จากเหตุการณ์ที่ มีแฮกเกอร์ เข้าไปโจรกรรมข้อมูล เว็บไซต์ของสำนักนายกรัฐมนตรี www.opm.go.th ซึ่งปรากฏรูป น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมข้อความเป็นภาษาอังกฤษ ที่แปลกออกมา เป็นคำสบถและหยาบคายอย่างรุนแรง เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พร้อมมีการลงชื่อว่า “Unlimited Hack Team !!!" ก่อนที่นายธงทอง จันทรางศุข ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ได้สั่งปิดเว็บไซต์สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นชั่วคราวก่อนนั้น
ในวันเดียวกัน ได้มีผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊ก “Unlimited Hack Team” ซึ่งเป็นกลุ่มที่สอนการแฮกข้อมูลตามเว็บไซต์ต่างๆ ก็เขียนข้อความชี้แจงว่า กลุ่มของตนไม่ได้ก่อเหตุดังกล่าว โดยมีใจความว่า
" มีหลายคนถามเข้ามาทางข้อความ และมีหลายแฟนเพจแชร์ข่าวนี้พร้อมบรรยายว่าเป็นการกระทำของUnlimited Hack Team ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีสมาชิกคนใดของ Unlimited Hack Teamเป็นคนเข้าไปแฮกเว็บไซต์สำนักนายก ผมจึงอยากออกมาประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า Unlimited Hack Team ไม่ได้เข้าไปก่อกวนเว็บไซต์สำนักนายก และที่มีข้อความขึ้นว่า Unlimited hack Team อยู่ด้วย อาจเป็นเพราะมีแฮกเกอร์บางท่านหรือบางกลุ่มมีความคิดที่จะโยนความผิดมาให้ Unlimited Hack Team ซึ่งทุกๆครั้งหากเราได้แฮกเว็บไซต์ใด เราก็จะออกมายอมรับการกระทำของเรา แต่ครั้งนี้ขอให้ทุกท่านรอเวลาที่ตำรวจจับผู้กระทำความผิดตัวจริงมาลงโทษ แล้วท่านจะได้รู้ว่าใครเป็นคนทำ”
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ผบก.ปอท. ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้รับการประสานงานจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) แล้ว พร้อมกับตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งจากการระดมหามือแฮกเกอร์ในเซฟเฮาส์ของปอท. ทั้งคืน ทำให้รู้ตัวคนทำแล้ว แต่ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ และขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับต่อไป
สำหรับผู้ใดเข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น ผบก.ปอท. ระบุ มิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในส่วนของข้อความนั้น จะเข้าข่ายในข้อหาหมิ่นประมาทตามกฎหมายอาญาด้วย