ได้ไปเดินงาน Bangkok bikes expo 2013 ที่เมืองทองธานี อาทิตย์ที่ผ่านมา สะดุดตากับจักรยานไม้คันงามที่ตั้งโชว์อยู่ 2-3 คันเข้าอย่างจัง จักรยานอะไรดีไซน์ออกมาจะโมเดิร์นก็ได้ จะคลาสสิคก็ดี ยิ่งรู้ว่าจักรยานนี้ผลิตขึ้นโดยฝีมือคนไทยก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปใหญ่
นัท-ศิรวัชร รังสฤษฏ์โยธิน executive designer หนึ่งในทีม dots design studio เล่าว่า จักรยานที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้เกิดจากเขาและเพื่อนที่ทำงานโปรดักท์ ดีไซน์ ซึ่งเป็นทีมออกแบบงานโปรดักท์ชอบปั่นจักรยานเหมือนกัน และด้วยพื้นฐานที่ทำงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ และ ความรู้เรื่องการใช้ไม้ดัดอยู่แล้ว เลยลองทำแฮนด์จักรยานด้วยไม้ก่อน เพราะอยากจะหาแฮนด์รูปแบบอื่นที่ไม่ใช่แค่แฮนด์ตรงอย่างเดียว ทีมดอทส์เลยจัดการรังสรรค์สารพัดแฮนด์ไม้หลายรูปแบบให้เลือกสรร
จากแฮนด์จักรยานเริ่มพัฒนาสู่รถทั้งคัน
"ตัวจักรยานเราใช้เวลาพัฒนามาปีนึงเต็มๆ ตัวแรกสุดยังขี่ไม่ได้ เอาไปโชว์งานเฟอร์นิเจอร์ที่มิลาน ติดจักรยานไปคันนึง แล้วฝรั่งเขาให้ความสนใจมาก คือ เขาอินกับจักรยานอยู่แล้ว พอมาเจองานฝีมือเขายิ่งชอบ เราเลยเห็นช่องทางว่ามันน่าจะมีตลาด ก็เลยพัฒนามันจริงจังขึ้นมา"
ทุกวันนี้จักรยานเฟรมไม้ของ dots สามารถใช้ขี่ได้จริง
นัท บอกว่า จักรยานตอนนี้ใช้ขี่ได้จริงแล้ว เป็นงานเหล็กจอยท์กับไม้ ส่วนดีไซน์ตอนนี้มีแบบเดียว คือ แบบโครงเสือหมอบ แต่ลูกค้าสามารถจะเปลี่ยนแอสเซสเซอร์รี่ได้ เช่น แฮนด์ เป็นต้น ส่วนสต๊อกเฟรมไม้นั้นยังทำได้ไม่มาก เดือนหนึ่งอย่างต่ำผลิตได้ 20 ชิ้น เพราะจักรยานตัวหนึ่งต้องพิถีพิถันมากที่สุด
"ผมพยายามทำให้เป็นไฮเอนด์มากที่สุด อย่างพวกดอก พวกดุม ชุดขับเคลื่อนมันก็พยายามเลือกของที่มันดูมีราคาและใช้งานง่าย ไอเดียคือเป็นจริงได้ ใช้งานได้ดี คือ เราเริ่มพัฒนามันมาเรื่อยๆ จนลองทำเป็นรถทั้งคันดู อยากเล่นกับเชปความหวือหวาของมัน และการคอมบิเนชั่นของไม้กับเหล็กที่ดูแล้วจะคลาสสิคก็ได้ จะดูทันสมัยก็ได้ แล้วจุดเด่นคือเวลาเอาไม้ดัดมาทำแล้วมันสวย"
นัท อธิบายเพิ่มเติมว่า ไม้ดัด (วีเนียร์)คือ การนำเนื้อไม้ที่ฝานเป็นชั้น( layer)บางๆ มาซ้อนกันเป็นชั้น แล้วอัดรวมกันด้วยเครื่องจักรอุตสาหกรรม การขึ้นรูปวัตถุดิบด้วยวิธีนี้ ช่วยให้วัสดุมีความแข็งแรงมาก ลองนึกถึงสเก็ตบอร์ด ที่มีความหนาเพียง 6-8 mm. แต่สามารถทนรับแรงกระแทกจากการ กระโดดได้ดีมาก อีกทั้ง ไม้ดัดยังสามารถใช้ขึ้นรูปที่หวือหวา ฉีกข้อจำกัดจากไม้ท่อน (Solid wood)ที่ไม่สามารถทำได้อีกด้วย
นัท(ซ้ายมือ) และ Yuki-san นักปั่นรถลู่จากแดนปลาดิบก็มาอุดหนุนจักรยานของ dots
แม้จะเป็นจักรยานฝีมือคนไทย แต่ลูกค้าส่วนใหญ่กลับเป็นยุโรป เพราะอะไรนั้น นัทบอกว่า ชาวยุโรปให้ความสำคัญกับเรื่องดีไซน์มาก เวลาไปออกงานจะได้ยินคอมเมนต์ที่แตกต่างจากคนไทย โดยชาวยุโรปจะไม่ค่อยถามเรื่องความเร็วและน้ำหนัก แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาสนใจนั้น คือ งานศิลปะ
ใครสนใจงานจักรยานฝีมือที่แสนพิถีพิถันนี้ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ค Dots Design Studio
เดินมาอีกนิด เจอกับกลุ่ม Nich cycling ที่โด่งดังอยู่ในโลกออนไลน์ ว่ากันว่า ร้านนี้ขายจักรยานโร้ด ไบค์ หรือ เสือหมอบระดับแข่งขันในราคาที่คนไทยต้องปลื้ม
Nich cycling
ชิน-ชินธิป บุญโชคหิรัญเมธา Cheif executive officer จาก Nich cycling ชายหนุ่มวัย 30 ปี อดีตช่างภาพฝีมือดี เคยทำงานคลุกคลีอยู่ในโลกโซเชียลมีเดีย คือคนที่ตัดสินใจออกจากงานประจำมาบุกเบิกจักรยานเสือหมอบระดับโปร ราคาขายเพื่อคนไทย ปัจจุบันดำเนินการมากว่า 2 ปีแล้ว
ชิน บอกว่า จุดเริ่มต้นมาจากการปั่นจักรยานไปทำงาน เพื่อประหยัดค่าน้ำมัน ขี่ไปขี่มาก็เริ่มจริงจังเป็นกีฬา จากนั้นก็ลงลึกดำดิ่งไปกับมันมากขึ้นเรื่อยๆ
"ผมหลงใหลในความเร็ว ที่สำคัญมันปั่นไปเที่ยวได้ด้วย เวลาเราไปต่างจังหวัดเห็นทางสวยๆ เราก็อยากจะปั่น อยากจะขึ้นเขาลงเขา อยากปั่นไปอยู่กับธรรมชาติอะไรอย่างนี้" ชิน เล่าอย่างอารมณ์ดี
ชิน บอกว่า ตอนที่ลงลึกไปกับมันนั้นคิดในใจว่าถ้าเราสามารถมีรถเป็นของเราเองได้ ออกแบบ หรือ มีสีเป็นของตัวเองได้ มันคงจะเจ๋งมาก ทุกอย่างเริ่มจากแพสชั่นของตัวเองล้วนๆ
ด้วยความรู้สึกที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาเริ่มเปิดธุรกิจเล็กๆ ขายเสื้อผ้าจักรยานก่อน เพราะรู้สึกว่าเสื้อผ้าจักรยานในเมืองไทยไม่หลากหลาย จากนั้นก็เริ่มทำล้อ โดยเจาะจงล้อแข่งขัน เพราะตอนนั้นราคาของล้อที่เป็นแบรนด์นำเข้ามีราคาสูงมาก จากล้อก็เริ่มขยับมาทำเฟรมที่เป็นแบรนด์ตัวเอง โดยผลิตที่ไต้หวัน
ชิน บอกว่า เริ่มต้นก็หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต สุ่มคุยหลายๆ เจ้า จนได้รู้จักคนหลายกลุ่มทั้งที่อยู่ในวงการ ผู้ผลิต หรือ โรงงาน ที่ไต้หวัน เมื่อได้ข้อสรุปก็เริ่มมีการเดินทางไปติดต่อ โดยเน้นอะไหล่ที่หาผลิตในเมืองไทยไม่ได้ แต่ว่าเรามาประกอบขึ้นงานโดยคนไทย โดยเรื่องหลักๆ ดีไซน์ โลโก้ สี ทุกอย่าง ที่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับครีเอทีฟ จะใช้คนไทยเป็นคนทำทั้งหมด
"จริงๆ เทคโนโลยีเราก็เหมือนกับพวกแบรนด์ยี่ห้อดังต่างๆ ที่เขาผลิตจากทางไต้หวัน หรือทางจีนที่เขาเป็นผู้นำทางด้านนี้อยู่แล้วอย่างเรื่องคาร์บอนไฟเบอร์ เพียงแต่ว่าเราก็เลือกให้มันตรงกับจริตความต้องการของเราในราคาและคุณภาพที่เหมาะสม แต่เราจะไม่เน้นราคาที่ผลิตมาถูกๆ คุณภาพต่ำแล้วมาขายถูก คือ เราเน้นเป็นโปรช็อปอยู่แล้ว บางคนไม่รู้มาดูจะบอกว่าทำไมแบรนด์ไทยถึงแพงจัง แต่ระดับแข่งขันแล้วมาเจอแบรนด์เรา หรือ คนที่รู้เรื่อง ศึกษามาอยู่แล้ว ก็บอกว่าราคาเราเหมาะสมไม่แพง แต่มือใหม่มาดูจะบอกแพง แต่ในระดับเพอร์ฟอร์มแมนซ์เนี่ย ของเราคือตลาดที่เข้าถึงคนทุกกลุ่มได้มากกว่า"
คาร์บอนไฟเบอร์ รุ่น Legend2
ด้านลูกค้านั้น ชิน บอกว่า ตอบรับดีมาก แทบจะทุกกลุ่ม แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่กล้าคิดต่าง ไม่ใช่คนตามแบรนด์ ปัจจุบันเฟรมของนิชมี 2 รุ่น คือ รุ่นที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ กับ รุ่นอลูมิเนียม ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ เป็นเฟรมในระดับไฮเอนด์ของอลูมิเนียม แต่ราคานั้นถูกกว่าแบรนด์นอกราว 50%
เฟรมอลูมิเนียม รุ่น KEM
โดยราคาจักรยานที่เป็นคารบอนไฟเบอร์ รุ่น Legend2 ราคาสีปรกติ 29,500 บาท และสีสั่งพิเศษ 31,500 บาท (เฉพาะเฟรม-ตะเกียบ-หลักอาน) ราคาเฟรมอลูมิเนียม รุ่น KEM วัสดุทำจาก Alloy 6061 และ 6066 เป็นอลูมิเนียมเกรดสูงที่มีน้ำหนักเบา โดยน้ำหนักเฟรมไม่รวมตะเกียบหลักอานอยู่ที่ 1,180 กรัมราคา 17,000 บาท ส่วนราคาล้อคาร์บอน Nich ตั้งแต่ 20,000 ขึ้นไป
"ลูกค้าเป็นกลุ่มที่คิดเหมือนเรา ที่มีลักษณะเดียวกัน เป็นคนรุ่นใหม่กล้าคิดต่าง หรือเป็นคนที่มีอายุแต่เขาเป็นคนที่ใจเป็นเด็ก กล้าเล่น และอยากสนับสนุนคนไทยด้วยกันเอง"
ถ้าอยากรู้ว่างานคนไทยแน่แค่ไหน ลองไปเลียบๆ เคียงๆ ดูทีมจักรยานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ใช้ล้อของนิชมาตั้งแต่ปีที่แล้ว(2555)ดูได้ แถมทีมนิชยังประกาศศักดาด้วยการคว้าชัยในงานแข่งขันจักรยานของฟาร์มโชคชัยที่ผ่านมาอีกด้วย
สนใจจักรยานนิชเพิ่มเติม ที่ facebook.com/nichcycling