ขณะที่ "ไอรอนแมน3" กำลังกวาดรายได้จากทั่วโลกอย่างเมามันส์ในตอนนี้ เรียกได้ว่าทุบสถิติรายได้แบบถล่มทลายในหลายประเทศ ทั้ง ฮ่องกง เกาหลี ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน และเวียดนาม เฉพาะที่ประเทศไทยกวาดรายได้วันแรกไปถึง 47 ล้านบาท ทำลายสถิติหนังเปิดตัววันแรกสูงสุดตลอดกาล แซงหน้า "มาร์เวลส์ ดิ อเวนเจอร์ส" จากค่ายเดียวกัน

และเพื่อไม่ให้ตกกระแส วันนี้เรามารู้เกี่ยวกับ 5 สิ่งในหนัง "ไอรอนแมน3" ในเรื่องที่คุณอาจจะยังไม่รู้กันดีกว่า

1.แม้ตอนนี้ "โรเบิร์ด ดาวนีย์ จูเนียร์" จะเป็นนักแสดงผู้ยิ่งใหญ่ แต่ความจริงแล้ว เขาไม่ใช่ตัวเลือกแรกในบท "โทนี่ สตาร์ก" ในการแคสติ้งบทไอรอนแมน เมื่อปี 2008 เพราะทั้ง "กวินเน็ธ พัลโทรว์" นางเอกของเรื่อง และ "มาร์เวลส์" ไม่ต้องการให้เขารับบทนี้

พัลโทรว์ ให้ข้อมูลว่า ในภาคแรกเขาต้องไปถ่ายคนละโลเกชั่นกับคนอื่น และเขาก็อ่อนน้อมถ่อมตนมาก แม้ว่า "มาร์เวลส์" จะไม่ต้องการเขา แต่ "จอน ฟาฟโรว์"  (ผู้กำกับคนเก่า) สู้ยิบตา เพื่อให้เขาได้บทนี้ และเขาก็ทำสำเร็จ

2."โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์" อาจจะไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองในวันนี้ หลังจากหนัง "ไอรอนแมน" ภาคแรกประสบความสำเร็จ มีรายงานว่าเขาเข้าไปเจรจาเรื่องรายได้ใหม่ เพื่อขอรับ 5-7% จากกำไรหนังของมาร์เวลส์ที่เขาร่วมแสดง

ข้อตกลงดังกล่าว คาดว่าจะทำให้รายได้ของเขาเพิ่มขึ้น 50 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ จากการรับบทไอรอนแมนในเรื่อง มาร์เวลส์ ดิ อเวนเจอร์ส ในปี 2012 ขณะที่ "ไอรอนแมน3" ทำรายได้ทั่วโลกไปแล้วกว่า 650 ล้านเหรียญสหรัฐ "โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์" จึงน่าจะรับทรัพย์จากหนังภาคนี้อีกเป็นกอบเป็นกำ

ใครจะรู้ ถ้าเขายังได้รับบท "ไอรอนแมน" ต่อไปเรื่อยๆ วันหนึ่งเขาอาจจะรวยได้พอๆ กับ "โทนี่ สตาร์ก" เลยก็ได้

3.สถาการณ์อาจไม่เป็นอย่างทุกวันนี้ ถ้าแฟนเพลงอุดหนุนอัลบัมเพลง The Futurist ของ "โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์" ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 เพราะเขาอาจจะต้องมีคิวเดินสายทัวร์คอนเสิร์ต และไม่มีเวลาจะมารับบท "ไอรอนแมน" ก็เป็นได้

แต่เนื่องจากอัลบัมดังกล่าวขายได้ 16,000 ก๊อปปี้ในสัปดาห์แรก และเปิดตัวครั้งแรกเป็นอันดับที่ 121 ในบิลบอร์ดชาร์จ ทำให้ "โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์" ไม่คิดเอาดีด้านการร้องเพลง

ใครอยากฟังเสียงพระเอกไอรอนแมน ร้องเพลง ไปเสิร์ชหาเพลง Man like me ในยูทูปได้เลย

4.หลังจากช่วยให้ "โรเบิร์ต" ได้รับบท "ไอรอนแมน" ทั้ง 2 ภาค ผู้กำกับ "จอน ฟาฟโรว์" ก็ตัดสินใจไม่กำกับต่อในภาค 3 แม้ว่าเขาจะยังนั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์ และรับบทบอดี้การ์ดคู่ใจของไอรอนแมนคือ "แฮปปี้ โฮแกน" ซึ่งเป็นการดันให้นักเขียนและผู้กำกับอีกคนอย่าง "เชน แบล็ค" มาเสียบแทน

โดยในช่วงเปิดเรื่อง ไอรอนแมน3 อยู่ในช่วงคริสต์มาส ซึ่งก็ดูแปลกสักหน่อยสำหรับหนังช่วงซัมเมอร์ แต่สำหรับผู้กำกับคนใหม่นี้ กลับไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไร เพราะการกำกับหนังเรื่องนี้ถือเป็นครั้งที่ 6 แล้ว ที่มีฉากที่กล่าวถึงวันคริสต์มาสในหนังของเขา

"แจ็ค" ให้สัมภาษณ์ว่า วันคริสต์มาสเป็นเรื่องสากล ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ เพราะฉะนั้นคุณจึงสามารถตัดใช้โลเกชั่นได้ทุกที่

5."เซอร์เบน คิงส์ลีย์" ผู้รับบทตัวร้าย "แมนดาริน" ผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศ ที่แสนชั่วร้ายและลึกลับ ก่อนหน้านี้เขาเคยรับรางวัลออสการ์ จากบทผู้นำการเรียกร้องสิทธิชาวอินเดียว "มหาตมะคานธีร์" ในหนังชีวิตประวัติ "คานธี" ปี 1982 แต่เขาไม่ยอมตอบคำถามที่ว่า คานธีจะคิดยังไงเกี่ยวกับตัวละครที่ชื่อแมนดาริน

"ถ้าผมตอบคำถามนี้ มันสะท้อนว่า ผมคิดจากตัวผมเอง ผมไม่ได้แค่แสร้งไปอยู่บนจอ เพื่อให้คนดูรักการแสดงนั้น นั่นไม่ใช่วิธีการแสดงในแบบของผม"