฏิวัติและทหารปราบเสื้อแดงไปปาฐกถาที่มองโกเลียนั้น ถูกจับตามองว่า กองทัพจะมีปฏิกิริยาอย่างไร โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาตลอด ที่มีข่าวสะพัดว่าออกจะงอนๆ อยู่บ้าง
แต่กลับมีคำถามที่ว่า "ดิสเครดิตทหาร" ออกมาจากปาก บิ๊ก ทบ. บางคน เลยทีเดียว
แต่สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงเลือกที่จะไม่แสดงความเห็นหรือวิจารณ์
"การที่นายกฯ ท่านจะพูดพาดพิงถึงกองทัพ ก็เป็นเรื่องของท่าน เพราะท่านเป็นผู้นำประเทศจะไปพูดอะไรที่ไหนพูดได้ ก็เป็นเรื่องที่พวกเราก็แสดงความคิดเห็นกันไป ต้องเข้าใจว่า ทหารต้องอยู่ในจุดที่ต้องอยู่ และเราเป็นข้าราชการประจำ อย่าบอกว่า ไม่พูดเพราะอย่างนั้น อย่างนี้ หรือเพราะกลัว ถ้าอย่างนี้จะทำให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย" พล.อ.ประยุทธ์ ออกตัว
อีกทั้ง เหตุการณ์ราชประสงค์เมื่อปี 2553 นั้น บิ๊กตู่ ยืนกรานว่า อย่าไปเรียกว่า ทหารไปปราบ เพราะปราบคือต้องเอาปืนเข้าไปยิงเลย แต่เป็นการบังคับใช้กฎหมาย เดี๋ยวจะบอกอีกว่า ผมพูดให้ดูดีแต่สุดท้ายก็ตาย เหมือนกันแหละ อะโธ่... แต่ถามว่า มีทหารตายด้วยหรือเปล่า ซึ่งต้องไปหากันว่า ใครผิดหรือถูก อย่ามาดิสเครดิตกันวันนี้
แต่กรณีนี้ก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เผยว่า ทำให้ตนเองถูกวิจารณ์ว่า ผบ.ทบ. เปลี่ยนไปแล้ว
"ผมเปลี่ยนตรงไหน ผมเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ ผมก็เป็นผม แต่จากการที่ผมเป็นผู้นำองค์กรที่ใหญ่พอสมควร ผมต้องยืนหยัดในจุดที่ถูกต้อง รักษากำลังพลให้อยู่ในกรอบวินัย"
"การแสดงความคิดเห็นต่างๆ ถ้าผมเป็นนายนั่น นายนี่ ผมพูดได้ แต่เมื่อเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ผมพูดอะไรไม่ได้มากนักเพราะเป็นข้าราชการประจำ ต้องเข้าใจ ไม่ใช่บอกว่า ผมเปลี่ยนแปลงไปเพราะผมกลัว รักษาตำแหน่ง ไม่จำเป็น เรื่องตำแหน่งจะเอาเมื่อไรก็เอาไป ผมไม่ได้อยากได้อยู่แล้ว แต่จำเป็นต้องรักษาตำแหน่งนี้ไว้ในการปกครองบังคับบัญชาทหารทำหน้าที่ต่างๆ แล้วจะมาทำลายกองทัพ ทำลายผมทำไม แล้วอีกหน่อยจะมีใครไปดูแล ไม่ใช่ว่า ผมจะอยู่จนไม่มีวันสิ้นสุด เดี๋ยวผมก็เกษียณ เดี๋ยวก็ปรับย้ายอะไรกันไป"
พล.อ.ประยุทธ์ ระบายความในใจ
สิ้นเสียง พล.อ.ประยุทธ์ คำรามที่หน้า บก.ทบ. เมื่อเย็นวันที่ 7 พฤษภาคม เสียงซุบซิบก็ลั่น ทบ. เลยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ถอดใจ พร้อมที่จะไปเป็น ผบ.สส. แล้ว หรืออาจเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างของการเปลี่ยนม้ากลางศึก
ประการหนึ่งคือ นั่นหมายถึงว่า พล.อ.ธนะศักดิ์ จะต้องขยับไปเป็น ปลัดกลาโหม ตามที่ลือกันจริง
อีกประการหนึ่ง หมายถึง อาจมีการตั้ง ผบ.ทบ.คนใหม่ ในการโยกย้ายปลายปีนี้เลย จากที่ต้องรอให้ พล.อ.ประยุทธ์ เกษียณ กันยายน 2557 เป็น ผบ.ทบ. 4 ปีเสียก่อน
ต้องยอมรับว่า ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้บรรดาแคนดิเดต ผบ.ทบ. มีความหวังกันขึ้นมาที่จะได้นั่งเป็น ผบ.ทบ. เร็วขึ้น หรือบางคนไม่มีสิทธิ์จะได้เป็น เพราะเกษียณพร้อม พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีความหวังขึ้นมา
ทั้ง "บิ๊กนมชง" พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ เพื่อนรัก ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เกษียณ 2558 และถูกมองว่า เป็น หมัดเด็ดที่ พล.อ.ประยุทธ์ เอาไว้สู้ หากว่าเขาต้องขยับไปเป็น ผบ.สส. จริงๆ
ขณะที่ความแรงของ บิ๊กอ๋อย พล.อ.จิรเดช โมกขะสมิต ผช.ผบ.ทบ. แห่ง ตท.13 ที่เป็นม้ามืดมาตลอด ก็ไม่อาจมองข้าม แม้จะเกษียณ 2557 แต่เพราะมีความใกล้ชิดกับ บิ๊กโอ๋ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม และแกนนำในพรรคเพื่อไทย แถมทั้งยังเป็นวงศ์เทวัญพันธุ์แท้ ที่มีแรงหนุนให้ขึ้นชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. กับบูรพาพยัคฆ์ และทหารเสือราชอนี ที่ครองเก้าอี้มาหลายยุค
แต่ที่แน่ๆ เต็งหนึ่งอย่าง บิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสธ.ทบ. แห่ง ตท.14 ที่เกษียณ 2558 นั้น ก็ต้องเบียดกับ บิ๊กบี้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ผช.ผบ.ทบ. รุ่นพี่ ตท.13 ที่ไม่ธรรมดา ด้วยเพราะ พล.อ.ศิริชัย ทำงานใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ มานาน ในหลายวิกฤติ และเป็นน้องรักในสาย บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม ด้วยกัน
ที่สำคัญ พล.อ.ประวิตร นั้นฝากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดูแล พล.อ.ศิริชัย มาตลอด จนขึ้นถึงห้าเสือ ทบ. แต่เขาเสียเปรียบตรงที่เติบโตมาในฝ่ายอำนวยการ ไม่ได้เป็น ผบ.หน่วยกำลังรบ อย่าง พล.อ.อุดมเดช ที่เป็นทหารเสือฯ และโตมาในสายกำลังรบมาตลอด
แม้ว่า โดยตำแหน่ง เสธ.ทบ. และ เลขาฯ กอ.รมน. จะทำให้ พล.อ.อุดมเดช ได้ทำงานใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จนกลายเป็นที่คุ้นเคย แต่ทว่า พล.อ.ศิริชัย นั้นมี พล.อ.ประวิตร อยู่ทั้งคน แล้ว พล.อ.ประวิตร ก็ยังรักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ คุณหญิงอ้อ พจมาน ดามาพงศ์ ไปมาหาสู่อยู่เสมอ
นี่จึงเป็นความไม่ธรรมดาของ พล.อ.ศิริชัย ที่ก็ถือว่าโตมาในสายบูรพาพยัคฆ์...
แต่ทว่า ท่าทีและคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ในครั้งนี้ ทำให้กองทัพสะเทือนไม่น้อย ทั้ง บ.ก.กองทัพไทย หาก พล.อ.ประยุทธ์ ขยับขึ้นไปแขวนเป็น ผบ.สส. จะกระทบสายอำนาจที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ วางไว้หรือไม่ แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ธนะศักดิ์ จะเป็น เพื่อน ตท.12 ด้วยกันก็ตาม
โดยเฉพาะใน ทบ. ก็คงจะเริ่มมองหา ผบ.ทบ.คนใหม่ กันแล้ว และศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. อาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะได้รู้ว่า ใครที่รักและจริงใจกับตนเอง หาใช่เพียงเพราะเป็น ผบ.ทบ. เท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม สายข่าวใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ กระซิบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีทีท่าที่จะให้มีการแตะต้องหรือโยกย้ายทหาร เลย
"ที่ผ่านมา เราพลาด เราถูกปฏิวัติ ก็เพราะเราแทรกแซงกองทัพ แทรกแซงการโยกย้ายทหารนี่แหละ เพราะฉะนั้น เราจะไม่ทำอะไรที่ซ้ำรอยอีก" สายข่าววิเคราะห์
ที่สำคัญ ก็เกรงว่า อาจจะทำให้เกิดการรัฐประหารขึ้นมาอีก แม้ว่าจะไม่ได้กลัวการรัฐประหาร เพราะคนเสื้อแดงพร้อมจะออกมาสู้ แต่คนเสื้อเหลือง ก็พร้อมออกมาหนุนปฏิวัติอีก ความวุ่นวายก็จะเกิดขึ้น รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะเลือก การอยู่นิ่งๆ ไม่แตะกองทัพ เอา พล.อ.ประยุทธ์ เป็นพวก ให้นั่งเป็น ผบ.ทบ. จนเกษียณไปเลย และไม่ไปกวนน้ำให้ขุ่น ไม่ไปยุ่งกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ เพราะก็รู้ว่า เป็นทหารสายวัง
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ลืมที่จะทิ้งท้าย ไว้ว่า... ทุกอย่างเป็นไปตามสถานการณ์ ที่ผันเปลี่ยนไปแค่วินาที...