ยามร้อนตับแตกเช่นนี้ ทานอะไรก็ไม่อร่อย ไม่อิ่ม ไหนเลยจะมาสู้ทานข้าวเหนียวมูน+มะม่วงสุก
เทคนิคการกิน “ข้าวเหนียวมะม่วง” ไม่เพิ่มพุง คือ
1. ให้หนักมะม่วงมากกว่าข้าวเหนียว
2. ใช้ข้าวเหนียวดำเพราะมีไฟเบอร์และแอนตี้ออกซิแดนท์ชั้นดี
3. มื้อใดกินข้าวเหนียวมะม่วงมื้อนั้นไม่ควรรับประทานข้าวแล้ว
4. ให้ถือข้าวเหนียวมะม่วงเป็นอาหารมื้อหนักมื้อหนึ่ง
5. รับประทานทีละชุดเล็ก เช่น มะม่วงหนึ่งลูกต่อข้าวเหนียวมูนขนาดเท่ามะม่วงครึ่งลูก
6. ขอให้รับประทานช่วงเที่ยงจะดีกว่าก่อนนอน
ประโยชน์ของข้าวเหนียวมะม่วง
1.กะทิในข้าวเหนียวมูนช่วยทำให้วิตามินเอและอีจากมะม่วงดูดซึมดีขึ้น
2.เนื้อมะม่วงสุกช่วยชะชอให้น้ำตาลจากข้าวเหนียวดูดซึมช้าลง
3.เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง
4.มะม่วงให้ไฟเบอร์สูง
5.ช่วยทำให้สดชื่นในผู้ที่เบื่ออาหารหรือรับประทานอาหารมื้อหลักไม่ค่อยได้
โทษของข้าวเหนียวมะม่วง
1.เพราะเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงจึงไม่เหมาะกับผู้มีน้ำหนักเกิน
2.แป้งข้าวเหนียวเปลี่ยนเป็นไขมัน “ไตรกลีเซอไรด์” ได้ ถ้าหนักข้าวเหนียวเกินไปทำให้เกิด “มันจุกตับ”ได้
3.กะทิกับข้าวเหนียวมีธาตุเค็มที่เร่งความดันสูง
4.มะม่วงสุกหวานกับข้าวเหนียวหวานมันกระตุ้นอาการอักเสบร้อนในได้
5.ถ้ากินร่วมกับอาหารมื้อหลักอาจทำให้นอนไม่หลับหรือรู้สึกไม่สดชื่นเพราะให้พลังงานสูงมาก