นักวิเคราะห์มองว่า ถึงแม้ผู้นำโลกจะพยายามใช้วิธีการต่างๆ กับประเทศเผด็จการเกาหลีเหนือ ทั้งให้ความช่วยเหลือ สั่งสอน คว่ำบาตร หรือการทำข้อตกลงผูกมัด แต่อนาคตของเกาหลีเหนืออาจจะขึ้นอยู่กับขนมหวานชิ้นกลมที่นายจ้างจากเกาหลีใต้ให้เป็นรางวัลแก่ลูกจ้างเกาหลีเหนือก็ได้
เมื่อวันที่ 1 พ.ค. สำนักข่าว เดอะการ์เดียน ของอังกฤษกล่าวถึงการที่ขนมช็อกโกพายและสิ่งของอื่นๆ เช่น ดีวีดี อาจกลายเป็นสิ่งที่เปิดโลกให้ประชาชนชาวเกาหลีเหนือได้เห็นโลกภายนอก
อังเดร ลันคอฟ ผู้เชี่ยวชาญด้านประเทศเกาหลีเหนือที่เคยเขียนหนังสือเรื่อง The Real North Korea กล่าวว่าขนมช็อกโกพายกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ใช้เปลี่ยนความคิดของคนเกาหลีเหนือได้
"มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งของเกาหลีใต้ และชาวเกาหลีเหนือก็รับรู้เช่นนั้น พวกเขากำลังทนทุกข์และอดอยาก แต่จากการที่มีขนมช็อกโกพาย ดีวีดี และการอพยพแรงงานจำนวนมากไปสู่จีน ทำให้ประชาชนไม่เชื่อเรื่องเก่าที่บอกว่าเกาหลีใต้จนกว่าอีกต่อไป และรัฐบาลเกาหลีเหนือเองก็เลิกโฆษณาเรื่องนี้" อังเดรกล่าว
ช็อกโกพายเป็นที่รู้จักของชาวเกาหลีเหนือผ่านทางนิคมอุตสาหกรรมแกซอง ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษของเกาหลีเหนือที่มีผู้ประกอบการชาวเกาหลีใต้เข้าไปตั้งโรงงานและจ้างแรงงานชาวเกาหลีเหนือในราคาถูก ขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งเงินตราต่างประเทศที่สำคัญของเกาหลีเหนือ แต่เมื่อช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาเหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ ทำให้รัฐบาลเกาหลีเหนือสั่งให้แรงงานเกาหลีเหนือมากกว่า 50,000 คน ออกจากพื้นที่ จนทำให้โรงงานไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้
เดอะการ์เดียน ระบุว่านายจ้างชาวเกาหลีใต้ไม่ได้รับอนุญาตให้จ่ายเงินโบนัสแก่พนักงานเนื่องจากถูกหาว่าเป็นการกระทำที่ ′ทุนนิยมเกินไป′ นายจ้างจึงหันมาใช้วิธีการให้รางวัลเป็นสินค้าแทน ที่นิยมให้คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับกาแฟผสมสำเร็จใส่ซอง แต่ขนมช็อกโกพายก็ถูกนำไปขายต่อด้วยราคาสูงกว่าราคาเดิม 3-4 เท่า และทำให้กลายเป็นของสำคัญสำหรับผู้สังเกตการณ์ประเทศเกาหลีเหนือ
โซกีล ปาร์ก ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและวางแผนงานขององค์กร ′เสรีภาพในเกาหลีเหนือ′ (Liberty in North Korea) ซึ่งทำงานด้านผู้ลี้ภัยจากเกาหลีเหนือกล่าวว่า สินค้าอย่างช็อกโกพายที่มาจากเกาหลีใต้กลายเป็นสิ่งดึงดูดใจของชาวเกาหลีเหนือเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกมากนักในฐานะผู้บริโภค
ชาวเกาหลีเหนือบางคนที่ทำงานพอได้เงินบ้างเล็กๆ น้อยๆ ก็จะซื้อดีวีดีจากต่างประเทศ หรือถ้าหากได้เงินมากกว่านั้นก็อาจจะซื้อโทรศัพท์มือถือ
"มีคนหนึ่งจากเมืองราซอน (เมืองท่าของเกาหลีเหนือ) บอกว่าเหตุที่เธอหลบหนีออกจากประเทศก็เพราะว่าประเทศเกาหลีเหนือไม่มีเสรีภาพด้านแฟชั่น" โซกีล ปาร์ก กล่าว เขาบอกอีกว่ามีคนหนุ่มสาวบางคนเริ่มเสี่ยงแต่งตัวด้วยกางเกงยีนส์เดนิมสีดำ แม้ว่าอาจจะถูกจับให้บังคับใช้แรงงานหนึ่งเดือน ขณะที่กางเกงยีนส์สีน้ำเงินและกางเกงยีนส์รัดรูปยังถูกห้าม
พัฒนาการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าชาวเกาหลีเหนือเริ่มมีความไม่พอใจและเริ่มรับรู้โลกภายนอกมากขึ้น ทำให้ผู้นำเองเริ่มรู้ตัว
"การที่พวกเขาเริ่มเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเองมาจากความสามารถในการสร้างรัฐเกาหลีสมัยใหม่ที่พึ่งพาตนเองได้ แต่พวกเขาก็เรียกร้องไม่สำเร็จ และโชคร้ายที่พวกเขาพูดออกมาไม่ได้ เพราะยังมีเกาหลีอีกรูปแบบหนึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงข้ามพรมแดน" อังเดร ลันคอฟ กล่าว
เรียบเรียงจาก
Choco Pies offer North Koreans a taste of the other side, The Guardian, 01-05-2013
http://www.guardian.co.uk/world/2013/may/01/choco-pies-north-koreans
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก
http://en.wikipedia.org/wiki/Kaesong_Industrial_Region