เวลา 03.00 น.วันที่ 10 พ.ค. ร.ต.ท.วสันต์ มั่นคง พนักงานสอบสวน สน.ธรรมศาลา รับแจ้งเหตุรถเทรลเลอร์เกี่ยวสะพานลอยโค่นลงมาทับรถกระบะมีผู้เสียชีวิต บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันบางจาก ถนนบรมราชชนนีขาออก ช่วงตัดพุทธมณฑลสาย 3 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมแพทย์นิติเวช ร.พ.ศิริราช เจ้าหน้าที่สำนักงานบำรุงทางธนบุรี กรมทางหลวง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนช่องทางเดินรถคู่ขนานเลนขวาสุด เจ้าหน้าที่พบรถกระบะยี่ห้อมาสด้า รุ่นบีที 50 สีบรอนซ์เทา ทะเบียน บม 9630 พิษณุโลก บรรทุกเนื้อควายมาเต็มคัน จอดอยู่ในสภาพตัวถังรถด้านหน้าตั้งแต่ฝากระโปรงถึงห้องโดยสารถูกแผ่นคอนกรีตสะพานลอยร่วงลงมาทับจนพังยับเยินส่งผลให้ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวเสียชีวิตอย่างสยดสยองติดอยู่ในตัวรถหน่วยกู้ภัยต้องช่วยกันใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนำร่างออกมาอย่างทุลักทุเลทราบชื่อต่อมาคือนายมนัสมะหะหมัดอายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101/801 หมู่ 7 แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กทม.สภาพศพ มีบาดแผลถูกกดทับที่ใบหน้ายุบ กะโหลกศีรษะแตก มันสมองกระจาย แขนขาทั้งสองข้างหักผิดรูป จึงมอบร่างไปผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งที่แผนกนิติเวช ร.พ.ศิริราช
ส่วนรถคู่กรณี เป็นรถพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน 70-6734 ชลบุรี ของ บจก.หลักทอง โลจิสติกส์ บรรทุกอุปกรณ์แท่นเจาะน้ำมันกลางทะเลขนาดใหญ่สูงประมาณ 5 เมตร จอดเลยไปด้านหน้าห่างจุดที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร มี นายทนงศักดิ์ สถิตเป้า อายุ 43 ปี เป็นผู้ขับขี่ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่อยู่ในอาการตระหนก จากการสอบสวนเจ้าตัวให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมพรรคพวกซึ่งขับขี่รถพ่วงด้วยกันอีก 2 คัน ขับรถไปรับอุปกรณ์แท่นเจาะน้ำมันจากโรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อจะมุ่งหน้าไปส่งให้ลูกค้าเครือเชฟรอน ยักษ์ใหญ่วงการขุดเจาะน้ำมัน ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
โดยระหว่างที่พวกตนทั้ง 3 คัน ขับตามกันออกมาจากโรงงานนั้น ทางผู้จ้างวานก็ได้จัดหารถเก๋งตำรวจจราจรกลางนำขบวนมาให้เพื่อความสะดวกด้วย แต่ขณะที่ขบวนรถแล่นผ่านตรงจุดเกิดเหตุ ซึ่งตอนนั้นตนขับรถนำอยู่หัวขบวนในเลนซ้ายสุดกลับรู้สึกว่าท่อน้ำมันขนาดใหญ่ความยาวราว 10 เมตร สูงจากพื้นดินเกือบ 6 เมตร ที่ติดตั้งอยู่กับอุปกรณ์แท่นเจาะน้ำมันด้านบนเกิดครูดกับแผ่นคอนกรีตใต้สะพานลอยจนมีเสียงดังทำให้สะพานเกิดการยกตัวและพังถล่มลงมาทับรถกระบะที่พยายามแซงออกทางเลนขวาจนคนขับเสียชีวิตโชคดีที่โชเฟอร์รถพ่วงอีก2คันด้านท้ายหยุดรถได้ทันจึงไม่พุ่งชนกันซ้ำซ้อนส่วนรถตำรวจที่เปิดไฟนำทางมาตั้งแต่ทีแรกก็ได้เร่งเครื่องหายไป ตนไม่แน่ใจว่าพลขับรถนำทางจะรู้หรือเปล่าเรื่องรถในขบวนประสบอุบัติเหตุ
ขณะที่ นายณรงค์ศักดิ์ นันทคำภิรา รองผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม สำนักงานบำรุงทางธนบุรี กรมทางหลวง เปิดเผยว่า สะพานลอยดังกล่าวก่อสร้างขึ้นเพื่อให้คนเดินข้ามระหว่างถนนบรมราชชนนีฝั่งขาเข้าและขาออก มีระยะทางยาวประมาณ 60 เมตร สูงจากพื้นถนน 6 เมตร ส่วนพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายคือแผ่นคอนกรีตที่ใช้เดินเท้าพังถล่มลงมาทับเส้นทางการจราจรตลอดแนวในฝั่งขาออกยาวกว่า30เมตรน้ำหนักร่วม30 ตัน มูลค่าราว 3 ล้านบาทเศษ ขณะนี้ได้ประสานให้รถเครนขนาดใหญ่ จำนวน 4 คัน เร่งเดินทางมาช่วยกันยกแผ่นคอนกรีตให้พ้นทางการจราจรแล้วคาดว่าจะใช้เวลานานเกือบ 6 ชั่วโมง ถึงแล้วเสร็จจนสามารถเปิดเส้นทางการจราจรให้ประชาชนใช้งานได้ตามปกติ
ด้าน ร.ต.ท.วสันต์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า เบื้องต้นได้ควบคุมตัว นายทนงศักดิ์ โชเฟอร์รถพ่วงไว้ทำการสอบสวนก่อนแจ้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหายเอาไว้ก่อนส่วนเรื่องการช่วยเหลือชดเชยค่าทำศพของผู้เสียชีวิตและการชดใช้ความเสียหายทั้งหมดทางบริษัทเจ้าของรถได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ประกันภัยเข้ามาดำเนินการแล้วสำหรับประเด็นที่มีรถตำรวจจราจรกลางขับนำขบวนรถพ่วงมาตนไม่ทราบรายละเอียดเนื่องจากไม่ได้มีการประสานเอาไว้ก่อน