คำว่า “ยากูซ่า” นั้นมาจากการเล่นไพ่ของญี่ปุ่น Oicho-Kabu (เล่นกับ hanafuda หรือไพ่ kabufuda) คล้ายคลึงกับไพ่แบบคาร่าที่นิยมเล่นในฝรั่งเศส ค่าของไพ่จะถูกบวกเข้าด้วยกัน และตัวเลขสุดท้ายของผลรวมจะถูกนับเป็นคะแนน ไพ่ที่ถือในมือที่แย่ที่สุดในเกมส์คือ ชุดของเลข 8 ,9 และ 3 ซึ่งจะให้ค่ารวมกันเท่ากับ 20 และคะแนนก็จะได้เท่ากับศูนย์นั่นเอง (ตัวเลขสุดท้ายของ 20 คือ 0 ) รูปแบบการนับดั้งเดิมของญี่ปุ่นนั้น เรียกเลขเหล่านี้ว่า ยา กู และซ่า ตามลำดับ (8 9 และ 3) ดังนั้นจึงเป็นต้นกำเนิดของคำว่า “ยากูซ่า” นั่นเอง
พวก ยากูซ่าเลือกใช้ชื่อนี้เพราะว่า คนที่ถือไพ่ ยา-กู-ซ่า ในมือนั้นต้องการทักษะมากที่สุด (เพื่อตัดสินคู่ต่อสู้ เป็นต้น) และเป็นผู้ที่มีโชคน้อยที่สุดเพื่อที่จะชนะ ดังนั้นผู้ที่เป็นเลิศ และชำนาญเท่านั้นที่จะสามารถมีพรสวรรค์ในการแก้เกมส์เพื่อให้ชนะได้ ชื่อยากูซ่านี้ยังได้ถูกใช้เพื่อแสดงถึงความโชคร้ายที่อาจจะได้รับหากทำการ ต่อต้านกลุ่มด้วย
ในการนับเลขของญี่ปุ่นสมัยใหม่นั้น 8 9 และ 3 อ่านออกเสียงว่า “ hachi – kyu – san” ซึ่งเป็นชื่อที่ในบางครั้งยากูซ่า ก็ถูกเรียกในปัจจุบันนี้
พวก yakuza อยู่ที่ไหนกันนะ??
ซอยหรือถนน Shinjuku เป็นสถานที่นัดพบของพวกยากูซ่าที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน ต้นกำเนิดของยากูซ่าญี่ปุ่นนั้นไม่ได้มีอย่างเดียว องค์กรยากูซ่าได้พัฒนามาจากรากฐานของสังคมดั้งเดิมญี่ปุ่นที่แตกต่างกันไป ในส่วนต่อมาจากยุคศักดินาของญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค Edo (1603-1837) อำนาจอันชอบธรรมของพวกขุนนางในระบบศักดินาได้เปลี่ยนอำนาจจากเจ้าของที่ดิน ไปสู่ระบบภาษีเกี่ยวกับสินค้าที่อยู่บนที่ดินซึ่งครอบคลุมมากกว่า ซึ่งโดยมากจะได้แก่ ข้าว พวกซามูไรเริ่มที่จะได้รับค่าตอบแทนเป็นข้าวซึ่งพวกเขาจะเอาไปขายในตลาด เพื่อแลกกับเงินสด แทนที่จะได้รับเงินเดือนโดยตรง ซามูไรจะทำงานเพื่อเป็นทหารอาชีพในระหว่างสงคราม และเป็นข้าราชการ หรือฝ่ายบริหารในระหว่างที่บ้านเมืองสงบ ระหว่างยุค Edo นั้น ซามูไรส่วนใหญ่จะไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับที่ดินนัก และได้เริ่มต้นที่จะอาศัยอยู่รอบ ๆ ปราสาทของขุนนาง
ในเวลาเดียวกัน การรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมได้กลายมาเป็นความรับผิดชอบของสมาชิกใน สังคมมากกว่าจะเป็นของพวก daimyo (ขุนนาง) นี่เป็นลักษณะเด่นเฉพาะของเมืองต่าง ๆ ที่อยู่นอกเมืองหลวง ดังที่รัฐบาลยุค Edo ได้อนุญาตให้มีปราสาทสำคัญเพียงปราสาทเดียวใน แต่ละจังหวัด แม้ว่าพวกยากูซ่าจะยืนยันว่าต้นกำเนิดของพวกเขาเป็น โรบินฮูดญี่ปุ่น และเป็นผู้ให้ความคุ้มครอง แต่นักวิชาการบางคนค้นพบว่าต้นกำเนิดของพวกเขาเริ่มต้นที่ kabukimono (พวกขี้เมา) หรือยังเป็นที่รู้จักว่าเป็น hatamoto yakko (คนรับใช้ของโชกุน) กลุ่มคนเหล่านี้เป็น ronin เป็นพวกซามูไรที่ไร้เจ้านาย มักจะทำทรงผมและการแต่งตัวแปลกๆ มีกิริยาที่รุนแรง พูดจาด้วยคำหยาบคาย และมีคำแสลงเฉพาะ มักจะถือดาบยาว และคุกคามประชาชนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ต้นกำเนิดของยากูซ่าบางอย่างนั้นมาจากกลุ่มตำรวจประชาชนซึ่งรู้จักกันว่า เป็น machi yakko (คนรับใช้เมือง) ซึ่งมาจากการบังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย และปกป้องคุ้มครองสังคมจากผู้ก่อกวน กลุ่มคนเหล่านี้มีหลายระดับแตกต่างกันไป ซึ่งมักจะประกอบด้วยผู้ใช้แรงงาน และพวกนักเลงในชุมชนนั้น บางครั้งคนเหล่านี้ยังรวมถึง ronin* หนึ่งคนหรือมากกว่านั้น หรือมีเพียง samurai ที่ได้รับอนุญาตใช้ถือดาบอย่างเป็นทางการก็ได้ พวกเขามักจะทำการต่อสู้กับพวกโจรผู้ร้าย และแกงค์ต่าง ๆ เพื่อปกป้องชุมชนของพวกเค้า ในเมืองที่ใหญ่กว่า กลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้ก็มักจะเกิดมีขึ้นในเวลาพร้อม ๆ กัน และพวกเค้ามักจะต่อสู่กันเพื่อดินแดน เงินตรา และอำนาจ และนี่เป็นต้นกำเนิดของแนวหนังและละครทีวีอันมีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ที่ไปโด่งดังในประเทศตะวันตก โดยหนังของ Akira Kurosawa ซึ่งเรียกกว่า Yojimbo ยากูซ่ามาจากการดำเนินการของทั้ง machi-yakko และ kabukimono การเรียกค่าคุ้งครองสามารถเห็นได้จาก machi –yakko แต่ด้านแฟชั่นอันมีสีสัน และภาษานั้นได้รับมาจากธรรมเนียมของ kabukimono
* ronin = หมายถึง ซามูไรที่มีฝีมือในยุคศักดินาของญี่ปุ่น (1185–1868) ซึ่งเป็นซามุไรที่ไร้สังกัด เช่น เจ้านายของเขาเสียชีวิต หรือปราสาทที่เคยเป็นที่พำนักถูกทำลาย ก็จะกลายเป็น ronnin
Yakuza ในปัจจุบัน?
ยากู ซ่าหรือที่เรียกกันว่า “gokudo” นั้นเป็นสมาชิกของกลุ่มอาชญากรรมที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณในประเทศ ญี่ปุ่น ในปัจจุบันนี้ ยากูซ่าเป็นปรากฎการณ์ของกลุ่มอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก สื่อตะวันตกนั้นในบางครั้งเรียกกลุ่มนี้ว่า “มาเฟียญี่ปุ่น”
ความรุ่งเรืองและความเสื่อมลงของอำนาจของยากูซ่านั้นจะเป็นไปตามกระแสของ สังคมญี่ปุ่น จำนวนสมาชิกหลักของยากูซ่ามีจำนวนประมาณ 80,000 – มากกว่า 110,000 คน ในช่วงเวลาตั้งแต่ปี 1945-1996 เจ้าหน้าที่บางคนเชื่อว่าตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่นมักจะนับจำนวนยากูซ่าน้อย กว่าความเป็นจริง เพราะไปนับเพียงจำนวนสมาชิกที่อยู่ในบัญชีที่ยึดได้เท่านั้น หรือ ที่บันทึกจากรายงานของตำรวจสืบราชการลับ เช่น เดียวกับมาเฟียซิซิเลียนที่อยู่ในอิตาลี และองค์กรอื่นๆ ยากูซ่านั้นถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบครอบครัว
Yakuza มี 2 ประเภท คือ
1. Family Yakuza หรือ ยากูซ่าที่มีการปกครองในแบบครอบครัว แบ่งอันดับชั้นตามผลงาน หรือจากการแต่งตั้งจากหัวหน้าใหญ่ การปกครองจะมีนายใหญ่ที่เรียกว่า "พ่อใหญ่" อันดับต่อมาคือ "พ่อเล็ก" และต่อมาคือ "ลูก ๆ " โดยสมาชิกทุกคนไม่มีคำว่า "กลัวตาย" และพร้อมจะรับคำสั่งจากพ่อใหญ่ โดยจะไม่ทำให้เกิดการผิดพลาด การจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่ของกลุ่มนี้จะมีการดื่มสาเกสาบานจากแก้วเดียว กันด้วย
2. Lone Yakuza หรือ ยากูซ่าไร้สังกัด จะไม่ขึ้นอยู่กับกลุ่มใด หรืออาจจะมีการรวมกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นโดยไม่มีการปกครองหลายชั้นเหมือนอย่างแรก แต่จะเป็นผู้มีอิทธิพลที่คอยเก็บค่าคุ้มครอง
กิจกรรมของยากูซ่าที่ทำในทุกวันนี้
กิจกรรม ส่วนใหญ่ของยากูซ่าในปัจจุบันนี้สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดจากยุค เริ่มต้นของยุคศักดินา เริ่มต้นคือ ยากูซ่านั้นไม่ได้เป็นสังคมลับ ๆ เหมือน กับมาเฟียอิตาเลียน หรือมาเฟียจีน องค์กรยากูซ่ามักจะมีสำนักงานซึ่งมีกระดานไม้ที่ประตูหน้า ซึ่งแสดงชื่อกลุ่มของตัวเองอยากเปิดเผย สมาชิกมักจะใส่แว่นตาดำและชุดสูทที่มีสีสัน (katagi) ทำให้คนทั่วไปรู้ ได้ว่าพวกเขามีอาชีพอะไร
แม้ว่าแนวทางการดำเนินชีวิตของพวกยากูซ่าจะแตกต่างจากพลเมืองโดยทั่ว ๆ ไป อย่างเห็นได้ชัด ความเหย่อหยิ่ง และท่าทางหยาบกระด้างของพวกยากูซ่านั้นก็ยังแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากชาว ญี่ปุ่นที่มีท่าทางสงบเสงี่ยมและไม่อวดดีในการดำเนินการทำธุรกิจของตน ในบางครั้งยากูซ่าก็จะแต่งตัวเหมือนคนปกติทั่วไป แต่เมื่อมีความจำเป็นพวกเขาก็จะโชว์รอยสักเพื่อบ่งบอกสังกัดที่ตัวเองอยู่ ในบางครั้งพวกเขายังสวมเข็มกลัดเครื่องหมายบนคอเสื้อนอกของพวกเขา
จน ถึงปัจจุบันนี้ รายได้หลักของยากูซ่านั้นมาจากการเรียกค่าคุ้มครองในแหล่งการค้า สถานบันเทิง ย่านโสเภณี ทั้งนี้เนื่องมาจากธุรกิจเหล่านี้เป็นธุรกิจที่ยากต่อการขอความช่วยเหลือจาก ตำรวจ และตำรวจญี่ปุ่นเองก็ลังเลใจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในสังคม เช่น แหล่งชอปปิ้ง โรงเรียน หรือ มหาวิทยาลัย และย่านกลางคืน ด้วย ใน ความหมายนี้ยากูซ่ายังคงเข้าไปเกี่ยวข้องกับองค์กรกึ่งถูกกฎหมาย ตัวอย่าง เช่น หลังจากแผ่นดินไหวที่โกเบ Yamaguchi-gumi ผู้ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในโกเบ ได้ย้ายตัวเองมาจัดให้บริการบรรเทาภัยพิบัติ (ซึ่งรวมถึงการใช้เฮลิคอปเตอร์) และเรื่องนี้สื่อก็ได้รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นนั้นให้ความช่วยเหลือต่อกรณีนี้ช้ากว่า ด้วยเหตุผลนี้เอง ยากูซ่าจำนวนมาก มองว่ารายได้ของพวกเขาเป็นเงินเก็บของภาษีในระบบขุนนาง บ่อยครั้งที่ยากูซ่ามักจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับชาวญี่ปุ่นในรูปของการขู่เข็ญ เอาเงิน หรือที่เรียกว่า sakaiya หรือที่รู้จักกันดีว่า "การเรียกค่าคุ้มครอง"
แทน ที่จะคุกคามธุรกิจเล็ก ยากูซ่ายังคุกคามการประชุมของผู้ถือหุ้นในบริษัทใหญ่ ๆ ด้วย พวกยากูซ่ามักจะกลัวผู้ถือหุ้นสามัญซึ่งทำในนามของพวกยากูซ่าซึ่งได้รับ สิทธิที่จะเข้าประชุมโดยการซื้อหุ้นจำนวนน้อย ๆ พวกยากูซ่ายังเข้าไปเกี่ยวพันกับการแบลคเมล การใส่ร้าย หรือข้อมูลที่น่าอับอายทั้งหลายเกี่ยวกับการดำเนินการของบริษัทหรือผู้นำ ครั้งหนึ่งพวกยากูซ่าได้รับตำแหน่งในบริษัทเหล่านี้ เพราะกุมความลับ หรือเรื่องอื้อฉาวภายในบริษัทไว้
ยากูซ่ายังเกี่ยวข้องกับที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธนาคารโดยผ่านทาง jiageya “Jiageya” นี้มีความชำนาญพิเศษในการติดต่อให้เจ้าของที่ดินรายเล็ก ๆ ขายทรัพย์สินของพวกเขา เพื่อที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์สามารถเข้ามาดำเนินการแผนการพัฒนาที่ดินได้ มากขึ้น ยุคเศรษฐกิจฟองสบู่ของญี่ปุ่นเมื่อยุค 1980 นั้น ธนาคารสาขาย่อย ๆ ตำหนิว่ายุคฟองสบู่เป็นผลมาจากการแสวงหากำไรเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั่น เอง หลังจากการล่มสลายของยุคฟองสบู่ ผู้จัดการธนาคารสำนักงานใหญ่ในนาโกยานั้นถูกลอบสังหาร และการแสวงหากำไรส่วนมากนั้นแสดงให้เห็นว่าธุรกิจธนาคารมีส่วนเกี่ยวข้องทาง อ้อมกับพวกนักเลงหัวไม้ชาวญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตามพวกโจรหรือขโมยไม่ได้ถูกยอมรับว่าเป็นกิจกรรมที่ถูกต้องสมควร ของพวกยากูซ่า ตรงนี้เป็นแนวคิดที่เห็นว่ากิจกรรมของยากูซ่านั้นเป็นแบบกึ่งเปิดเผย ยากูซ่านั้นมักจะไม่ดำเนินการทำธุรกิจที่แท้จริงด้วยตัวเขาเอง ตัวอย่างเช่น ธุรกิจหลัก ๆ เช่น การค้าขาย การปล่อยเงินกู้ หรือบ่อนการพนันที่ดำเนินการโดยพวกที่ไม่ได้เป็นยากูซ่า ผู้ดำเนินการกิจการเหล่านี้จะเป็นคนจ่ายค่าคุ้มครองให้ยากูซ่าเพื่อให้ดูแล กิจการของพวกเขา
นอกจากนั้นยังมีหลักฐานด้วยว่ายากูซ่าว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม ระหว่างประเทศ มีนักโทษที่มีรอยสักว่าเป็นยากูซ่าอยู่ในคุกประเทศต่างๆในเอเชียจำนวนมากที่ ถูกจับในข้อหาว่าเป็นอาชญากรค้าขายยาเสพติด และการลักลอบขนอาวุธเถื่อน ในปี 1997 มีสมาชิกยากูซ่าคนหนึ่งถูกจับในข้อหาลอบเอาเฮโรอีน 4 กิโลกรัมเข้าไปใน แคนาดา ในปี 1999 มาเฟียชาวอิตาเลียน-อเมริกันคนหนึง คือ Mickey Zaffarano แอบได้ยินการพูดคุยเกี่ยวกับการแสวงหากำไรจากการขายหนังสือลามก และยากูซ่าอีกคนหนึ่งกำลังนำผู้หญิงเชื้อสายยุโรปและเอเชียเข้าญี่ปุ่นโดย ล่อลวง และบังคับให้ผู้หญิงเหล่านั้นเป็นโสเภณีในเวลาต่อมา
รอยสักของยากูซ่า
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ยากูซ่าจะสักรอยสักไว้ที่ตัว ที่มาของรอยสักของยากูซ่านี้มาจาก Bakuto พวกเขามักจะสักวงแหวนสีดำรอบ ๆ แขนเพื่อแสดงถึงอาชญากรรมแต่ละครั้งที่ได้ทำลงไป สุดท้ายแล้วมันได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความเข้มแข็ง มันอาจจะต้องใช้เวลาสักมากกว่า 100 ชั่วโมงเพื่อที่จะทำการสักทั้งหลัง รอยสักนั้นเคยเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าคุณเต็มใจที่จะเข้าร่วมในสังคม กฎเกณฑ์ และแบบแผน แต่ในปัจจุบันนั้นแสดงให้เห็นถึงสังกัดที่คุณอยู่
สมาชิกของยากูซ่าในองค์กร
การเป็นสมาชิกยา กูซ่านั้น เขาไม่ได้สนใจว่าคุณจะมาจากไหน ประเทศใด หรือจากชนชั้นไหนในสังคมที่คุณอยู่ คุณสามารถเข้ามาเป็นสมาชิกได้เสมอ
ยากูซ่านั้นจะดูแลความความไม่ถูกต้องในสังคม สมาชิกของยากูซ่าอาจจะเป็นวัยรุ่นที่ถูกทอดทิ้งจากพ่อแม่ของเขา หรืออาจจะเป็นวัยรุ่นที่ได้รับความกดดันอย่างมากจากโรงเรียน หรือเป็นพวกผู้อพยพจากเกาหลี หรือ จีนเป็นต้น
เจ้านายที่ใกล้ตัวของพวกยากูซ่ามากที่สุดนั้นจะกลายมาเป็นเหมือนพ่อ และเพื่อนของพวกเขาจะกลายมาเป็นเพื่อนพี่น้องกัน สิ่งที่ยากูซ่าเสนอให้ไม่ใช่เพียงมิตรภาพ แต่ยังให้เงินตรา ฐานะ และอำนาจ มันไม่มีวิธีการเข้าสู่การเป็นสมาชิก หรือข้อกำหนดใดๆ แต่เมื่อคุณเข้ามาเป็นสมาชิกแล้ว สิ่งที่ตามมาคือต้องมีความเคารพเชื่อฟังต่อผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงกว่า
พิธีของพวกยากูซ่า
Yubitsume หรือการตัดนิ้ว นั้นเป็นรูปแบบของการทรมานตัวเองเพื่อลบล้างความผิด หรือการขอโทษ ถ้าหากนักการพนันไม่สามารถจ่ายหนี้ หรือสิ่งอื่นที่ใช้แทนเงินได้ พวกเขาเหล่านั้นจะถูกตัดปลายนิ้วก้อยออก ซึ่งเป็นการทำร้ายมือ และไม่ให้คนนั้นสามารถถือดาบหรืออาวุธได้เช่นเดียวกับเมื่อก่อน และยังเป็นการทำให้คนทั่วไปเห็นด้วยว่าหากไม่ยอมชำระหนี้ จะได้รับโทษอย่างที่เห็น ตั้งแต่นั้นมาการพนันก็ถูกห้ามไม่ให้เล่นในประเทศญี่ปุ่น
ต้นกำเนิดของการตัดนิ้วนี้มาจากแบบอย่างดั้งเดิมของการถูกดาบญี่ปุ่น สามนิ้วด้านล่างของแต่ละมือถูกใช้เพื่อจับดาบให้แน่น และ มีนิ้วโป่งและนิ้วชี้จับแบบหลวมๆ หากเคลื่อนย้ายนิ้วจะเริ่มต้นด้วยนิ้วก้อยยกมือขึ้นไปสู่นิ้วชี้จะทำใหความ สามารถในการถือดาบอ่อนแอลง แนวคิดก็คือหากคนที่จับดาบได้ไม่ถนัดแล้วเขาก็ต้องมองหาความคุ้มครองจากคน อื่น การกระทำนี้ได้ทำเพื่อเป็นการขอโทษต่อการไม่เชื่อฟัง และสามารถทำเพื่อชดเชยการกระทำผิดอื่นๆ แต่ก็สามารถทำเพื่อปกป้องรักษาชีวิตลูกคนหนึ่งของคนที่ถูกตัดนิ้วด้วย
เมื่อ ใดคุณทำในสิ่งที่ Kumicho ไม่ชอบ คุณจะต้องไปหาของมีคมมา ตัดปลายนิ้ว ห่อมันในกระดาษ และส่งมันไปที่ Kumicho และขอร้องเขาเพื่อให้อภัย ถ้ามันเป็นครั้งแรกที่คุณตัดปลายนิ้วก้อย หลังจากนั้นครั้งต่อไปจะกลายมาเป็นนิ้วก้อยอีกข้าง ด้วยเหตุนี้คุณจะเห็นว่าสมาชิกยากูซ่าหลายคนที่นิ้วหายไปหลายนิ้ว
นอกจากนั้นรูปแบบของการทรมานตัวเองเพื่อล้างความผิดในรูปแบบที่แรงกว่าคือ “Seppuku” หรือที่เรียกว่า hara-kiri นั่น คือการฆ่าตัวตายด้วยการคว้านท้อง พวกทหารและซามูไรญี่ปุ่นก็ต้องทำเช่นนี้หากทำงานของตัวเองล้มเหลว ในบางครั้งยากูซ่าก็ต้องทำ seppuku ด้วย
อีกพิธีหนึ่งของยากูซ่าที่สำคัญคือ พิธีการดื่มสาเกร่วมกัน การทำเช่นนี้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่ความผูกพันของความเป็นพี่น้องระหว่าง สมาชิกภายในของยากูซ่า หรือระหว่างกลุ่มยากูซ่าด้วยกันเอง
เมื่อสมาชิกยากูซ่าเล่นไพ่ Oicho-kabu ด้วยกัน พวกเขามักจะถอดเสื้อ และเอาเสื้อมาพันไว้รอบเอว การทำเช่นนี้เพื่อทำให้เห็นรอยสักทั้งร่างกายของพวกเขา น้อยครั้งที่สมาชิกยากูซ่าจะทำโชว์รอยสักให้กับคนอื่นได้เห็น พวกเขาจะปกปิดมันไว้ ไม่แสดงต่อที่สาธารณะ โดยการใส่เสื้อแขนยาว และใส่เสื้อที่มีคอสูง
"katagi" คืออะไร
Katagi มีความหมายที่ตรงกันข้ามกับ "yakuza" ซึ่งทุกคนที่ไม่ใช่ yakuza ก็คือ katagi และในข้อห้ามหนึ่งของ yakuza ก็คือห้ามฆ่า katagi
ทำอย่างไร yakuza จึงจะเป็นที่ยอมรับของกลุ่ม
ใครต่อใครก็สามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าคนไหนเป็น yakuza ที่มีตำแหน่งระดับล่างที่มาจาก katagi คนทั่วไปสามารถพบเห็นพวกเขาได้ทั่วไป ซึ่งอาจจะสังเกตจากการแต่งตัว หรือการสัก หรือจำนวนนิ้วมือ หรือ เราสามารถดูได้จาก "daimon" หรือเครื่องหมายบอกตำแหน่ง สำหรับสมาชิกตำแหน่งเล็ก ๆ นั้นก็จะมีการติดเครื่องหมายประจำกลุ่มไว้ที่ปกเสื้อ แต่สำหรับผู้ที่มีตำแหน่งสูง ๆ นั้นเครื่องหมายอาจจะทำด้วยทองคำ แต่สำหรับ yakuza ที่มีตำแหน่งระดับหัวหน้านั้นยากที่จะบอกได้ว่าเป็นใคร แต่จะรู้กันเฉพาะในกลุ่มของพวกเขาเท่านั้น
กลุ่มใหญ่ของ yakuza โดยทั่วไปมี 4 ประเภท โดยแบ่งจากแหล่งรายได้ของ yakuza
"Bakuto" คือ นักพนัน มีทั่วไปในญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ จะอยู่ตาม บ่อนพนัน bakuto yakuza อาจจะเป็นเจ้าของบ่อน หรือเป็นผู้คุ้มครองเจ้าของบ่อน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นนักพนันตัวยงด้วย นอกจากจะคุ้มครองบ่อนแล้วยังคุ้มครองบาร์, เล้าท์, และตามทวงหนี้เป็นต้น
"Tekiya" คือ yakuza ที่คอยเก็บเงินจากพ่อค้าแม่ค้าที่เปิดแผงขายของตามงานเทศกาลต่าง ๆ ที่มักจะมาชุมนุมเพื่อขายของในงาน Tekiya yakuza ก็มักจะมาจากอดีตหัวหน้าพ่อค้านั่นเอง หาเงินโดยการคุ้มครองทำเลขายของ ของพ่อค้าแม่ค้าที่จ่ายเงินให้และไม่ให้ใครมาล้ำเขต หรือแย่งที่ขายของ โดยบางกลุ่มจะมีการจ้างคนเก็บกวาดร้านค้าให้พ่อค้าแม่ค้าหลังจากงานเลิกด้วย
"Uyoku" คือ กลุ่มนักการเมือง พวกเขาคือคนที่เป็นชาตินิยม, หัวโบราณ อนุรักษ์นิยม, ผู้ที่จงรักษ์ภักดิ์ดีต่อจักพรรดิ์ และเกลียดระบอบคอมมิวนิส์ พวกเขาเชื่อว่าสงครามแฟซิฟิกเป็นการกระทำเพื่อปกป้องเอเชียจากการล่า อาณานิคมของพวกตะวันตก ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายพื้นฐานของ Uyoku yakuza ส่วนแหล่งเงินทุนที่พวกเขาได้รับนั้นไม่ทราบที่มาและเป็นความลับ แต่มีการลือกันว่า Uyoku yakuza ได้รับเงินสนับสนุนจากนักการเมือง
"Gurentai" คือ นักเลง, อันธพาล, วายร้าย, ผู้ร้าย, ฆาตกร, อาชญากร Bakuto และ Tekiya yakuza มีกฎข้อบังคับของแก๊งที่สืบต่อกันมายาวนาน แต่สำหรับ Gurentai yakuza พวกเขาไม่มีกฎหรือนโยบายของแก๊ง ดังนั้นจึงทำทุกอย่างเพื่อเงินเท่านั้น ไม่ว่าใครก็สามารถจ้าง Gurentai yakuza ทำสิ่งที่ต้องการได้ทั้งนั้น
Yakuza ดูเหมือนจะยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ดี ๆ ทุกอย่างแต่มีอย่างหนึ่งที่ yakuza ไม่ทำ คือ....?
วงการค้ากาม, ยาเสพติด, ข่มขู่ และ การก่อกวน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นงานของ yakuza แต่สิ่งที่ yakuza จะไม่ทำก็คือ "ปล้น" ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่หน้าอับอาย
Yakuza เกลียดอะไรมากที่สุด?
Yakuza เกลียดการดูถูกที่สุด และกลัวการขายหน้าที่สุด
ถ้าโดน yakuza คุกคาม จะหนีอย่างไร?
จ้าง yakuza กลุ่มอื่นให้ช่วยคุ้มครอง และเขาจะช่วยเจรจาต่อรอง และยังสามารถช่วยไกล่เกลี่ยปัญหาต่าง ๆ ให้คุณได้ แต่แน่นอนว่าเขาไม่ทำให้ฟรี ๆ และอาจจะต้องจ่ายในราคาที่สูงมาก ๆ จนกว่าเขาจะพอใจ แต่ก็ยังดีกว่าจะต้องหนีหัวซุกหัวซุน และเสียทรัพย์สินอื่น ๆ อีก
ภาษา Yakuza เป็นคำแสลง
Chaka/Hajiki = ปืนพกแปลโดย :: Jump Kun & Japankiku