แม่ค้าส้มตำร้อง ถูก ธอส. ยึดบ้านขายทอดตลาดไม่รู้ตัว หลังจ่ายค่างวดช้า 2 วัน ทำให้ดอกเบี้ยขึ้นจาก 4.5% เป็น 13.5% ดอกเบี้ยจึงสะสมกลายเป็นหลักแสน ด้าน ธอส. ระบุ ตามตัวเจ้าของบ้านไม่ได้
วานนี้ (7 พฤษภาคม) รายการเจาะข่าวเด่น ทางช่อง 3 ได้นำเสนอข่าวของแม่ค้าส้มตำรายหนึ่ง ที่ถูกธนาคารอาคารสงเคราะห์ยึดบ้านโดยไม่รู้ตัว แถมบ้านยังถูกขายทอดตลาดจนมีคนมาติดต่อซื้อ ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวผ่อนติดต่อกันทุกงวดมาเป็นเวลา 4 ปีเต็ม
โดยแม่ค้าส้มตำรายนี้ เล่าว่า ก่อนหน้านี้เคยทำงานโรงงาน และกู้เงินซื้อบ้านกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยเริ่มผ่อนตั้งแต่ปี 2552 ถึง 2556 อย่างต่อเนื่องติดต่อกัน 4 ปี เต็ม งวดละ 5,600 บาท แต่ตนไม่ได้อาศัยอยู่เอง ปล่อยให้คนเช่า และสุดท้ายก็เพิ่งมาทราบว่า บ้านของตนถูกธนาคารขายทอดตลาดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ปัญหาเกิดจากแม่ค้าส่งค่างวดเลยสิ้นเดือนไป 2 วัน โดยปกติแล้วหากทำสัญญากู้วันไหน ก็จะนับว่าวันนั้นเป็นวันที่จะต้องจ่ายค่างวด และสามารถเลื่อนจ่ายได้ไม่เกินสิ้นเดือนนั้น ซึ่งแม่ค้าส้มตำรายนี้ มีกำหนดจ่ายค่างวดในวันที่ 23 ตุลาคม เพราะฉะนั้นจะมีกำหนดจ่ายไม่เกินวันที่ 31 ตุลาคม แต่ในงวดดังกล่าว แม่ค้าจ่ายในวันที่ 2 พฤศจิกายน
จากนั้น ทางตามระบบธนาคารจึงถือว่า แม่ค้าผิดสัญญา ส่งผลให้ดอกเบี้ยคิดเพิ่มเป็นเดือนใหม่ เท่ากับว่า แม่ค้าเริ่มไม่ได้จ่ายเงินต้น จนถูกปรับอัตราดอกเบี้ยจาก 4.5% เป็น 13.5% โดยไม่รู้ตัว สุดท้ายค่างวดที่แม่ค้าส่งทุกเดือนกลับไม่พอดอกเบี้ย และไม่ลดเงินต้น ดอกเบี้ยสะสมหลักแสน ทำให้ธนาคารต้องยึดฟ้องบ้านไปขายทอดตลาดโดยที่แม่ค้าไม่รู้ เนื่องจากธนาคารติดต่อแม่ค้าไม่ได้ ส่วนด้านแม่ค้าก็ไม่ทราบเรื่องและยังคงผ่อนชำระค่าบ้านอย่างต่อเนื่อง
ส่วนทางด้านผู้เช่า กลับไม่บอกแม่ค้าเจ้าของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นจดหมายจากธนาคาร และหมายจากศาล สุดท้ายรู้อีกทีแม่ค้าก็กลายเป็นคนไม่มีบ้าน เพราะบ้านขายทอดตลาดและมีคนซื้อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมแม่ค้ายังเป็นหนี้ธนาคาร และติดบัญชีดำสถาบันการเงินอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังคงมีข้อกังขาอีกหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นส่วนของธนาคารที่จ่ายค่างวดเลยไป 2 วัน ไม่มีการผ่อนผัน หรือชี้แจงกับลูกหนี้ ปรับขึ้นดอกเบี้ยทันที หรือว่าจะเป็นในส่วนของผู้เช่า ที่ไม่แจ้งจดหมายแก่เจ้าของบ้าน... ซึ่งในเรื่องนี้ นับว่าเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่ซื้อบ้านเลยทีเดียว