ปราสาทที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น อันดับ 10. Hirosaki Castle
ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) ตั้งอยู่ที่ เมืองฮิโรซากิ จังหวัดอาโอโมริ เป็นปราสาทแห่งเดียวในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1611 แต่ต่อมาเกิดเหตุเพลิงไหม้ในบางส่วน ปราสาทเดิมซึ่งมี 5 ชั้น จึงถูกบูรณะขึ้นใหม่ และเหลือเพียง 3 ชั้น ในปี ค.ศ.1810 รอบๆ ปราสาทถูกล้อมด้วยกำแพงหินและคูน้ำถึง 3 ชั้น ภายในมีการจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ในสมัยก่อน ที่สะท้อนวัฒนธรรมของญี่ปุ่น เสน่ห์แห่งสวนกลางแจ้งของ ปราสาทฮิโรซากิ สวยไม่แพ้ปราสาทใดในญี่ปุ่น โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้ร่วง ดาดดาไปด้วยพันธุ์ไม้เปลี่ยนสี
ปราสาทที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น อันดับ 9. Hikone Castle
ปราสาทฮิโคเนะ (Hikone Castle) ตั้งอยู่ที่ เมืองฮิโคเนะ อยู่ใกล้กับ ทะเลสาบบิวะ
(ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น) ในจังหวัดชิงะ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดเกียวโต ในอดีตเคยเป็นเมืองปราสาทที่สำคัญเนื่องด้วยทำเลที่เป็นชุมทางสู่ตะวันออก (Tosando) ภายหลังเรียกเป็นทางสู่ภาคกลาง (Nakasendo) และทางสู่ชายฝั่งทะเลเหนือ (Hokkoku Kaido) ด้วยรูปลักษณ์ของ ปราสาทฮิโคเนะ ถือว่าเป็นปราสาทที่งามสง่าอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ประกอบด้วยหอคอย 3 ชั้น ซึ่งถูกสร้างบนเขาฮิโคเนะ ในยุคเอโดะ ตั้งแต่ปี ค ศ.1614 เสร็จสมบูรณ์ ในปี ค.ศ.1622 ใช้เวลาทั้งสิ้น 18 ปี จัดเป็นสมบัติแห่งชาติที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก
ปราสาทที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น อันดับ 8. Nijo Castle
ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) ตั้งอยู่ใน จังหวัดเกียวโต สร้างขึ้นจากไม้ทั้งหมด ซึ่งแตกต่างกับปราสาทอื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่นที่มีฐานเป็นก้อนหิน ภายใน ปราสาทนิโจ ประกอบด้วยป้อมปราการที่เรียงตัวเป็นวงแหวนสองชั้น และมีสวนสไตล์ญี่ปุ่นอยู่หลายแห่ง ก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1569 ตามบัญชาของโอดะ โนบุนางะ ซึ่งต่อมาโชกุนโทกุงาวะ อิเอยาสุ มีบัญชาให้สร้างต่อจนเสร็จเพื่อแสดงอำนาจทางการทหารของตน และใช้เป็นสถานที่ราชการ โดยสั่งให้ขุนนางฝั่งตะวันตกทั้งหมดร่วมกันสร้าง ภายในท้องพระโรงบริเวณฝาผนังถูกปิดทองด้วยฝีมืออันวิจิตร สะท้อนให้เห็นถึงอำนาจของโชกุนในสมัยเอโดะ ส่วนระเบียงไม้ที่เชื่อมกับตำหนักนิโนะมารุนั้น มีเทคนิคในการสร้างที่ไม่ใช้ตะปูในการยึดพื้นผิว เมื่อมีคนล่วงล้ำเข้ามา จะทำให้พื้นไม้ส่งเสียงดังเหมือนเสียงนกไนติ้งเกิล ส่วนเขตปราสาทด้านทิศใต้จะอยู่ติดกับ “นิโจจินยะ” ซึ่งเดิมเป็นบ้านของคหบดีผู้มั่งคั่ง แต่ต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็นที่พักแรกสำหรับไดเมียวหัวเมืองที่เข้าเยี่ยมคารวะโชกุน ภายในเต็มไปด้วยประตูกล ทางลับ และห้องลับมากมาย
ปราสาทที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น อันดับ 7. Matsumoto Castle
ปราสาทมัทสึโมโตะ (Matsumoto Castle) ตั้งอยู่ที่ เมืองมัทสึโมโตะ ในจังหวัดนางะโนะ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1593 โดยขุนนางในตระกูลอิชิกาว่า เพื่อใช้เป็นสถานที่หลบภัยและวางแผนการสู้รบ โดยมีกำแพงสูงใหญ่และคูน้ำล้อมรอบปราสาทไว้ ต่อมาป้อมปราสาทได้ถูกกองทัพทาเคดะยึดครองไปได้ และตกเป็นของโทะกุงะวะ อิเอะยะซุ ต่อมามีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปราสาทฟุกาชิ (Fukashi Castle) หรือ ปราสาทอีกา (Crow Castle) เนื่องด้วยผนังของปราสาทที่มีสีดำ และมีอาคารสามชั้นที่ตั้งอยู่ทั้งสองด้านของตัวปราสาทคล้ายเป็นส่วนปีก ปราสาทมัทสึโมโตะจัดเป็นหนึ่งในปราสาทดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดมีอายุยาวนานเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบของภูมิภาคจูบุ (ภาคกลาง) อาคารของปราสาทสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง แสดงถึงความเก่าแก่ของปราสาทอย่างชัดเจน ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติและเป็นสมบัติสำคัญของชาติ ภายในปราสาทแบ่งออกเป็น 6 ชั้น จัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ เครื่องยุทธโทปกรณ์ในสมัยก่อน เมื่อย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ จะยิ่งงามเด่นท่ามกลางดอกซากุระบานเบ่งไปทั่วบริเวณตัวปราสาท
ปราสาทที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น อันดับ 6. Nagoya Castle
ปราสาทนาโงย่า (Nagoya Castle) ตั้งอยู่ที่ เมืองนาโงย่า จังหวัดไอจิ ถูกสร้างขึ้นตามคำสั่งของโชกุนโทกุงาวะ อิเอะยะสุ เพื่อเป็นฐานอำนาจความมั่นคงและป้องกันการโจมตีจากทางเมืองโอซาก้า ตัวปราสาทสร้างจากฐานหินขนาดใหญ่ จุดเด่นของยอดปราสาท คือ โลมาสีทอง ตัวผู้และตัวเมีย หุ้มด้วยทอง18k หนักตัวละ 44 กิโลกรัม คนญี่ปุ่นเรียกโลมาสีทองนี้ว่า “คินซาชิ” หรือ “ซาชิโฮโกะ” โดยเชื่อว่าเป็นเครื่องคุ้มครองปราสาทและชาวเมือง ปราสาทสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1612 และให้ โทกุงาวะ โยชินาโอะ บุตรชายคนที่เก้ามาปกครองปราสาทแห่งนี้ ต่อมาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1945 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เมืองนาโงย่าถูกโจมตีทางอากาศอย่างหนัก ทำให้ปราสาทแห่งนี้ถูกทำลายเสียหายเป็นอย่างมาก และได้มีการบูรณะครั้งใหม่ในปี ค.ศ.1959 โดยพยายามคงรูปลักษณ์เดิมไว้ให้มากที่สุด ภายในปราสาทถูกปรับเป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงข้าวของเครื่องใช้ ยุทโธปกรณ์ของเหล่าซามูไรในสมัยโบราณ ภายนอกปราสาทมีสวนสวยสไตล์ญี่ปุ่น ทั้งต้นซากุระที่จะเบ่งบานดอกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ปราสาทที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น อันดับ 5. Goryokaku
ปราสาทโกะเรียวคะกุ (Goryokaku) ตั้งอยู่ที่ เมืองฮาโกดาเตะ เกาะฮอกไกโด ถูกสร้างขึ้นโดยโชกุนโทกุงาวะ อิเอะซะดะ ในปี ค.ศ. 1857-1866 ช่วงปลายยุคเอโดะ นับเป็นปราสาทแห่งแรกของญี่ปุ่นที่สร้างตามสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส รูปทรงของปราสาทเป็นรูปดาว 5 แฉก ทำให้สามารถติดฐานปืนบนผนังได้มากขึ้นกว่าแบบดั้งเดิม และลดจุดบอดในการวางกำลังป้องกันรอบตัวปราสาทอีกด้วย ปราสาทแห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น เพราะเป็นที่ซึ่งกองทัพของตระกูลโทกุงาวะปราชัยให้กับกองทัพของจักรพรรดิเมจิ ซึ่งตัวปราสาทก็ถูกทำลายลงด้วย ในสงคราม Boshin ปัจจุบันหลงเหลือพื้นที่บริเวณฐานของปราสาทที่เป็นรูปดาว ถูกปรับเป็นพิพิธภัณฑ์ประจำเมืองฮาโกดาเตะ และเป็นสวนสาธารณะประจำเมือง ทั้งยังเป็นสถานที่ชมดอกซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งด้วย ด้านหน้าของสวนสาธารณะมีหอคอยที่มีความสูงถึง 107 เมตร ซึ่งเป็นจุดชมวิวของโกะเรียวคะกุ
ปราสาทที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น อันดับ 4. Osaka Castle
ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) ตั้งอยู่ที่ จังหวัดโอซาก้า สร้างขึ้นโดยโชกุนโทโยะโตมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) นักรบในประวัติศาสตร์ผู้พยายามรวบรวมประเทศเป็นครั้งแรก ด้วยความช่วยเหลือของไดเมียวจากทั่วประเทศ ใช้แรงงานหลายหมื่นคน จึงใช้เวลาก่อสร้างเสร็จเพียง 3 ปีเท่านั้น ต่อมาปราสาทแห่งนี้ได้ผ่านช่วงสงครามกลางเมืองในปี ค.ศ. 1615 จึงถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ และได้มีการบูรณะขึ้นมาใหม่โดย โทกุงาวะ อิเอะยะสึ แต่ต่อมาก็ถูกฟ้าฝ่าเสียหายลงอีก จนมาถึงในปี ค.ศ.1931 ได้มีการระดมเงินบริจาคจากชาวเมืองโอซาก้า เพื่อบูรณะปราสาทแห่งนี้ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ปราสาทโอซาก้า มีความสูง 55 เมตร แบ่งเป็น 5 ส่วนย่อย มีทั้งหมด 8 ชั้น เครื่องประดับหลังคาและภาพเสือบนกำแพงปราสาทได้มีการลงทองอย่างสวยงาม ภายในตัวปราสาทจัดเป็นนิทรรศการแสดงหลักฐาน ภาพเขียน เครื่องแต่งกายของเหล่านักรบโบราณ รวมถึงยุธโทปกรณ์ในสมัยก่อน บริเวณรอบตัวปราสาทก็เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีดอกไม้ใบไม้งามสะพรั่งในทุกฤดูกาล
ปราสาทที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น อันดับ 3. Shuri Castle
ปราสาทชูริ (Shuri Castle) ตั้งอยู่ใน เขตชูริ จังหวัดโอะกินะวะ อดีตเคยเป็นพระราชวังที่ประทับของราชวงศ์ริวกิว ช่วงเวลาเริ่มสร้างนั้นไม่ปรากฏแน่ชัด แต่แน่นอนว่าถูกใช้เป็นที่พำนักในยุค Sanzan จึงสันนิษฐานว่าน่าจะถูกสร้างในระหว่างยุคกุซุกุ เช่นเดียวกับปราสาทอื่นๆ ในโอะกินะวะ เมื่อกษัตริย์โช ฮาชิ ได้รวบรวมดินแดนทั้ง 3 แห่งของโอะกินะวะและสถาปนาอาณาจักรริวกิวขึ้น ได้ทรงใช้ ปราสาทชูริ เป็นที่ประทับ จนภายหลังได้รับการยกฐานะเป็นเมืองหลวง ภายในปราสาทประกอบด้วยสถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่ได้รับอิทธิพลจากจีนและญี่ปุ่น ตัวปราสาททำด้วยไม้และมีสีสันสะดุดตาตามแบบฉบับจีน ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ปราสาทชูริ เกิดเพลิงไหม้หลายครั้ง ทั้งโดยธรรมชาติและการสู้รบ ปัจจุบัน พื้นที่รอบปราสาทถูกจัดเป็นสวนสาธารณะชื่อว่า Shuri Castle Park และในปี ค.ศ. 2000 ปราสาทนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับโบราณสถานอื่นๆ ในโอะกินะวะภายใต้ชื่อ แหล่งกุซุกุและสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้องของอาณาจักรริวกิว
ปราสาทที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น อันดับ 2. Kumamoto Castle
ปราสาทคุมาโมโต้ (Kumamoto Castle) สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1607 เป็นปราสาทที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ช่วงก่อสร้างมีการปลูกต้นแปะก๊วย เพื่อเป็นหลักประกันว่าผู้อยู่อาศัยในปราสาทจะมีอาหารรับประทานหากมีการรบเกิดขึ้น จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า จินแนน-โจ (ปราสาทแห่งต้นจินโกะ หรือแปะก๊วย) ประกอบด้วย 2 หอคอยสูง ทำให้สามารถมองได้รอบทิศจากมุมสูง หอใหญ่จะสูง 30 เมตร (ประมาณตึก 10 ชั้น) หอเล็กสูง 19 เมตร ปราสาทเดิมถูกทำลายด้วยไฟ ในปี ค.ศ.1877 และสร้างใหม่ในปี ค.ศ.1960 ปราสาทนี้โดดเด่นด้วยกลยุทธ์ทางสถาปัตยกรรมที่ก่อสร้างตามแนวกว้าง ความสวยงามเกิดจากเส้นโค้งของฐานปราสาทซึ่งเป็นหินโค้งสวยไล่ระดับ เและทำให้ศัตรูยากที่จะเข้าถึงหรือโจมตีได้
ปราสาทที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น อันดับ 1. Himeji Castle
ปราสาทฮิเมะจิ (Himeji Castle) ตั้งอยู่ที่ เมืองฮิเมะจิ จังหวัดเฮียวโงะ ด้วยลักษณะของตัวปราสาทที่มีสีขาวราวกับหิมะในฤดูหนาว จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปราสาทนกกระยางขาว หรือ ปราสาทนกกระสา ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเซ็มบะ เป็นปราสาทที่ใหญ่โตและอัครฐานที่สุดในบรรดาปราสาทที่หลงเหลือมาจากยุคกลางของญี่ปุ่น แม้ตัวเมืองฮิเมะจิจะถูกทิ้งระเบิดอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ตัวปราสาทกลับไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด และได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกและสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นเมื่อเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 1993 ปราสาทฮิเมะจิ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1580 โดยโตโยะโตมิ ฮิเดโยชิ ซึ่งต่อมาในปี ค.ศ.1681 อิเคดะ เทรุมาสะ บุตรเขยของโชกุนโทกุงาวะ อิเอยะสุ ได้บูรณะและต่อเติมปราสาทจนมีรูปลักษณ์เช่นในปัจจุบัน และใช้ปราสาทเป็นที่มั่นทางการทหารและศูนย์กลางด้านการบริหารปกครอง นับเป็นการผสมผสานกลยุทธ์การป้องกันเข้ากับความงามทางด้านศิลปะได้อย่างลงตัว และยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประเทศญี่ปุ่น จุดเด่นของปราสาทอย่างหนึ่งคือ แนวปราการประกอบด้วยคูน้ำ 3 ชั้น ล้อมรอบกำแพงหินสูงโค้งซึ่งคั่นสลับด้วยประตูและเชิงเทินสังเกตการณ์หลายแห่ง ตามผนังกำแพงและเชิงเทินนั้นมีรูเล็กๆ สำหรับยิงธนูและกระสุนปืนใส่ข้าศึก ทางเดินสู่อาคารหลักสลับซับซ้อนราวกับเขาวงกต ประตูและกำแพงต่างๆ ได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้บุกรุกเข้าถึงโดยง่าย ภายในปราสาทเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อนที่ประเมินค่ามิได้
ที่มา : toptenthailand.com