เสียงจากนักวิชาการชั้นนำ กรณี “ชัย ราชวัตร” หมิ่นนายกฯ ยิ่งลักษณ์ - กะหรี่เร่ขายตัว หญิงชั่วเร่ขายชาติ !

ภายหลังจาก “ชัย ราชวัตร” นักเขียนการ์ตูนการเมืองอาวุโส โพสต์ข้อความลงเฟซบุคส่วนตัวพร้อมภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 โดยมีข้อความว่า


“โปรดเข้าใจ กะหรี่ไม่ใช่หญิงคนชั่ว กระหรี่แค่เร่ขายตัว แต่หญิงคนชั่วเที่ยวเร่ขายชาติ” 




ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย 

กระทั่งในช่วงค่ำของวันที่1พฤษภาคมมีการโพสต์ข้อความทางเฟซบุค จากนักวิชาการทั้งด้านประวัติศาสตร์และด้านรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าว สามารถประมวลความเห็นดังนี้ 


นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า ปรากฎการณ์การโพสต์เฟซซบุคเกี่ยวกับการเมืองและเรื่องเพศ ของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และ “ชัย ราชวัตร” เป็นลางแพ้ของฝ่ายอำนาจเดิม บารมีเดิม

“ถ้าพิจารณาควบ กับ เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และพรรคพวก ฯลฯ การขาดสติ การใช้คำหยาบคาย ของชัย ราชวัตร
น่าจะเป็น สัญญาน และ ลางแพ้ ของฝ่ายอำนาจเดิม บารมีเดิม ครับ

from old establishment and old baramee
signs of losing a fight, lah..........”

 
 
ทั้งนี้ นายชาญวิทย์ ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมในสเตตัสเดียวกันว่า ขณะนี้มีกลุ่มที่มีปัญหาก้าวไม่พ้น "ยิ่งลักษณ์" โดยก่อนหน้านี้มีปัญหาก้าวไม่พ้น "ทักษิณ"
 
 
"ถ้าพิจารณาต่อ 
น่าเชื่อว่า คนเหล่านั้น 
นอกจากจะ "ก้าวไม่พ้นทักษิณ" แล้ว 
ตอนนี้ จะประสบปัญหา ที่ยากยิ่งกว่านั้นอีก คือ 
"ก้าวไม่พ้นยิ่งลักษณ์" แน่นอน 
cK@นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า .................."
 
ขณะที่นายเกษียร เตชะพีระ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า การด่าทอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในระยะหลัง สะท้อนภูมิปัญญาของฝ่ายอนุรักษ์นิยมไทยที่หมดท่า


“ถ้าการด่าทอดูหมิ่นผู้อื่นบนฐานชาติและเพศ(ซึ่งเป็นเรื่องติดตัวบุคคลมาแต่เกิดเลือกไม่ได้)เป็นเครื่องชดเชยความอ่อนแอบกพร่องทั้งเหตุผลและสติปัญญาแล้ว

เสียงระดมโหมด่าทอดูหมิ่นนายกฯยิ่งลักษณ์และพวกในระยะหลังนี้ ก็สะท้อนวิกฤตภูมิปัญญาของอนุรักษ์นิยมไทยชนิดสิ้นท่าหมดปัญญาจะทำอะไรอย่างอื่นได้แล้วไม่ต้องพูดถึงเอาชนะใจและชี้นำสังคมไทย”


ด้านน.ส.ชลิดาภรณ์ส่งสัมพันธ์อาจารย์คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุค Chalidaporn Songsamphan ระบุว่า การจัดให้ผู้หญิงเป็น กะหรี่ สะท้อนความกลัวต่อการที่ผู้หญิงไม่สยบยอม ขณะเดียวกันเป็นการยกย่องในทางอ้อม เนื่องจาก หากไม่มีความกล้าและไม่เข้มแข็ง ก็เป็นกะหรี่ไม่ได้

“′ผู้หญิงขบถ′ เรื่องเพศ/ความคิด/วิถีชีวิตมักถูกสถาปนาให้เป็นกะหรี่ การจัดให้ผู้หญิงเป็นกะหรี่สะท้อนความกลัวอำนาจของการไม่สยบยอมของเธอ

สำหรับข้าพเจ้าการถูกตีตรากะหรี่คือการยกย่องทางอ้อมในความไม่สยบยอมและขัดขืนกรอบความเป็นหญิงดีที่กำกับชีวิตไม่กล้าและเข้มแข็งมากๆเป็นกะหรี่ไม่ได้ค่ะ”


ทั้งนี้นายเกษียรได้ให้ความเห็นต่อสเตตัสของน.ส.ชลิดาภรณ์ว่าไม่แน่ว่าคนอื่นๆ อาจจะมีความเห็นแตกต่างจาก น.ส.ชลิดาภรณ์ เพราะหากใครถูกเรียกว่า กะหรี่ คงไม่ได้รอรับฟังเหตุผลที่ดีดังกล่าว


“คำที่สำคัญที่สุดในข้อความของอ.ชลิฯข้างต้นคือ"สำหรับข้าพเจ้า..."นะครับ สำหรับคนอื่นไม่แน่ และเขาย่อมอาจประเมินค่าและคิดต่างไปตามฐานทรรศนะและประสบการณ์ของเขา ทรรศนะและประสบการณ์ของเขาอาจผิด ไม่รอบด้าน บกพร่อง ฯลฯ แต่เขาคิดแบบนั้นอ่ะ และเมื่อเขาถูกเรียกด้วยถ้อยคำดังกล่าว เขาก็อาจรู้สึกต่างไปจาก อ.ชลิฯ ก็เป็นได้ ม่ายงั้นพรุ่งนี้เช้า อาจมีใครไปยืนที่สถานี BTS และโดยไม่ต้องถามไถ่ความรู้สึกความเห็นใคร ก็ชี้หน้าเรียกแต่ละคนที่เดินผ่านว่า "กะหรี่" และบอกว่าอย่าโกรธผมเลย มีเหตุผลดี ๆ กว่าของคุณอยู่ที่อ.ชลิฯ ฯลฯ” - คอมเมนท์จาก Kasian Tejapira


ด้านนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ด้านประวัติศาสตร์ คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นผ่านทางเฟซบุค ต่อสเตตัสของ "ชัย ราชวัตร" ว่า การโพสต์เนื้อหาดังกล่าวไม่มีความหมายอะไร เป็นเพียงการระบายอารมณ์ ซึ่งวิธีการเช่นนี้มีอยู่ในทุกฝ่ายรวมถึงคนเสื้อแดงด้วยที่เปรียบเทียบกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เกี่ยวกับเรื่องเพศหรือกำลังสังวาส ซึ่งส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้มองว่ามีความสำคัญอะไร อย่างไรก็ตาม เห็นว่า ชัย ราชวัตร ไม่ได้เปรียบเทียบยิ่งลักษณ์ เป็นกะหรี่ แต่เปรียบเทียบว่า กะหรี่ ยังดีกว่ายิ่งลักษณ์ หรือ มองว่าต่ำกว่ากะหรี่ ทั้งนี้ ข้อความสำคัญของนายสมศักดิ์คือ ไม่เห็นด้วยกับการฟ้องร้องเรืองหมิ่นประมาทโดยเฉพาะถ้าคนถูกด่าเป็นคนในวงการอำนาจรัฐ และไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายพิเศษมาคุ้มครอง


“โอเค ได้เห็นภาพเริ่มต้นของชัย แล้ว ตามทีโพสต์ให้ดูกระทุ้ข้างล่าง (แปลกจริงๆ ที่เห็นแต่ภาพหรือข้อความทีคนอื่นมาทำต่อเยอะมาก เพิ่งมาได้เห็นภาพเริ่มต้น)

ผมมีความเห็นทีอาจจะไม่ถูกใจ คนที่กำลังโกรธๆ ชัย นะครับ

(ผมเห็นเพื่อนหลายคน สนับสนุนให้ยิ่งลักษณ์ ฟ้องหมิ่นประมาท)

คือผม เฉยๆน่ะ ไมใช่เพราะเห็นด้วย เห็นดีเห็นงามนะครับ แต่เฉยๆ ในแง่ทีไม่รู้สึกมีราคา หรือความสำคัญ หรือความน่าสนใจอะไร

นิดนึงนะครับ ผมเห็นคนด่า ชัย ว่า ชัย ด่ายิ่งลักษณ์ หรือ เปรียบเทียบ ยิ่งลักษณ์ เป็นกะหรี่ .. อันทีจริง เขาด่ายิ่งลักษณ์ ว่า "ต่ำ" กว่ากะหรี่ นะครับ ไมใช่ว่า ด่าว่าเป็นกะหรี่ (พูดง่ายๆคือบอกว่ากะหรี่ ดีกว่า อะไรประมาณนั้น)

แต่เรืองด่ายิ่งลักษณ์ เป็นกะหรี่ หรือเปรียบเปรย กับกะหรี่ นี่ก็เห็นกันมาก่อน โอเค อาจจะในหมู่ คนธรรมดา ของฝ่ายทีเกลียดยิ่งลักษณ์ ยกเว้นกรณี เอกยุทธ ที่เป็นคนดัง ซึงใช้คำคล้ายๆชัย (“ไม่อยากจะกล่าวคำแบบนี้ เพราะจะดูเสมือนดูถูกสตรี..แต่ในความเป็นจริงนั้น..สาวเหนือที่ไร้การศึกษาหรือขี้เกียจ และด้อยปัญญา จะมาทำงานสบายที่หญิงปกติไม่ทำกัน..หลักๆก็คือขายบริการ..ฉะนั้นสาวเหนือที่ไร้สติปัญญาและโง่เขลาขนาดหนักแต่หน้าด้านมารับตำแหน่งก็ควรจะรู้นะว่าอาชีพอะไรที่เหมาะแก่คุณ?”)..อันนี้เป็นการด่าหรือเปรียบเป็นกะหรี่คือไมใช่"ต่ำกว่า" แบบกรณีชัย


อันทีจริง ผมเคยยกประเด็นนี้ ขึ้นมาพูดหลายครั้ง ในแง่ทีว่า ถ้าหาก เป็นเรื่องทีถือว่า ปกติ ที่ไม่ต้องมีการฟ้องร้อง ทีมีคนด่าคนระดับนายกฯ เป็นกะหรี่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายพิเศษมาคุ้มครอง ก็ไม่ควรมีกฎหมายคุ้มครองพิเศษในกรณีเจ้า เช่นกัน คือ ให้ใช้บรรทัดฐานเดียวกัน

แต่ไหนแต่ไร ผมเห็น่วา เรื่องการด่า แบบรสนิยมต่ำแบบนี้ จริงๆ ไม่มีค่า หรือความหมายอะไร

และก็เป็นเรื่องทีผมไม่เห็นด้วยกับการฟ้องร้องเรืองหมิ่นประมาทโดยเฉพาะถ้าคนถูกด่าเป็นคนในวงการอำนาจรัฐ(อย่างในกรณีนี้)

(และถ้าพูดกันแบบตรงไปตรงมานะ ผมก็เห็นเสื้อแดงบางคน ด่า มาร์ก หรือ สุเทพ ในลักษณะ แรงๆบ่อย เปรียบเป็นกะเทย กำลังสังวาส กันเป็นต้น ซึงผมก็ไม่ค่อยชอบ แต่ก็รู้สึกเป็นอะไรทีไม่ค่อยสำคัญเช่นกัน)

ผมไม่คิดจะบอกว่า การด่า ไม่ดี บลา บลา บลา นะครับ ผมว่า ใครอยากด่า แบบนี้ ก็แล้วแต่ (ไม่ว่าฝ่ายไหน) โดยส่วนตัว ผมรู้สึกว่า มันไม่มีความหมายอะไร อย่างมาก ก็แค่ "ระบายอารมณ์" (ซึงผมก็ไม่ว่าอะไร ถ้าใครจะรู้สึก อยากระบายแบบนั้น) หรือ ไม่ถ้าแย่หน่อย ก็แค่สะท้อนรสนิยมทีไม่เอาไหนของคนด่า มากกว่า

ผมมองแบบนี้โดยตลอดนะ เวลามีใครมาด่าผม หรือด่าพ่อล่อแม่ ผมแรงๆ ผมเลยเฉยๆน่ะ

แต่คนอื่นอยากโกรธ อยากด่ากลับแรง หรือ อยากประท้วง อะไรก็แล้วแต่เช่นกันน่ะ

แต่เอาถึงขั้น ฟ้องร้องอะไร นี่ต้องบอกว่า ไม่เห็นด้วยนะ

..............

โดยส่วนตัว ผมเชือว่า การ "ปล่อย" แม้แต่เรืองแบบนี้ ในระยะยาว มันจะค่อยๆ หมดความหมาย ความสำคัญไปเองน่ะ ... ไมใช่ จะไม่มีคนด่าแบบนี้อีก (ยังไงก็คงมี) แต่มันจะน้อยๆไปเอง ไม่มีความสำคัญไปเอง ในทางการเมือง หรือชีวิตสาธารณะ กระแสหลัก ... ทุกวันนี้ เพราะการเมือง หรือชีวิตสาธารณะ ของไทย มันไม่ "ปกติ" มันอยู่ในภาวะ "วิกฤติ" ทีลึกซึั้ง รุนแรงมาก เราเลยเห็นการด่าในลักษณะนี้ บ่อย แต่ถ้าเราหาทางออกจากวิกฤติแบบนี้ได้ เรืองพวกนี้ จะค่อยๆ กลายเป็นอะไรที ไม่มีความหมายไปเอง"


อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ สถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun หลายสเตตัส เกี่ยวกับชัย ราชวัตร โดยมีสเตตัสหนึ่ง ที่โพสต์เป็นข้อความเสียดสีว่า
 

“Welcome to กะหรี่แลนด์

..ดินแดนที่อาชีพกะหรี่นำรายได้เข้าประเทศมากมาย 

...ดินแดนที่กะหรี่มีอยู่ในทุกชุมชุนไม่ว่าชุมชนนักหนังสือพิมพ์ศิลปินหรือแม้แต่ในกลุ่มสตรีสูงศักดิ์

....ดินแดนที่ทุกลมหายใจสูดเข้าออกเป็นกะหรี่มึนเมาถึงขนาดป้ายสีคนที่ไม่ใช่กะหรี่ว่าเป็นกะหรี่แต่ที่เป็นกะหรี่จริงๆกลับไม่มีใครกล้าแตะ”


นอกจากนี้ในโลกออนไลน์ยังมีการแชร์ข้อความนัดหมายไปประท้วง "ชัย ราชวัตร" ในวันที่ 2 พฤษภาคมด้วย 

ที่มา  : มติชนออนไลน์
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...